พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่678 คุ้มขวัญ

บทที่678 คุ้มขวัญ

บทที่678 คุ้มขวัญ

อำเภอคีงเมน

ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง รพีพงษ์และดำเกิงนั่งอยู่บนโต๊ะโต๊ะหนึ่ง บนโต๊ะวางอาหารเอาไว้หลายอย่าง ดำเกิงกำลังกินอย่างตะกละตะกลาม

“รุ่นพี่ ไม่พูดอย่างอื่น อาการด้านนอกอร่อยกว่าอาหารในป่าเยอะเลย ปกติกับข้าวที่เรากินกันเป็นกับข้าวที่ทำกันเอง จะอร่อยกว่าเชฟทำได้ไงกัน” ดำเกิงกินพลางพูดพลาง

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “งั้นก็กินมากๆ รุ่นพีอย่างฉันไม่มีทางจนเพราะการกินของแกได้หรอก”

ในตอนที่ทั้งสองกำลังกินข้าวอยู่นั้น ในร้านอาหารก็มีคนจำนวนไม่น้อยแล้ว ล้วนกำลังพูดถึงอะไรสักอย่าง รพีพงษ์ตั้งใจฟัง พบว่ากำลังพูดเกี่ยวกับตระกูลวิรุฬห์ธนกิจอยู่

“พวกแกได้ยินไหม คุณหนูของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจนั้น สร้างเรื่องอีกแล้ว หล่อนไปห้างเพื่อซื้อของ เพียงเพราะพนักงานพูดผิด จึงได้ตบเค้าไปสิบฉาด แล้วยังให้ผู้บริหารของห้างไล่เค้าออกไปอีก ได้ยินว่าครอบครัวของพนักงานคนนั้นต้องพึงเธอเพียงคนเดียว ชั่งเหี้ยวจริงๆ”

“นี่อะไร พวกแกลืมแล้วหรอว่าก่อนหน้านี้ คุณหนูตระกูลวิรุฬห์ธนกิจเพื่อจัดการแข่งขันผจญภัย จับเด็กผู้ชายที่กำลังเรียนอยู่ไปยี่สิบคน แล้วทิ้งไว้ในบนหุบเขา สุดท้ายมีห้าคนที่หายตัวไป สามคนถูกสัตว์ป่ากัดแขนขาด สุดท้ายใช้เงินนิดหน่อยก็จบ”

“จุ๊จุ๊จุ๊ ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจที่อำเภอคีงเมน คือเจ้าพ่อ ใครกล้าแตะ คุณหนูของพวกเขายโสโอหังตั้งแต่เล็กจนโตใครไม่รู้บ้าง ที่น่าสงสารที่สุดก็คือพวกเราชาวบ้านตาดำๆนี่แหละ ขออย่าให้ชาตินี้ฉันต้องเจอกับคุณหนูตระกูลวิรุฬห์ธนกิจอีกเลย”

……

รพีพงษ์ได้ยินรอบๆพูดคุยกัน ก็มองไปที่ดำเกิง แล้วกล่าว “ชื่อเสียงของคุณหนูตระกูลวิรุฬห์ธนกิจที่นี่ ไม่ค่อยดีนะ ฟังแล้วก็เป็นคนที่ยโสโอหังเอาการอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นทำไมแกชอบคนแบบนี้ได้?”

ดำเกิงอับอาย เมื่อกี๊ที่คนรอบๆพูดคุยกันเขาได้ยินทั้งหมดแล้ว จึงรีบอธิบายว่า “ตอนนั้นผมเพิ่งจะสิบแปดปี ค่อนข้างไร้เดียงสา ใครจะไปสนว่าเธอเป็นคนยังไง แค่เห็นว่าเธอสวย ดังนั้นจะหลงใหล ตอนนี้รู้สึกแล้ว ไม่ชอบเธอตั้งนานแล้ว ไม่งั้นผมไม่มีทางมาที่นี่เพื่อล้างแค้นโดยเฉพาะหรอก”

รพีพงษ์ยิ้ม ไม่พูดอะไร ในใจคิดว่าเขาก็แค่ยี่สิบปี ไม่ว่าจะยังไง ก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก

ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสองเดิรออกมาจากร้านอาหาร แพลนว่าจะหาที่พัก วางของก่อน จากนั้นค่อยไปตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ

ไตร่ตรองแล้วว่ายังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับตระกูลวิรุฬห์ธนกิจตอนนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณหนูกับพี่ชายของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจอยู่หรือไม่ ทั้งสองจึงตัดสินใจอยู่ที่อำเภอคีงเมนสักวันสองวัน

ในตอนที่เดินอยู่บนถนนนั้น ห่างไปอีกไกล ได้ยินเสียงเร่งเครื่อง จากนั้น ก็มีรถสปอร์ตสีชมพูผ่านตาไป อย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี่ มีคุณยายกำลังเดินข้ามถนนอยู่ อาจเป็นเพราะเสียงแตรของรถสปอร์ต ทำเอาคุณยายกลัวจนไม่กล้าเดินต่อ แล้วหยุดอยู่กลางถนน

รพีพงษ์และดำเกิงคิดว่าเมื่อรถสปอร์ตคันนี้เห็นคุณยายแล้วจะวิ่งช้าลง แต่ทว่ารถสปอร์ตมิได้ลดความเร็วลงแต่อย่างใด แต่กลับบีบแตรแล้วพุ่งไปที่คุณยายอย่างบ้าคลั่ง ราวกับโมโหที่คุณยายขวางทางเขาอย่างไรอย่างนั้น

รพีพงษ์เห็นดังนี้ จึงรีบเข้าไปพยุงคุณยายไว้ รีบพาเธอออกมาจากกลางถนน

ดำเกิงโมโห รู้สึกว่ารถสปอร์ตทำเกินไป คุณยายตัวออกจะใหญ่ ถ้าตกใจจนเป็นอะไรไป รถสปอร์ตนี้ก็หนีไป และหาไม่เจอแน่นอน

เขาได้ไปกลางถนน จ้องไปที่รถสปอร์ต รถสปอร์ตบีบแตรอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่ทว่าดำเกิงก็มิได้ถอยไปแต่อย่างไร

ใกล้จะชน รถสปอร์ตสีชมพูไม่เหยียบเบรคมิด ล้อบดขยี้เข้ากับถนน ทำเอาคนที่ผ่านไปผ่านมาผวาไปตามๆกัน

รถสปอร์ตสีชมพูคันนี้จอดอยู่ห่างจากดำเกิงเพียงแค่สามเซ็นติเมตรเท่านั้น คนรอบข้างล้วนเสียวแทนดำเกิง

ไม่นาน รถสปอร์ตก็มีหญิงที่ผูกผมหางม้า ใส่แว่นกันแดด ปากแดง ใส่ทองเป็นประกาย และใส่กระโปรงสั้น

เมื่อหญิงคนนั้นลงมา ก็ด่าดำเกิงว่า “หาที่ตายหรือไง? กล้าขวางทางฉัน แกคิดว่าฉันไม่กล้าชนหรือไง?”

ดำเกิงมองไปที่สาวคนนั้นด้วยความอึ้ง จากนั้นก็ตะโกน “คุ้มขวัญ?”

หญิงสาวชะงัก ไม่คาดคิดว่าอีกฝั่งจะเรียกชื่อของตัวเองออกมา แต่ในอำเภอคีงเมน คนที่รู้จักชื่อเธอก็มีจำนวนไม่น้อย จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ

“ไง? อยากใกล้ชิดฉัน? อย่าคิดว่าเรียกชื่อฉัน แล้ววันนี้ฉันจะปล่อยแกไปนะ” คุ้มขวัญดูแคลน

ในขณะนี้คนรอบข้างล้วนสงสารดำเกิง เพราะพวกเขารู้ ว่าเจ้าของรถสีชมพูนี้ คือคุณหนูของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ

“คุ้มขวัญ คุณไม่รู้จักผม?” ดำเกิงถาม

คุ้มขวัญดูดำเกิง ในสมองผุดร่างของคนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็ตาโต ชี้ไปที่ดำเกิงแล้วถาม “แกคือดำเกิง?”

ดำเกิงยืดอก แล้วกล่าว “ถูกแล้ว ผมเอง”

คุ้มขวัญหัวเราะ แล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไอ้สวะอย่างแก ถ้ารู้ว่าเป็นแก ฉันจะชนเข้าไปเลยล่ะ!”

ดำเกิงบูดบึ้ง เห็นคุ้มขวัญยังคงดูถูกเขาดั่งเช่นในตอนนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“แม้เมื่อกี๊คุณจะชน แต่ผมก็ยังหลบได้อย่างสบาย คุ้มขวัญ จะบอกให้นะ ผมไม่เหมือนสองปีที่แล้ว ผมในตอนนี้ ได้เติบโตถึงขั้นที่แม้แต่คุณก็คาดไม่ถึง ครั้งนี้ที่ผมมา เพื่อล้างแค้นในตอนนั้น!” ดำเกิงกล่าวอย่างเยือกเย็น

คุ้มขวัญบึนปาก แล้วกล่าว “ฝันไปเถอะ ไอ้สวะอย่างแก ตอนนั้นพี่ชายฉันต่อยแกจนแกตั้งรับไม่ทัน แกคิดว่าผ่านไปสองปี แล้วจะชนะเขาได้หรอ ไอ้งั่ง”

พูดจบ คุ้มขวัญจะออกไปจากที่นี่ เธอขี้เกียจเสียเวลากับไอ้สวะ

ในขณะเดียวกันนี้เอง ดำเกิงจับข้อมือของคุ้มขวัญไว้ แล้วกล่าว “ผมจะชนะเขาหรือไม่ รอให้ไปที่บ้านของคุณก็จะรู้แล้ว ถ้าคุณจะไป ต้องขอโทษคุณยายคนนั้นเสียก่อน”

คุ้มชวัญหันไปชักตาใส่ดำเกิง แล้วตะคอก “ปัญญาอ่อนป้ะ ทำไมฉันต้องขอโทษยายนั่นด้วย ปล่อยฉันนะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

“ถ้าวันนี้ไม่ขอโทษ ก็อย่าคิดจะไปไหนได้!” ดำเกิงกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ดำเกิง ไอ้สวะ กล้าสั่งฉันหรอ!” คุ้มขวัญไม่พอใจ

ดำเกิงไม่พูดพร่ำทำเพลงลากคุ้มขวัญไปอยู่ต่อหน้าของคุณยาย แล้วกล่าว “ขอโทษ”

คุ้มขวัญถูกดำเกิงบีบจนเจ็บ เธออยากจะจัดการดำเกิงซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่เธอรู้ว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆสู้ดำเกิงไม่ได้ จึงได้ยอมถอย ดังนั้นจึงได้ขอโทษคุณยายคนนั้นอย่างรำคาญ

ดำเกิงจึงปล่อยเธอไป

เธอเดินไปยังเดินหน้าของรถ แล้วตะคอกไปที่ดำเกิง “ฝากไว้ก่อน ฉันไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่!” พูดจบ ก็ได้เข้าไปนั่งในรถสปอร์ต แล้วออกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท