บทที่717 สำเร็จ
หลังจากที่รพีพงษ์ฟาดฝ่ามือลงบนตัวนัทธสมแล้ว ตำแหน่งหน้าอกของนัทธสม รอยฝ่ามือที่จมลงก็ปรากฏขึ้นมาทันที จากนั้นพลังงานที่เหลืออยู่ของฝ่ามือดาวฟ้าก็แผ่กระจายไปยังทั่วร่างของนัทธสม กระจายผ่านไปที่ใด กระดูกก็หัก ในพริบตาเดียว ไม่มีกระดูกที่ดีอยู่ในร่างกายของนัทธสมแล้ว
นัทธสมที่แบกรับกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ตายในทันที ดวงตากลมทั้งสองที่เบิกกว้างของเขา ในฐานะอันดับที่สิบของอันดับคนโหดเหี้ยมอย่างเขา ก่อนที่จะตาย กลับแสดงสีหน้าท่าทางหวาดกลัวออกมา
รพีพงษ์ก็คาดไม่ถึงว่าพลังของฝ่ามือดาวฟ้าจะสะพรึงน่ากลัวขนาดนี้ จ้องมองไปที่ฝ่ามือของตัวเองด้วยความไม่เชื่อแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าฝ่ามือนี้อย่างมากก็แค่ฟาดลงไปอย่ามากก็แค่ทำให้นัทธสมบาดเจ็บสาหัส คาดไม่ถึงมันจะน่ากลัวขนาดนี้
ไม่น่าแปลกใจที่หนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นจะตั้งใจทำสัญญาลักษณ์ที่กลยุทธ์ท่วงท่านี้ ที่แท้พลังของกลยุทธ์นี้ มันมีพลังอานุภาพมาก
อย่างไรก็ตามหลังจากใช้กลยุทธ์นี้แล้ว รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าพลังวิเศษเสนและเน่ยจิ้งของในร่างกายตัวเองจะถูกดึงออกไป แม้ว่าพลังของกลยุทธ์นี้จะทรงพลัง แต่ว่าการใช้งานของร่างกายน่ากลัวมากเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของรพีพงษ์ สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว
หนึ่งกลยุทธ์มีสามท่วงท่าที่บันทึกไว้ในหนังสือกลยุทธ์ ตามที่กล่าวมาข้างต้น พลังของกลยุทธ์ทั้งสามนี้หนึ่งท่วงท่าแข็งแกร่งกว่าหนึ่งท่า
ฝ่ามือดาวฟ้าเป็นเพียงรูปแบบแรก ก็มีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ รพีพงษ์ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าสองท่วงท่าที่เหลืออยู่ด้านหลังมันจะน่าทึ่งเพียงใด
ร่างกายของนัทธสมค่อยๆล้มลงไปด้านหลัง และกลุ่มไออ้วนที่เฝ้ามองจากระยะไกลก็ตกตะลึง และไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานาน
“นะ…..นัทธสม ตายแล้วเหรอ?”
“ฝ่ามือเมื่อกี้นี้ กลับทำให้ฉันเกิดความรู้สึกเหมือนกำลังรอวันตาย ระ….รพีพงษ์ตกลงว่าเป็นใครกันแน่? ฉันเข้าสู่เน่ยจิ้งชั้นต้นมาหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องฝ่ามือที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่คิดจะหนีอีกแล้ว จากนี้ไปแม้ว่าฉันจะถูกทุบตีตาย ก็จะไม่ออกจากเขาอารีแม้แต่ก้าวเดียว จากนี้ไปที่นี่ก็คือบ้านของฉัน”
……
“นัทธสมตายแล้ว!”อาคารใหญ่ที่คุก ในห้องตรวจตรา คนคนหนึ่งร้องอุทานออกมา
ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เคร่งขรึม จับจ้องไปที่ภาพหน้าจอกล้องวงจรปิดอย่างแน่นิ่ง บรรยากาศก็ลดลงสู่จุดต่ำสุด
ฝ่ามือเมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์ พวกเขาทั้งหมดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะผ่านภาพกล้องวงจร พวกเขาจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอานุภาพพลังของรพีพงษ์ แต่ทว่าพลังของฝ่ามือนั้น ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้ดี
พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า หากฝ่ามือนั้นเปลี่ยนเป็นพวกเขามารับแทน จุดจบก็ไม่ได้ดีกว่านัทธสมมากนัก
“ดูเหมือนว่าวันเวลาของคุกที่ห้าของเรา จะเปลี่ยนไปจริงๆ หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกของการมีอยู่ของปีศาจเช่นนี้ได้ปรากฏขึ้นที่นี่ หวังว่าเขาจะก่อความวุ่นวายข้างใน ก็โชคดีมากแล้ว”
“พวกคุณว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่เขาจะกลายเป็นคนแรกของพวกเราที่ได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่ง และได้รับการปล่อยตัว”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันที เห็นได้ชัดว่า ที่ผ่านมาพวกเขาอาจไม่เชื่อแน่นอน แต่ตอนนี้จิตใจของคนเหล่านี้เริ่มสั่นคลอนไม่มากก็น้อย
……
ชั้นบนสุดของคุก สำนักงานของผู้คุม
ในเวลานี้สงควนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ จัดการกับพวกเอกสารบางอย่าง
ในเวลานี้เขาได้รับวิดีโอทางคอมพิวเตอร์ตรงหน้า คนที่ส่งวิดีโอมาให้เขาขอให้เขาดูวิดีโอนี้
สงควนเปิดวิดีโอนั้นผ่านๆ เมื่อมองเห็นฉากของเขาอารี ก็ยิ้มบางเบา
ช่วงนี้รพีพงษ์เป็นครองตำแหน่งราชา และสั่งให้ยอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นทำสวนทำไร่เรื่องนี้กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน ในฐานะผู้คุม สงควนก็ต้องได้ยินเรื่องนี้เป็นธรรมดา
เพียงแต่ว่าในฐานะปรมาจารย์ของเขา ความสุดยอดอะไรบ้างไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เห็นเพียงแค่ว่ารพีพงษ์เป็นความสนุกสนานในการทำงานที่น่าเบื่อ
ตอนนี้เห็นในวิดีโอแล้ว นัทธสมที่อยู่ในอันดับสิบของอันดับคนโหดเหี้ยมยืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ เขาก็ไม่รู้สึกอะไร แล้วสิ่งที่เรียกว่าอันดับคนโหดเหี้ยม อยู่ในสายตาของเขา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากอันดับคนโหดเหี้ยมจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แล้วจะแข็งแกร่งไปกว่าปรมาจารย์ได้อย่างไร
เขายังคงก้มหน้าก้มตาจัดการกับเอกสาร เพียงแค่เหลือบมองดูวิดีโอบนคอมพิวเตอร์เป็นครั้งคราว
จนกระทั่งรพีพงษ์ใช้ฝ่ามือดาวฟ้า ท่วงท่าเดียวคร่าชีวิตของนัทธสม สงควนถึงได้เงยหน้าขึ้นอย่างจริงจัง และหรี่ตามองไปที่ฉากในวิดีโอ
มีร่องรอยของความสงสัยในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็ใช้เมาส์เพื่อเล่นย้อนกลับไปฉากเมื่อกี้นี้
เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ใช่ฝ่ามือดาวฟ้า สงควนรู้สึกไม่สงบเล็กน้อย และบนใบหน้าก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อ ย้อนดูวิดีโอไปมาหลายครั้ง
“น่าสนใจดี ชายหนุ่มที่อายุยี่สิบกว่าคนหนึ่ง ที่มีระดับเน่ยจิ้งขั้นกลาง กลับระเบิดพลังท่วงท่าที่ใกล้เคียงกับปรมาจารย์ออกมา นอกจากตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณชั้นยอดและผู้ชำนาญที่ไม่มีใครเทียบได้แล้วของสำนัก นี่ยังเป็นครั้งที่ฉันได้เห็นคนรุ่นหลังที่ไม่รู้จักบรรลุมาถึงระดับนี้ได้”สงควนพึมพำ
“ถ้าให้เวลาเขาสักพัก เกรงว่าเขาอาจจะเติบโตได้ในระดับที่คนคาดไม่ถึง”
“เพียงน่าเสียดายที่ถูกส่งเข้ามาอยู่ในนี้ แต่หวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะฉลาดขึ้น กลายเป็นคนแรกที่ได้รับการปล่อยตัวในประวัติศาสตร์ของคุกที่ห้า”
……
สองทุ่มตอนกลางคืน ที่ประตูใหญ่คุก กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังเข้าแถวเพื่อนำอาหารกล่อง
“ช่วงนี้พวกนายรู้จักเขาอารีนั้นหรือเปล่า มีคนชื่อรพีพงษ์เป็นครองตำแหน่งราชา ยังจับกลุ่มคนไปปลูกมันฝรั่งอยู่บนภูเขา กลุ่มคนยอดฝีมือเน่ยจิ้ง กลายเป็นเกษตรกร น่าตลกสิ้นดี”
“รพีพงษ์ก็ดื้อรั้นจริงๆ ทำแบบนี้ เป็นที่ชัดเจนว่ารนหาที่ตาย ก็เป็นเพราะเขาโชคดี ไม่ได้เผชิญกับยอดฝีมืออันดับคนโหดเหี้ยม ไม่อย่างนั้นเขาก็ตายไปนานแล้ว”
“ไม่แน่เขาอาจจะตายแล้ว วันนี้ตอนบ่าย ฉันได้ยินว่านัทธสมไปที่เขาอารี ในอันดับคนโหดเหี้ยม นัทธสมเป็นคนที่ชอบแย่งข้าวของของคนอื่น ตอนนี้มันฝรั่งของรพีพงษ์คงจะโตเต็มที่แล้ว ถ้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัย รพีพงษ์คงตายด้วยเงื้อมมือของนัทธสมแล้ว”
“หึหึ ฉันก็รู้สึกว่ามันจะจบลงเช่นนี้ พวกยอดฝีมือตัวจริงที่ไม่ลงมือกับรพีพงษ์ คาดว่าก็คงรอให้มันฝรั่งโตเต็มที่ก่อน รพีพงษ์ก็คงจะนิ่งนอนใจสองเดือนแล้วก็ไม่มีใครสามารถมาแย่งยอดเขาของเขาได้ ช่างไร้เดียงสาจริงๆ”
……
ในขณะที่กลุ่มคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ เหนือที่ประตูใหญ่คุก มีการฉายภาพปรากฏขึ้น
เนื้อหาด้านบนการฉายภาพนั้นเรียบง่ายมาก ที่ด้านบนคือตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว “อันดับคนโหดเหี้ยม” และด้านล่างมีชื่อสิบคน
ในเวลานี้รายชื่ออันดับที่สิบ ได้เปลี่ยนจากนัทธสมเป็นรพีพงษ์
โดยทั่วไปเมื่ออันดับคนโหดเหี้ยมเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงจะปรากฏขึ้นที่นี่
“พวกนายดูสิอันดับคนโหดเหี้ยมที่ใหม่กว่า! ไม่มีนัทธสมแล้ว และกลายเป็น…..รพีพงษ์!”
“เชี่ยยยย เกิดอะไรขึ้น รพีพงษ์กลายเป็นอันดับสิบของอันดับคนโหดเหี้ยม?”
“พวกนายดูตัวอักษรเล็กๆหลังชื่อรพีพงษ์”
“ในปีที่หกสิบสามของการก่อตั้งคุกที่ห้า นัทธสมได้ท้าทายรพีพงษ์ ถูกรพีพงษ์ฟาดตายด้วยฝ่ามือเดียว กระดูกหักทั้งร่างและตาย”
ทุกคนที่เห็นตัวอักษรเล็กๆพวกนั้นต่างพากันสูดลมหายใจ ความหวาดกลัวยากที่จะปกปิด ก็โผล่ออกมาจากความรู้สึก
จนถึงเวลานี้ พวกเขาถึงได้รู้ว่า รพีพงษ์ที่ดื้อรั้นในสายตาของพวกเขา มีพลังที่พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้
เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อรพีพงษ์นี้ กลายเป็นจุดเด่นของการพูดคุยของในหมู่ประชากรทั้งหมดในคุกที่ห้า