พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่732 ป้ายบัญชาการลอบสังหาร

บทที่732 ป้ายบัญชาการลอบสังหาร

บทที่732 ป้ายบัญชาการลอบสังหาร

คนที่ตามมานั้นเห็นหัวหน้าของพวกเขาถูกตบจนล้มลงกับพื้น ก็ตกใจกลัวทั้งหมด มองไปเห็นสายตาของชาลิสาเปลี่ยนเป็นให้ระวังตัวไว้

ชาลิสาจ้องไปที่คนเหล่านั้นอย่างโมโห ด้วยความรู้สึกกล้าหาญ

พวกนั้นรับรู้ได้ว่าหญิงคนนี้แตะไม่ได้ ก็ถอยหลังออกไป อยากจะหนี

ชาลิสาไม่ให้โอกาสพวกมัน พุ่งเข้าไปโดยตรง ด้วยความเร็ว ทำเอาพวกเขาล้มลงกับพื้นเลยทีเดียว

ทุกคนในผับล้วนมองชาลิสาอย่างตะลึง แล้วปรบมือทันใด แล้วชื่นชมชาลิสา

ชาลิสาโบกมือ กำลังมองไปที่พวกสวะนั่นที่กองอยู่บนพื้น ด้วยความสบายใจ

เมื่อก่อนก็มักจะมีพวกสวะมาหยอกล้อเธออยู่บ่อยๆ แต่เธอคิดเสมอว่าตัวเองคือยอดฝีมือเน่ยจิ้ง คิดเล็กคิดน้อยกับคนธรรมดาไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดกลั้น

ตอนนี้คำพูดของรพีพงษ์ทำให้เธอรู้ถึงจุดยืนของเธอ ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งประเทศจีน ตอนพวกสวะต่างชาติมาหาเรื่องเธอ ก็ควรที่จะจัดการกับพวกเขาเสีย ไม่งั้นที่เธอพยายามเป็นระดับเน่ยจิ้งนั้น จะมีความหมายอะไร

และหลังจากที่เธอจัดการกับคนเหล่านี้แล้วนั้น รู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก บางที แบบนี้เธออาจสบายใจขึ้นบ้างก็ได้

เธอหันไปมองรพีพงษ์ พบว่ารพีพงษ์กำลังจ้องตนอยู่ จากนั้นก็ค่อยๆยกนิ้วโป้งให้

ชาลิสาเขิลอาย คิดว่ารพีพงษ์กำลังชื่นชมเธอ ขณะเดียกวันนี้รพีพงษ์ได้กล่าวอย่างจริงใจว่า “ต่อไปเรื่องแบบนี้ ถ้ามีผู้ชายอยู่ด้วย ให้ผู้ชายจัดการจะดีกว่า ไม่งั้นเธอจะแต่งงานยากนะ”

ชาลิสาชักตาใส่ ไม่นาน จึงจะนึกขึ้นได้ว่ารพีพงษ์หมายความว่าอะไร คนนี้ กำลังบอกว่าตนชอบใช้ความรุนแรง ดังนั้นจึงแต่งงานยากงั้นหรอ?!

เธอกำหมัดขึ้นมา อยากที่จะชกรพีพงษ์ในทันใด ชายที่ไม่ค่อยคิดอะไรแบบนี้ หาภรรยาได้ไงกันแน่?

“ฉันจะได้แต่งไม่ได้แต่งงานเกี่ยวไรกับคุณด้วย! ฉันชอบใช้กำลังแบบนี้แล้วจะทำไม! เหอะ!” ชาลิสากล่าวอย่างโมโห

รพีพงษ์รู้ว่าแตะต้องไม่ได้ จึงไม่โต้ตอบใดๆ

ขณะนี้บาร์เทนเดอร์คนนั้นเดินมายังด้านหน้าของพวกเขา หลังจากที่เหลือบไปมองสวะเหล่านั้นที่กองอยู่กับพื้นแล้วนั้น ก็กล่าว “มากับผมเถอะ”

รพีพงษ์และชาลิสามองหน้ากัน เดินตามบาร์เทนเดอร์คนนั้นเข้าไปด้านใน

ไม่นาน บาร์เทนเดอร์ได้พาคนสองคนมายังหน้าประตูห้อง แล้วกล่าว “คนที่พวกคุณตามหาอยู่ที่นี่”

จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

รพีพงษ์ไม่ลังเล เปิดประตู แล้วเดินเข้าไป

ทั้งสองเพิ่งถึง ประตูที่อยู่ด้านหลังก็ถูกปิดลง ในนี้มืดไปหมด ไม่มีแม้กระทั่งแสงไฟ รพีพงษ์ใช้อุณหภูมิบนตัวของชาลิสาเพื่อรู้จุดยืนของเธอ ห้องทั้งห้อง นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้ว ราวกับไม่มีใครอื่นอีกเลย

รพีพงษ์เงียบสงบ ปัจจุบันนี้เขาเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง การรับรู้ดีกว่าคนปกติทั่วไปถึงสิบเท่า ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว

“คุณยืนอยู่ที่เดิมอย่าขยับไปไหน ผมไปดูเอง” รพีพงษ์กล่าว จากนั้นก็เดินไปด้านหน้า

ชาลิสาไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะรพีพงษ์มีความสามารถโจมตีระดับปรมาจารย์ แม้จะมีคนมาหาเรื่องจริงๆ แต่ก็จะเป็นอีกฝั่งนั่นแหละโชคร้าย

เดินไปด้านหน้าไม่กี่ก้าว รพีพงษ์ก็รับรู้ได้ถึงลมเบาๆ เขาหยุด แล้วลงมือทันที จับคอของคนหนึ่งได้ในทันที ออกแรง เพื่อกดเขาให้ลงกับพื้น

อีกด้าน ก็มีคนไม่ส่งเสียงใดๆอยู่ด้านหน้าของเขารพีพงษ์ถีบไป คนนั้นส่งเสียงโอดครวญขึ้นมา ชนเข้ากับกำแพงด้านหลัง

คนที่เข้ามาใกล้รพีพงษ์ทั้งสองนี้ไม่มีเน่ยจิ้ง แต่ฝีมือตัวเบาของพวกเขาทำให้รพีพงษ์ประหลาดใจ

ไฟในห้องนี้ได้ถูกเปิดขึ้นทันใด รพีพงษ์เห็นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สองฝ่ายของชายวัยกลางคนนี้ แบ่งเป็นด้านล่ะห้าคนที่สวมชุดทำงานกลางคืน

คนเหล่านี้กำลังจ้องรพีพงษ์อยู่ ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โบกมือ ยิ้มพลางกล่าว “ฝีมือไม่เลว ไม่คาดคิดว่าจะสามารถคาดเดาสถานการณ์ของลูกน้องฉันในขณะมืดมิดได้ หลายปีมานี้ ฉันเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก”

รพีพงษ์ก็มองคนเหล่านี้ที่อยู่ด้านหน้าอย่างแปลกใจ เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อย ว่าในห้องนี้จะมีคนทั้งหมดสิบสามคน แต่เขากลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย

ดูๆแล้วการที่ลอบสังหารได้ขึ้นเป็นกลุ่มนักฆ่าชั้นนำของโลกนั้น ไม่ง่ายเลย

แม้พวกนักฆ่าเหล่านี้จะไม่มีเน่ยจิ้ง แต่ถ้าพวกเขาสามารถเข้าใกล้ร่างกายของยอดฝีมือเน่ยจิ้งได้ล่ะก็ เพียงแค่มีความเร็วเพียงพอ อาวุธครบครัน แม้จะเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง เกรงว่าก็จะถูกฆ่าได้เช่นกัน

ถ้าพวกเขาใช้ยาพิษโดยตรง เกรงว่าจะน่ากลัวมากเลยทีเดียว

“คุณคือหัวหน้าลอบสังหาร?” รพีพงษ์กำลังมองไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วถาม

ชายวัยกลางคนยืนขึ้นมา แล้วกล่าว “ไม่ถึงขั้นหัวหน้า แค่ดูแลแทนลูกพี่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พวกแกเป็นใคร ทำไมถึงได้รู้ฉายาลอบสังหารนี้ได้?”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คนที่บอกฉายาผมนั้น น่าจะเป็นลูกพี่ของพวกคุณ”

ชายวัยกลางคนชักตาใส่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “เด็กน้อย แกอย่าตลกต่อหน้าฉัน มิเช่นนั้นแกจะไม่รู้เลย ว่าแกตายยังไง”

รพีพงษ์ยักไหล่ แล้วกล่าว “ลูกพี่ของคุณคือจรัส?”

ชายวัยกลางคนตะลึง แล้วถาม “แกรู้ชื่อของลูกพี่ฉันได้ไง?”

“งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ลูกพี่ของคุณบอกฉายานี้กับผม” รพีพงษ์กล่าว

“เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้ลูกพี่ของฉันถูกขังอยู่ในคุกที่ห้า ที่นั่นทำได้แค่เข้าแต่ออกไม่ได้ แม้แกจะเคยเจอลูกพี่ฉัน งั้นแกก็น่าจะเหมือนเขา คือเคยเขาไปในคุกที่ห้าแล้ว ทำไมตอนนี้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าฉันได้ แกเป็นใครกันแน่!” ชายวัยกลางคนถาม

“ผมรู้จักลูกพี่พวกคุณตอนอยู่ในคุกที่ห้าจริง และเขาก็ได้เล่าเรื่องความเป็นอยู่ของพวกคุณให้ผมฟังตอนอยู่ที่นั่น แล้วเรื่องที่ว่าคุกที่ห้าเข้าได้แต่ออกไม่ได้นั้น ก็ไว้สำหรับคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น อยากออกมา ก็มีทางเสมอ” รพีพงษ์กล่าว

“หยุดตอแหลได้แล้ว รีบบอกตัวตนที่แท้จริงของแกมา มิเช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” ชายวัยกลางคนยังคงไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์อยู่ดี

รพีพงษ์เริ่มเซ็ง แล้วนำป้ายนั้นที่จรัสให้เขาออกมา แล้วกล่าว “ผมไม่ได้หลอกพวกคุณ ถ้าได้เห็นป้ายนี้ พวกคุณน่าจะเชื่อ”

หลังจากที่ชายวัยกลางคนเห็นป้ายนั้นในมือของรพีพงษ์ ก็ส่งเสียงตกใจขึ้นมา “ป้ายบัญชาการลอบสังหาร!”

คนสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคุกเข่าลงทันใด คำนับให้กับป้ายที่อยู่ในมือของรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท