พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่755 คืนให้แกดีกว่า

บทที่755 คืนให้แกดีกว่า

“พ่อ….พวกเรา พวกเราไม่รู้ว่าเขาก็คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์”ธยานีย์กุมหน้าตัวเองไว้ เอ่ยปากด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ

“ไม่รู้แกก็สามารถทำแบบนี้กับคนอื่นได้ตามใจชอบเหรอ ดูเหมือนว่าฉันจะตามใจแกมากจนเสียคน!”ประภูโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

ธยานีย์ไม่กล้าพูดอะไร รีบก้มหน้าลง

ประภูหันไปมองรพีพงษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกละอายต่อความผิด เอ่ยปากว่า: “นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ขอโทษด้วยจริงๆ ผมคาดไม่ถึงว่าลูกสองคนนี้ของผมจะใจกล้าขนาดนี้ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้โปรดอย่าได้ถือสาพวกเขาสองคนเลย”

รพีพงษ์ยังไม่ได้พูด ไออ้วนก็เดินไปตรงหน้าประภู เอ่ยปากถามว่า: “คุณเป็นพ่อของพวกเขาเหรอ?”

ประภูพยักหน้า

“คุณมาพอดี ฉันกำลังจะคิดบัญชีกับพวกเขาสองคน ในเมื่อคุณมาแล้ว งั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีว่าลูกสองคนนี้ของคุณทำอะไรไว้บ้าง”

ต่อจากนั้นไออ้วนก็เล่าเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นในวันให้ประภูฟังหนึ่งรอบ ตอนแรกประภูคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่เกิดจากการที่คนทั้งสองไม่รู้จักนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่ปิดซ่อนไว้อยู่

ฟังในสิ่งที่ไออ้วนเล่า สีหน้าของประภูยิ่งดูก็ยิ่งแย่มากขึ้นเรื่อยๆ เหลือบมองไปที่ปานศักดิ์และธยานีย์ทั้งสองคนเป็นครั้งเป็นคราว มีใจที่อยากจะฆ่าคน

หลังจากที่ไออ้วนเล่าจบ ประภูก้มโค้งคำนับให้ไออ้วนกับดำเกิงและรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคน กล่าวขอโทษ: “ขอโทษด้วยจริงๆ คาดไม่ถึงว่าคนไม่เอาไหนสองคนนี้จะสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ให้กับพวกคุณ สี่แสนกว่านี้ฉันจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน ฉันก็จะสั่งสอนไอ้สองคนที่ไม่มีมารยาทนี้อย่างหนักอย่างแน่นอน ให้พวกเขาเข็ดหลาบ”

หลังจากพูดเสร็จ ประภูเดินไปตรงหน้าปานศักดิ์และธยานีย์ ยกมือขึ้นอย่างไร้ความปรานี ตบไปที่ใบหน้าของทั้งสองด้วยกำลังทั้งหมด

“พวกแกสองคนที่ไม่เอาไหน ฉันยังรอให้พวกแกเชิดชูให้มีเกียรติ ปรากฏว่าพวกแกสองคนนอกจากสร้างความเดือดร้อนให้กับฉันแล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรเลย ครั้งนี้ยังมาหาเรื่องนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ถึงที่อีก”

“คนอื่นเขาจะกินข้าวยังไงพวกแกยังจะไปยุ่ง ทำไมตอนที่ฉันกินข้าวพวกแกไม่มาบอกว่าฉันเป็นคนบ้านนอก?”

“วันนี้ไม่ตีพวกแกสองคนให้ตระหนักถึงปัญหาของตัวเอง ฉันก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นนายใหญ่ของตระกูลนบวรแล้ว!”

ประภูตบลงไปที่หน้าของปานศักดิ์และธยานีย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนไม่กล้าขัดขืน ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ

“พ่อ พวกเรารู้ตัวว่าผิดแล้ว พ่อได้โปรดยกโทษให้เราด้วย จากนี้ไปพวกเรากล้าอีกต่อไปแล้ว”ปานศักดิ์ร้องไห้แล้วพูดกับประภู

“พวกแกขอโทษฉันจะมีประโยชน์อะไร ยังไม่รีบไปขอโทษนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์อีก!”ประภูตะโกนอย่างโกรธๆ

ปานศักดิ์และธยานีย์ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าพ่อของพวกเขากำลังช่วยหาทางออกให้พวกเขาสองคน ดังนั้นจึงรีบเดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ไออ้วนและดำเกิง

“นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ พี่ชายทั้งสองคน พวกเรารู้ตัวว่าผิดแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราคิดไปเองมากเกินไป นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์และพี่ชายทั้งสองได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันและน้องสาวก็จะถูกพ่อทุบตีตาย”ปานศักดิ์ขอโทษด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ

ธยานีย์รีบพยักหน้าตาม ดูท่าทางเหมือนว่าจะรับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง

“ถามพวกเขาสองคนเถอะ ฉันยังไงก็ได้”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ทั้งสองคนรีบมองไปทางไออ้วนและดำเกิง

ไออ้วนและดำเกิงสบตากัน พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้ว่าอยากจะถือสาเอาความเด็กสองคนนี้ แค่ต้องการให้พวกเขารู้ถึงความผิดของตัวเอง

ตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ขอโทษด้วยความจริงใจ แล้วเหตุการณ์ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว

ไออ้วนเอ่ยปากยกโทษให้พวกเขา แล้วสั่งสอนทั้งสองคนไปไม่กี่คำ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงแล้ว ประภูขอบคุณพวกเขาอย่างซาบซึ้ง และสัญญาว่าจากวันนี้ไปจะเข้มงวดสั่งสอนพวกเขาสองคนขึ้นไปอีก ไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ไม่นาน ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น

รพีพงษ์ให้ท่านคทาจัดนักแสดงศิลปะให้ถอนตัวออกไป แต่เวทีที่พวกเขาตั้งขึ้นมายังไม่ได้เอารื้อถอนออกไป แต่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเวทีประลองที่เรียบง่ายอย่างรวดเร็ว

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ ต่างก็สงสัยเล็กน้อย ตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองรู้สึกว่าที่รพีพงษ์ทำแบบนี้อาจจะเพื่อให้คนมาประลองเพิ่มความสนุกสนานกัน

ผนึกสินและครองสุขทั้งสองคนกลับรู้ดีว่ารพีพงษ์ทำเวทีประลองเพื่ออะไร

น่าจะเตรียมไว้ให้สำหรับคนของตระกูลภูธน

งานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้ไม่นาน รพีพงษ์และอารียาอุ้มขวัญนลินปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน รพีพงษ์ก็พูดคุยกับผู้คนไปไม่กี่ประโยค ให้ทุกคนดื่มกินกันให้เต็มที่

หลังจากนั้นอาหารค่ำของงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ทุกคนก็นั่งลง หลายคนที่ต้องการหาเพื่อนก็ดื่มเหล้าผูกมิตรทำความรู้จักกัน ในสวนลานบ้าน ก็ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อารียาและขวัญนลินได้รับผลกระทบ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้ไม่นาน รพีพงษ์ให้พวกเธอสองคนกลับไปที่ห้อง แล้วให้ครองภพนำกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของลอบสังหารมาคุ้มครองอย่างลับๆ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นรพีพงษ์ก็สามารถรับรู้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก

เวลาประมาณสองทุ่ม ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มกันอย่างมีความสุข มีเสียงนาฬิกาที่ดังกึกก้องดังขึ้นที่บนกลางอากาศในคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ทำให้ทุกคนตกใจ

ทุกคนเงยหน้าขึ้น มองไปกลางอากาศ เห็นเพียงบนหลังคา ไม่รู้ว่ามีร่างไม่กี่ร่างโผล่ขึ้นมาตอนไหน ต่อจากนั้น นาฬิกาเรือนใหญ่ที่สูงกว่าสองเมตรก็บินลงมาจากด้านหลังหลังคา

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็กลัวมากจนตื่นตระหนกทันที รีบลุกขึ้นและวิ่งกระจายไปรอบๆ นาฬิกาเรือนนี้ก็คงจะมีไม่ต่ำกว่าหลายร้อยกิโล ถ้ากระแทกโดนบนตัวพวกเขา สามารถกระแทกพวกเขาจนกลายเป็นเนื้อบดได้

“เด็กรพีพงษ์ แกฆ่าน้องชายของฉัน ยังมีอารมณ์มาจัดงานเลี้ยงฉลองอีก ฉันไม่มีของขวัญดีๆอะไร วันนี้มามอบนาฬิกาให้แก หวังว่าแกจะรับมันไว้!”

เสียงที่หนักแน่นดังขึ้นมา และในใจผู้คนก็สั่นอย่างฉับพลัน

“พระเจ้า ตกลงเป็นใครกันแน่ นาฬิกาขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายร้อยโลกกลับถูกโยนลงมาจากหลังคา นี่คงต้องใช้รถแม็คโครถึงเคลื่อนย้ายได้?”

“จบแน่จบแน่ ตระกูลลัดดาวัลย์มีเรื่องกับศัตรูที่น่ากลัวอีกแล้ว งานเลี้ยงวันนี้ไม่สามารถจัดต่อไปได้แล้ว”

“น่ากลัวมากจริงๆ ในละครยังไม่กล้าถ่ายทำแบบนี้เลย มาถึงก็โยนนาฬิกาเรือนใหญ่ที่มีน้ำหนักร้อยกว่ากิโล สิ่งนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมาก”

รพีพงษ์เตรียมตัวพร้อมนานแล้ว เมื่อเห็นนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อีกโยนลงมา ก็ไม่แปลกใจอะไร เรื่องแบบนี้ เมื่อก่อนเขาก็เคยทำมาก่อน

เมื่อเห็นว่านาฬิกาเรือนใหญ่กำลังจะกระแทกลงบนพื้น ด้านในยังมีคนไม่กี่ที่วิ่งหนีออกมาไม่ทัน ร่างของรพีพงษ์ก็กลายเป็นเลือนรางขึ้นมา ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่ใต้นาฬิกานั่นแล้ว

พลังวิเศษเสนในร่างกายของเขาไหลเวียน พลังอานุภาพพลุ่งพล่านขึ้นมา จากนั้นใช้แรงที่เท้า ร่างลอยขึ้นไปในอากาศ ฟาดฝ่ามือลงบนเรือนร่างของนาฬิกาเรือนใหญ่ นาฬิกาที่เสียงดังกึกก้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน นาฬิกาที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลเดินตามวิถีเดิม ก็บินกลับไป

“ขอบคุณสำหรับเจตนาดีของแก ของสิ่งนี้ตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้ คืนให้แกดีกว่า!”

ทุกคนในเหตุการณ์ก็แตกตื่นกันขึ้นมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท