พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่676 ผมไม่รังแกใคร

บทที่676 ผมไม่รังแกใคร

บทที่676 ผมไม่รังแกใคร

เช้าวันรุ่งขึ้น ศศินัดดาขโมยมีดจากห้องครัวเพื่อจะไปสู้กับรพีพงษ์ แต่ถูกการ์ดของตระกูลลัดดาวัลย์ห้ามไว้

แม้จะรู้เรื่องราวต่างๆของศศินัดดาแล้ว แต่ชลาธิปก็ยังรู้สึกว่าศศินัดดาเลี้ยงอารียามาโตขนาดนี้ไม่ง่าย ยังไงก็ไปขอโทษเธอหน่อยล่ะกัน

ศศินัดดาไม่รับคำขอโทษ และยังคงถือมีดสร้างความวุ่นวายอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ สุดท้ายรพีพงษ์ออกหน้า แล้วเอาชนะศศินัดดามาได้

ตอนนี้ขวัญนลินยังไม่ครบเดือน รพีพงษ์ไม่มีทางจะที่จะเอาระเบิดเวลาอย่างศศินัดดาไว้ในตระกูลลัดดาวัลย์ได้ เขาให้ท่านคทาเอาเงินให้ศศินัดดาก้อนหนึ่ง ให้เธอกลับเมืองริเวอร์

ศศินัดดาไม่ยอมรับ จะถือมีดไปหาอารียาให้ได้ ให้อารียาตัดสินใจแทนเธอ

รพีพงษ์ไม่มีทางเลือก จึงใช้กำลังภายในทำให้มีดงอต่อหน้าศศินัดดาโดยตรง เมื่อเป็นงี้ศศินัดดาจึงนิ่งสงบลง แล้วรับเงินกลับเมืองริเวอร์อย่างเชื่อฟัง ก่อนจากไปยังด่ารพีพงษ์ แล้วยังขโมยกระดิ่งทองบนคอของสิงโตไปอีกด้วย

ชลาธิปเพิ่งจะรู้ถึงความร้ายกาจของศศินัดดาก็ตอนนี้ จึงรู้สึกสงสารลูกสาวตัวเองขึ้นมา ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เธอผ่านมาได้ยังไง

หลังจากที่ศศินัดดาจากไปแล้ว รพีพงษ์ได้เล่าเรื่องนี้ให้อารียาฟัง เมื่ออารียาได้ยินก็รู้สึกเบื่อหน่าย เธอไม่รู้จะทำยังไง กับศศินัดดาแล้ว

ช่วงนี้รพีพงษ์ให้เธอไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น ดูแลสุขภาพจิตตัวเองให้ดีก็พอแล้ว อารียาไม่มีปัญหาอะไร หลังจากที่ลูกสาวคลอดแล้ว ในสายตาเธอ มีเพียงลูกสาวเท่านั้น

หลายวันต่อจากนี้ไป จากการช่วยเหลือของรพีพงษ์ ชลาธิปก็มารับช่วงต่อทรัพย์สินของตระกูลลัดดาวัลย์อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เขาได้พาผู้ชำนวญมา ช่วยบริหารธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ ในฐานะที่เป็นนายใหญ่ของตระกูลแนวหน้าของโลก ไม่มีทางทำให้รพีพงษ์เสียหน้าแน่นอน

รพีพงษ์ไม่เกรงใจ จัดให้เธียรวิชญ์และท่านคทามาเรียนรู้ ให้พวกเขาได้มีระดับการจัดการแบบตระกูลชั้นนำของโลก

วันนี้ในช่วงบ่าย ในสวนของคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงศ์กับชลาธิปและการ์ดข้างกายฝีมือดีที่สุด ทยุติยืนอยู่ด้วยกัน

ชลาธิปจ้องรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ความจริงแกไม่จำเป็นต้องหายอดฝีมือมาปกป้องอารี ให้ทยุติเฝ้าอยู่ข้างกายอารี รับรองไม่มีใครสามารถเข้าใกล้อารีได้แน่นอน

ทยุติที่อยู่ข้างกายแสดงกล้ามเนื้อของตัวเองให้รพีพงษ์ดู ด้วยความมั่นใจ

ครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์ไปเมืองเซี่ยงไฮ้ ทยุติไปทำภารกิจข้างนอกพอดี ไม่ได้อยู่ข้างกายชลาธิป จนกระทั่งปัจจุบัน ชลาธิปยังคิดเสมอว่า ถ้าตอนนั้นทยุติอยู่ รพีพงษ์ไม่มีทางเอาอารียาไปจากเขาได้

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “คนที่ผมหาไม่ได้เป็นคนธรรมดา บอดี้การ์ดคนนี้ของคุณถึงแม้จะเก่งกาจ แต่ถ้าเทียบกับพวกเขาแล้ว ยังห่างกันอีกไกล”

“คุณรพี คุณอย่าดูถูกคนอื่น ผมทยุติแม้จะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในโลก แต่ถ้าจะให้ติดอันดับต้นๆนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อก่อนผมได้ยินนายใหญ่บอกว่าความสามารถของคุณนั้นเก่งกาจ เลยอยากประลองกับคุณมาโดยตลอด วันนี้มีโอกาสพอดี คุณรพีจะกรุณาหรือไม่?” ทยุติท่าทีกระตือรือร้นที่อยากจะลอง

จากการสังเกตในช่วงหลายวันมานี้ เขารู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คํ่ต่อกลอนของเขา กังนั้นเมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดว่าเขาเทียบไม่ได้กับคนที่รพีพงษ์หามา เขาจึงรู้สึกไม่พอใจ

รพีพงษ์ยิ้มพลางส่ายหัว แล้วกล่าว “ฉันไม่ประลองกับแกล่ะ เดี๋ยวพอถึงเวลานั้นนายใหญ่ของแกก็ว่าฉันรังแกคนอีก”

ทยุติได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แล้วกล่าว “คุณรพี อย่าเพิ่งพูดแบบนี้ ยังไม่เคยลอง จะรู้ได้ไงว่าใครรังแกใคร”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่ได้ดูถูกทยุติ แต่ด้วยความสามารถของเขาตอนนี้ แค่ตบเดียวก็สามารถตบจนทยุติตายได้ แม้ทยุติจะเก่งกาจขนาดไหน ปต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อกลอนของยอดฝีมือกำลังภายใน

ความแตกต่างระหว่างกำลังภายในและภายนอก ก็เช่นเดียวกับมังกรรังแกงูเล็ก ความแตกต่างของทั้งสอง เทียบกันไม่ได้

ชลาธิปชลาธิปก็รู้สึกว่ารพีพงษ์โอ้อวดเกินไป เขารู้ดีถึงความสามารถของทยุติ ถ้าเขากับรพีงษ์ต่อสู้กัน ใครแพ้ใครชนะ บอกไม่ได้จริงๆ

ไม่นาน คนหนึ่งวิ่งมาถึงในสวน แล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า “นายใหญ่ เราได้รับคนที่ท่านพูดถึงมาแล้ว”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “พาพวกเขามาที่นี่”

คนนั้นตอบรับ แล้วหันหลังวิ่งไป ไม่นาน ก็ได้พาสองคนมาที่สวน

ยอดฝีมือสองคนนี้เป็นคนที่รพีพงษ์เชิญมาโดยเฉพาะ ไม่ใช่ใครอื่นไกล นั่นก็คือเวทัสและดำเกิงทั้งสอง

หลังจากที่ดำเกิงเห็นรพีพงษ์แล้วนั้น ก็กระตือรือร้น รีบวิ่งมาตรงหน้าของรพีพงษ์ แล้วเรียก “รุ่นพี่รพีพงษ์”

เวทัสก็เดินมา พยักหน้าให้รพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มตอบทั้งสอง จากนั้นก็แนะนำให้ชลาธิปและทยุติรู้จัก

ความจริงรพีพงษ์เชิญแค่เวทัสคนเดียว ดำเกิงสมัครใจมาเอง รพีพงษ์ก็ไม่รังเกียจที่จะมีคนปกป้องอารียาเพิ่ม ดังนั้นจึงตอบรับ

ทยุติจ้องไปที่เวทัสและดำเกิงทั้งคู่ ด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วกล่าว “คุณรพี ถ้าสองคนนี้เป็นยอดฝีมือที่คุณหามาล่ะก็ งั้นก็สู้ให้ผมดูแลนายหญิงดีกว่า พวกเขาทั้งสอง ดูออกว่าไม่มีน้ำยา”

ชลาธิปพยักหน้า แล้วกล่าว “ใช่รพีพงษ์ ทั้งสองคนนี้ไม่ว่าจะดูยังไงก็ไม่เหมือนยอดฝีมือเลยนะ แล้วคนนี้ดูๆไปก็เหมือนกับเด็กอยู่เลย น่าจะยี่สิบปีสินะ แกแน่ใจว่าเขาปกป้องอารียาได้?”

ดำเกิงได้ยินคำพูดของทั้งคู่ ก็รู้สึกไม่สบายใจ เงยหน้ามองทั้งสองแล้วกล่าว “พวกคุณว่าใครไม่มีฝีมือ ลองหมัดของผมหน่อยไหม?”

ทยุติเยาะเย้ย แล้วกล่าว “ชั่งเถอะ ให้คนนี้มาเทียบกับฉันดีกว่า ฉันจะให้พวกแกรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าฝีมือ”

ดำเกิงหันไปมองเวทัส ยิ้มพลางกล่าว “ชั่งเถอะ ถ้าเขาลงมือล่ะก็ ค่อนชีวิตที่เหลือของแกต้องอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันนี่แหละจะประลองกับแกเอง”

ทยุติดูแคลน แล้วกล่าว “ประลองก็ประลอง จัดการแกเสร็จ ฉันค่อยจัดการอีกคน”

รพีพงษ์เห็นสถานการณ์ทั้งสองฝ่ายเริ่มตึงเครียด แต่ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อชลาธิปและทยุติไม่เชื่อฝีมือของดำเกิงและเวทัสจึงให้พวกเขาได้ประลองกัน ดีกว่าการอธิบายใดๆ

ทั้งสองเอาสวนเป็นเวทีประลอง คิดจะประลองจริงจังสักครั้ง

ทยุติเชื่อมั่นในตัวเอง คิดว่าคู่ต่อสู้เป็นเพียงเด็กยี่สิบปีเท่านั้น แม้เขาใช้มือเดียวก็สามารถชนะได้ง่ายดาย

แต่ทว่าความเป็นจริงไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้……

สิบนาทีผ่านไป

ทยุตินอนลงกับพื้น ด้วยความคาดไม่ถึง ใช้กำลัง เพื่อที่จะลุกขึ้นจากพื้น สุดท้ายเหงื่อไหลเต็มไปหมดจนนอนลงกับพื้นในที่สุด

ชลาธิปอ้าปากค้างด้วยความตกใจ สักพัก จึงได้พูดกับตัวเองว่า

“เป็นไปได้ไง เด็กยี่สิบปี ทำไมเก่งกาจได้ขนาดนี้?!!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท