พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่703หนังสือกลยุทธ์

บทที่703หนังสือกลยุทธ์

บทที่703หนังสือกลยุทธ์

ในห้องนอน รพีพงษ์เพิ่งหยิบมือถือจบจากการสนทนาโทรวิดีโอคอลกับอารียาไป เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกปลอดภัยดี ในใจรพีพงษ์ก็รู้สึกสบายใจ

ตอนนี้เขาจะโทรวิดีโอคอลหาอารียาทุกๆสองวันหนึ่งครั้ง ให้อารียาแน่ใจสถานการณ์ของเขา บางครั้งเวลากลางคืนไม่กี่นาที อารียาก็จะด่าใส่หัวใส่หน้าเขาโครมๆ ดูท่าทางเหตุการณ์ครั้งก่อนจะทำให้หวาดกลัวจริงๆ

ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ในความควบคุมของชลาธิป ข้างกายอารียาก็มียอดฝีมือเน่ยจิ้งแบบเวทัส รพีพงษ์ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไปกับสถานการณ์ในเกียวโต

ในขณะที่รพีพงษ์ยังคงจมอยู่กับการหัวเราะ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดึงความคิดของเขากลับมา

“เข้ามา!”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ประตูเปิดออก ชาลิสาเดินเข้ามาจากด้านนอก วันนี้หล่อนเปลี่ยนจากเสื้อแจ็กเกตสีดำกางเกงหนัง มาสวมใส่กระโปรงยาวสีน้ำเงิน ปล่อยผมสลวย บนหัวติดกิ๊บโบอยู่ แต่งหน้าแบบบางเบา เป็นคนละสไตล์กับท่าทางที่ดูเย็นชาแบบเมื่อก่อนนี้

ช่วงที่รพีพงษ์มองชาลิสา ก็ตะลึงไปชั่วขณะ แทบจะจำไม่ได้ว่าคนคนนี้เป็นใคร

ชาลิสาดูเหมือนจะเขินอายเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีของรพีพงษ์ ใบหน้าเรียวงามก็แดงก่ำ

“จริงๆแล้วแบบนี้คุณดูดีกว่านะ และเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าท่าทางเย็นชานั้น”รพีพงษ์ประเมินด้วยสายตาของผู้ใหญ่

“ใครให้นายยุ่ง ฉันจะอะไรก็เรื่องของฉัน”ชาลิสาตอกกลับรพีพงษ์หนึ่งประโยค

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา คิดในใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ต่อให้แต่งตัวเป็นผู้หญิงที่สวยดูดี แต่บุคลิกนิสัยที่โดดเดี่ยวก็ยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้สักที

“มาหาฉันมีอะไร”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

ชาลิสายื่นออกมาและยื่นหนังสือโบราณเล่มหนึ่งให้ตรงหน้ารพีพงษ์ หนังสือเล่มนั้นดูไปแล้วเหมือนจะมีอยู่มานานแล้ว ขอบของหนังสือก็ยับยู่ยี่ โชคดีที่กระดาษนั้นดี ไม่เช่นนั้นหนังสือคงจะผุพัง

บนหน้าปกหนังสือเล่มนี้มีพื้นที่ว่าง ไม่มีอะไรเลย ก็ไม่รู้ว่าเขียนอะไรไว้ข้างใน

“พ่อของฉันให้มอบมันให้กับนาย ท่านบอกว่านายช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากปัญหาใหญ่ ต้องขอบคุณนายเป็นอย่างดี คำนึงถึงว่าอะไรนายก็ไม่ขาดเลย ท่านสามารถมอบให้นายได้ ก็มีเพียงแต่สิ่งนี้”ชาลิสาเอ่ยปาก

“หื้อ? นี่เป็นหนังสืออะไร?”ใบหน้ารพีพงษ์แสดงออกมาถึงความสนใจ สิ่งของที่ประธานสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนเอาออกมา น่าจะไม่ธรรมดา

“ตามที่พ่อของฉันบอก ตอนนั้นปู่ของฉันพบหนังสือเล่มนี้จากสุสานของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ในสาธารณรัฐจีน แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ายอดฝีมือท่านนี้จะแข็งแกร่งด้านใด แต่ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปรมาจารย์ สิ่งที่ในหนังสือเล่มนี้เล่าไว้ ก็คือเกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ ใช้คำพูดโบราณพูด นี่คือหนังสือกลยุทธ์เล่มหนึ่ง”

“อย่างไรก็ตามเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แตกต่างจากวิธีวิชาหายใจออกที่เล่าสืบต่อกันในตอนนี้มาก พ่อของฉันได้พยายามทำตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย”

“ท่านคิดว่าความสามารถพิเศษที่น่าทึ่งของนาย ไม่แน่หนังสือกลยุทธ์เล่มนี้อาจมีประโยชน์กับนาย ดังนั้นจึงจะมอบให้นาย”

เมื่อฟังคำพูดของชาลิสาจบ รพีพงษ์ก็แสดงรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า หนังสือเล่มนี้ปู่ของชาลิสา“เอา”มาจากสุสานของคนอื่น “เอา”วิธีการพูดนี้กลับถี่ถ้วนขึ้น

“รบกวนถามหน่อย ปู่ของเธอ คือนักลักสมบัติสุสานในตำนานเหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยถาม

“ลักบ้าอะไรของนาย สุสานของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ของสาธารณรัฐจีนท่านนี้ก็อยู่ที่อเมริกา ตอนนั้นคนอเมริกาต้องการที่จะขุดหลุมฝังศพของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่เพื่อทำการวิจัย ปู่ของฉันรู้สึกว่าแม้ว่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้จะเสียชีวิตไปแล้ว สิ่งที่ทิ้งไว้ยังคงเป็นของคนจีน ไม่สามารถถูกคนต่างชาติรุกรานได้ ดังนั้นจึงล่วงหน้าไปก่อนคนอเมริกาเหล่านั้น เข้าไปที่สุสาน ต่อมาคุณปู่ยังจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อส่งกระดูกของยอดฝีมือท่านนี้กลับไปยังประเทศจีน ก็ถือว่าให้เขาได้กลับคืนสู่มาตุภูมิของตนเอง”ชาลิสาอธิบาย

รพีพงษ์พยักหน้า ในใจยังคงรู้สึกตลกเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวอเมริกันขุดหลุมฝังศพ ดังนั้นปู่ของชาลิสาเลยล่วงหน้าไปขุดก่อน ความคิดนี้ แม้ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่รู้สึกแปลกๆอยู่

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ขอรับไว้ ฉันฝากขอบคุณพ่อของคุณแทนด้วย”รพีพงษ์เอื้อมมือออกไปหยิบหนังสือกลยุทธ์ที่ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งไว้ให้ เขาก็ยังคงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ชาลิสาให้หหนังสือกลยุทธ์กับรพีพงษ์ สายตาก็ลังเลเล็กน้อย ราวกับว่ายังมีบางอย่างที่จะพูด

เมื่อรพีเห็นหล่อนเป็นแบบนี้ เอ่ยปากถามว่า: “ยังมีอะไรอีกมั้ย?”

ชาลิสาหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างลงในมือของรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า: “อันนี้ให้นาย ขอบคุณที่นายช่วยฉันไล่ครองสุขจิตวิปริตคนนั้น”

หลังจากพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนของรพีพงษ์

รพีพงษ์ก้มหน้ามองดูของที่อยู่ในมือแวบหนึ่ง พบว่าเป็นถุงหอมที่ถักเย็บด้วยงามฝีมือ รูปร่างบิดเบี้ยว มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นมือใหม่หัดทำออกมา

ถ้าหากเดาไม่ผิด นี่ชาลิสาน่าจะเป็นคนถักเย็บมันขึ้นมาด้วยตัวเอง คาดไม่ถึงว่าคุณหนูที่ดูเย็นชาคนนี้กลับเต็มใจที่จะเรียนรู้งานฝีมือด้วยตัวเอง แม้ว่าจะทำได้ไม่ค่อยสวยงาม แต่ตัวเองก็เป็นคนทำ ความมีน้ำใจนี้รพีพงษ์ก็รับมันไว้แล้ว

หลังจากที่เก็บถุงหอมถุงนั้นแล้ว รพีพงษ์จ้องไปที่หนังสือกลยุทธ์ที่อยู่ในมือแวบหนึ่ง เปิดดูหน้าแรก ก็เห็นตัวอักษรจีนเต็ม แม้ว่ารพีพงษ์จะสามารถแยกแยะความหมายของคำส่วนใหญ่ได้ แต่ดูไปแล้วก็กินแรงเหมือนกันนะ

สิ่งที่หนังสือกลยุทธ์บอกไว้ เป็นวิธีการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้บางอย่าง ที่สำคัญแตกต่างกับวิชาหายใจออกของเน่ยจิ้งเป็นอย่างมาก และยากกว่าหลายเท่า ไม่ใช่ว่าจะสามารถเรียนรู้ได้ภายในชั่วข้ามคืน

“บางทีสามารถอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกได้ สิ่งสำคัญในตอนนี้ ยังต้องเพิ่มอานุภาพความแข็งแกร่งของเน่ยจิ้ง”รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง

……

ตระกูลนิธิวรสกุล

ในห้องโถง คนระดับสูงทั้งหมดของตระกูลนิธิวรสกุลมารวมตัวกัน บรรยากาศค่อนข้างเคร่งขรึม บนพื้นมีถ้วยชาที่แตกกระจายอยู่ทั่วไป และแม้แต่โต๊ะก็พังไปสองตัว

ดวงตาทั้งสองข้างของกาจพลแดงก่ำ และจ้องมองไปที่ทุกคนในห้องโถงด้วยใบหน้าที่โหดร้ายและน่ากลัว ราวกับเป็นบ้า

“อนันยชของฉัน เขาเป็นความหวังของตระกูลนิธิวรสกุลของฉัน เขาจะมาตายแบบนี้ได้ยังไง รพีพงษ์ต่างหากที่สมควรตาย พระเจ้า ท่านตาบอดจริงๆ!”

“อนันยชของฉันเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ ยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง เหตุใดจึงตายด้วยน้ำมือของหลานชายเศษสวะวรรณิตได้ล่ะ”

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางของกาจพล ก็ทยอยกันมาเกลี้ยกล่อม ให้กาจพลใจเย็นๆ กาจพลก็ทุบตีเฆี่ยนตีคนหลายคนที่มาเกลี้ยกล่อมเขา

“ใจเย็นเหรอ? หลานชายที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของฉันตายไปแล้ว พวกแกให้ฉันใจ ตอนนี้นอกจากว่าอนันยชของฉันฟื้นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นฉันใจเย็นไม่ได้!”

หลังจากนั้นก็ทุกคนปิดปาก ไม่กล้าพูดอะไรอีก

แววตาของกาจพลแน่นหนาจริงจัง พึมพำว่า: “ต้นตอทั้งหมดนี้ เกิดจากเศษสวะอย่างวรรณิต ถ้าไม่ใช่เขาแบ่งแยกออกเป็นสายเลือดของตระกูลลัดดาวัลย์ อนันยชของฉันจะถูกหลานชายของเศษสวะนั้นลอบทำร้ายได้อย่างไร”

“กระจายความสั่งของฉันไป พรุ่งนี้หารถขุดไม่กี่คันให้ฉันด้วย ฉันจะขุดหลุมศพของวรรณิต เอาศพเขาออกมาเฆี่ยนตี ไม่อย่างนั้นเป็นการยากที่จะคลี่คลายความเกลียดชังของฉันได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท