พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่700 ยังอยากเทียบกับผมอีกไหม

บทที่700 ยังอยากเทียบกับผมอีกไหม

บทที่700 ยังอยากเทียบกับผมอีกไหม

ในห้องรับแขก โศศุจและชาลิสาจ้องรพีพงษ์อย่างหนักใจ เขาทั้งสองจ้องรพีพงษ์ด้วยสายตาแบบนี้อยู่นาน

“รพีพงษ์ อนันยชเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ชินาธิปเลยนะ ผมได้ยินมาว่าชินาธิปเป็นคนที่เข้าข้างพวกพ้องนะ คุณฆ่าลูกศิษย์เขา เขาไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่” ผ่านไปสักพัก โศศุจจึงพุดอย่างกังวลขึ้นมา

รพีพงษ์นิ่งสงบ แล้วกล่าว “ผมกับตระกูลนิธิวรสกุล มีความแค้นกัน ไม่ว่าเบื้องหลังเขาจะเป็นใคร ผมก็จะฆ่ามัน ประธานโศศุจไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้ชินาธิปอยู่ต่างประเทศ แม้เขาจะได้รับข่าวแล้วรีบกลับมา เกรงว่าจะเป็นครึ่งเดือนให้หลังแล้วล่ะ ตอนนั้นผมน่าจะออกไปจากที่นี่แล้ว ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องกลัวว่าจะติดรากแหไปด้วย”

“ผมไม่ได้กังวลว่าจะติดรากแห แต่กังวลที่คนมีพรสวรรค์อย่างคุณ ถ้าดูปรมาจารย์เพ่งเล็ง ก็น่าเสียดาย พวกคุณอายุเท่านี้แล้วเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น ถือว่าเป็นหนึ่งในล้านมาก” โศศุจกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร และไม่ได้โต้ตอบโศศุจใดๆ

ในขณะเดียวกันนี้มีคนวิ่งมาจากด้านนอก หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกแล้วนั้น ก็หนักใจ

เขาเดินไปด้านหน้าของโศศุจ ก้มลงพูดข้างหูของโศศุจ โศศุจตาโต จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง

ชาลิสาเห็นปฏิกิริยาของโศศุจ ก็เกิดสงสัยขึ้นมา คิดว่าเกิดอะไรขึ้นอีก จึงรีบถาม “พ่อ เกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมใช้สายตาแบบนี้มองรพีพงษ์?”

โศศุจไม่พูดอะไร ยืนขึ้นทันที แล้วเดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงตบไปที่รพีพงษ์โดยตรง

“พ่อ พ่อทำอะไร!” ชาลิสาเห็นเหตุการ์ณ เกือบเข้ามาขวางหน้ารพีพงษ์ไว้

รพีพงษ์ก็ไม่คาดคิดว่าโศศุจจะลงมือ ทันใดนั้นก็เอามือขวางมือของโศศุจไว้ นั่งอยู่บนเก้าอี้ อย่างไม่ขยับ

“สุด……สุดท้ายก็เป็นความจริง ฝีมือคุณถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว!” โศศุจตะลึง

คนเมื่อกี๊บอกโศศุจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สนามมวยใต้ดิน พวกเขามั่นใจ ว่ารพีพงษ์และอนันยชทั้งสองที่ต่อสู้กัน ฝีมือได้ถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว

ชาลิสาเดินไปข้างๆโศศุจ ได้ยินโศศุจพูดแล้วนั้น ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “อะไรนะ! เขา……ฝีมือเขาไปถึงเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว?”

“ถูก ตบของพ่อเมื่อกี๊ แม้เน่ยจิ้งขั้นต้นจะรับได้ แต่ก็ไม่มีทางนั่งอยู่กับที่ได้แน่นอน แรงที่เหลือ ก็สามารถทำให้เก้าอี้สั่นได้ ตอนนี้เก้าอี้นี้ไม่มีรอยใดๆ มีเพียงเน่ยจิ้งขั้นกลางเท่านั้น ที่จะรับมือกับแรงแบบนี้ได้” โศศุจหลับตาพลางกล่าว

ชาลิสาจ้องรพีพงษ์อย่างเงียบงัน คิดกลับไปในตอนนั้นที่เธอบอกว่ารพีพงษ์ใช้เวลาเพียงหนึ่งปีเป็นระดับเน่ยจิ้งชั้นต้นได้ รพีพงษ์บอกว่าเธอเดาผิด เธอก็ไม่เชื่อ

ตอนนี้เธอเพิ่งจะเข้าใจ ว่าตัวเองเดาผิดแล้วจริงๆ ฝีมือที่รพีพงษ์ทำได้ไม่ใช่แค่เน่ยจิ้งชั้นต้น แต่เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง!

เด็กนี้ มันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย!

ถูกสองคนมองด้วยสายตาแบบนี้ รพีพงษ์เริ่มรู้สึกเขิล แล้วไออย่างเบาๆ กล่าว “ฝีมือผมคือเน่ยจิ้งขั้นกลางจริงๆ แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่คู่ควรแก่การตกใจหนิ ประธานโศศุจได้ระดับนี้มานานแล้วหนิ”

โศศุจเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขาอยู่ระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางจริง แต่เขาอายุสี่สิบกว่าปีถึงจะได้ระดับนี้ ใช้เวลาเกือบยี่สิบปี แต่รพีพงษ์เพิ่งอายุเท่าไหร่เอง?

เรื่องนี้ มันเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ

รพีพงษ์พูดแบบนี้ ทำเอาเขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลยล่ะ

ในขณะที่โศศุจและชาลิสากำลังตะลึงกับพรสวรรค์ของรพีพงษ์อยู่นั้น ด้านนอกมีเสียงรบกวนดังขึ้นมา จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขก

คนที่นำมาคือ พิชยะ เขมทัตตามเขามาติดๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

โศศุจจ้องพวกเขา แล้วถามกับเขมทัตว่า “นี่คือ?”

“พี่โศศุจ ขอโทษจริงๆ หลังจากที่ลูกชายผมแพ้รพีพงษ์ในวันนั้น ก็ไม่ยอม มักรู้สึกว่าเพราะวันนั้นเกิดข้อผิดพลาด เลยแพ้ไป ผมบอกเขาแล้วเขาไม่ฟัง อยากต่อสู้กับรพีพงษ์อีกครั้ง ลูกน้องพวกนี้ของผมก็ไม่เชื่อว่าจะแพ้ได้ ดังนั้นจึงตามกันมา” เขมทัตอธิบาย

“รพีพงษ์ มาต่อยกับฉันอีกสักครั้ง ครั้งนี้ ฉันไม่มีทางแพ้แกแน่!” พิชยะตะคอกไปที่รพีพงษ์อย่างเกรี้ยวกราด

“ใช่ ลูกพี่ของเราจะแพ้ได้ไง ครั้งที่แล้วเกิดข้อผิดพลาดก็แค่นั้น!”

“ลูกพี่ของเราเป็นคนมีพรสวรรค์ ไม่มีทางแพ้แกแน่ ชกกันอีกครั้ง ให้ลูกพี่ของเราได้พิสูจน์ฝีมือของตัวเอง!” คนที่ตามพิชยะมาก็ตะโกนไปที่รพีพงษ์อย่างไม่พอใจ

โศศุจเห็นเหตุการณ์ ก็รู้สึกอึดอัด เมื่อกี๊เพิ่งรู้ว่าฝีมือของรพีพงษ์เป็นระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพิชยะไม่ยอมตนเสียที

ถ้าจะต่อยกับรพีพงษ์จริงๆ เกรงว่าต่อจากนี้ไปพิชยะจะไม่เชื่อมั่นในตัวเองอีก

“แห่มแห่ม” โศศุจไอ แล้วกล่าวต่อเขมทัตว่า “ตามที่ฉันพูด แกรีบพาพวกเขากลับไปดีกว่า อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย”

เขมทัตยังพูดไม่ทันจบ พิชยะก็กล่าวว่า “คุณลุง คุณหมายความว่าไง คุณก็คิดว่าผมแพ้เขางั้นหรอ? ผมพิชยะ เด็กพรสวรรค์ของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนพวกเรามาตั้งหลายปี คุณทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองได้ไงกัน”

ได้ยินพิชญะพูดดังนี้ โศศุจก็อึดอัด ถ้าเขาคือพิชยะล่ะก็ จะรู้สึกอับอายขึ้นมา

“พิชยะ แกยอมแพ้เถอะ แกไม่ชนะรพีพงษ์หรอก!” ชาลิสาพูดกับพิชยะ

พิชยะได้ยินหญิงในดวงใจของเขาบอกว่าตัวเองไม่โอเค ก็ยิ่งรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น แล้วกล่าว “ผมจะใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเอง รพีพงษ์ถ้าแกเป็นผู้ชาย ก็มาต่อยกับฉันอีกครั้ง!”

โศศุจเบื่อหน่าย ความจริงเขาคิดว่าจะไม่ให้คนอื่น รู้เรื่องที่รพีพงษ์เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางมากนัก ตอนนี้ดูๆแล้วพิชยะเป็นแบบนี้ ไม่พูดไม่ได้

เขาได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามมวยใต้ดินเมื่อคืนให้กับพวกเขมทัตฟัง

“แล้วเมื่อกี๊ฉันก็ได้ทดสอบ ฝีมือของรพีพงษ์แล้ว อยู่ระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางจริง” โศศุจพูดต่อ

เขมทัตกับพิชย์และคนอื่นๆได้ยินแล้วนั้น ก็มีท่าทีเหมือนชาลิสา

พิชยะที่มั่นใจตัวเอง สีหน้าเริ่มซีดเซียว ร่างแข็งทื่อราวกับหิน อยู่ตรงนั้น

เขาเพิ่งเป็นเน่ยจิ้งเท่านั้น เทียบกับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว เขาแย่มาก

รพีพงษ์มองพิชยะอย่างมาเลศนัย แล้วถาม “ยังอยากเทียบกับผมอีกไหม?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท