พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่761 เจ้าสำนัก

บทที่761 เจ้าสำนัก

บทที่761 เจ้าสำนัก

งานเลี้ยงของตระกูลลัดดาวัลย์ยาวนานติดต่อกันสามวันสามคืน ผู้ที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงจากปกติจนต่อนี้เมาเป็นที่เรียบร้อย และจากที่เมาก็เริ่มสร่างเมา จากนั้นก็เริ่มกินต่อ พูดคุยเรื่องทั่วไป เกี่ยวกับเรื่องในประเทศ ด้วยอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา

แต่ในสามวันนี้ การประลองระหว่างรพีพงษ์และปภาวิชญ์นี้ ได้เผยแพร่ไปทั้งเมืองชลาลัย ในคืนเดียว ทุกคนก็เริ่มพูดถึงการประลองนี้แล้ว

ชื่อของการประลองนี้ ได้โด่งดังไปถึงแถบภาคใต้ จนกระทั่งคนจำนวนไม่น้อยเริ่มสงสัยในความสามารถของรพีพงษ์ แล้วยังพูดท้าทายอยากที่จะประลองกับรพีพงษ์

ภายในระยะเวลาอันสั้นข่าวของรพีพงษ์ก็กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะปภาวิชญ์ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่แถบเมืองชลาลัย บวกกับตอนที่ผู้คนคุยโม้โอ้อวดกันนั้นชอบเอาเรื่องที่พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนมา “ใส่ไข่เพื่อเพิ่มอรรถรส” ส่งผลให้ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทำให้ชื่อรพีพงษ์ชื่อนี้กลายเป็นตำนาน

คนจำนวนไม่น้อยเมื่อพูดถึงความตื่นเต้น ก็จะเริ่มแต่งเติมประวัติของรพีพงษ์ บ้างก็บอกว่ารพีพงษ์เป็นเทพจุติลงมา เพราะเดิมเป็นมังกร ดังนั้นภายในอายุยี่สิบกว่าปี ก็สามารถสังหารอันดับหนึ่งของศิลปะการต่อสู้แถบเมืองชลาลัยได้

บ้างก็บอกว่าตอนที่รพีพงษ์เกิด ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ฝนตกห่าใหญ่ ราวกับโลกใกล้แตกอย่างไรอย่างนั้น แต่ในตอนที่รพีพงษ์เกิดนั้น เสียงฟ้าร้อง ที่ดังครึมทั่วท้องฟ้าก็กลับไปอยู่ในก้อนเมฆ ฝนที่ตกลงมายังพื้นดินก็ได้หยุดลง

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยิน“ตำนาน”ที่เกี่ยวกับตัวเองเหล่านี้ ก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยิ่งทำให้เชื่อในคำที่ว่า“ข่าวลือที่ได้ยินมา”ว่ามันมีอยู่จริง ไม่ใช่เขียนขึ้นมาเล่นๆไม่มีเหตุผล

แต่รพีพงษ์ไม่สนใจตำนานพวกนี้ ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่องการต่อสู้ครั้งนั้นระหว่างเขาและปภาวิชญ์อยู่นั้น รพีพงษ์และอารียาได้เก็บระเป๋า วางแผนว่าจะท่องเที่ยวแบบไปไหนไปกัน ไปเขายุผิงที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ปีนเขาดูทะเล ผ่อนคลายสักหน่อย

หนูลินเพื่อนตัวน้อยผู้น่าสงสาร ได้ฝากไว้กับชนิสราและแม่บ้านประจำดูแล

“พ่อแม่ลืมลูก” กลับไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ แต่กลับรู้สึกสบายเสียอย่างนั้น หลังจากที่มีลูกแล้ว โลกส่วนตัวที่มีแค่สองเรามันชั่งสำคัญกับพวกเขาเหลือเกิน แน่นอนว่าต้องรักษาไว้อย่างดี

ในเวลาเดียวกัน เทือกเขาคุนหลุน บนหน้าผา มีต้นไม้ต้นเล็กโตขึ้นตามซอก ราวกับหน้าผามีแขนยื่นออกมาอย่างไรอย่างนั้น ยืดยาวตระหง่าน

ลำต้นไม่หนามากนัก บนลำต้นมีกิ่งก้านแตกออกมาหลายกิ่ง ดูๆไปช่างเปราะบาง

ในขณะเดียวกันนี้บนก้านนั้น กำลังมีคนยืนอยู่ คนนั้นได้เหยียบไปเบาๆ ราวกับคนนั้นไม่มีน้ำหนักตัวแต่อย่างใด เพียงแค่ทำให้กิ่งก้านนั้นเบี้ยวไปนิดหน่อย มันชั่งดูลี้ลับเหลือเกิน

ถ้ามีคนธรรมดาเห็นเหตุการณ์นี้ล่ะก็ จะต้องคิดว่าเป็นเทพพญาดาแน่นอน มิเช่นนั้นด้วยน้ำหนักของคนปกติทั่วไป ไม่มีทางยืนอยู่บนกิ่งก้านที่เล็กแบบนี้ได้นานอย่างแน่นอน

คนที่ยืนบนกิ่งก้านนั้นสวมใส่ชุดฉางผาวขาว ผมยาวระดับผ้าคลุมไหล่ลงไป หนวดเครายาวได้ระดับเดียวกับผม เป็นสีขาวโพลน ท่าทางเหมือนกับชายชราประหลาดที่มีอายุเป็นร้อยๆปีในทีวีอย่างไรอย่างนั้น

แต่ผิวของคนนี้มีจุดแดงประกาย ดูแล้วมีชีวิตชีวา เมื่อเทียบกับผมเขาแล้ว ไม่เหมือนกับคนที่มีอายุเลย

ชายชราผมขาวกำลังหลับตา ราวกับไม่กังวลว่าตัวเองอาจจะตกหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น ให้อารมณ์ราวกับเป็นเซียน

“เจ้าสำนัก ทำไมท่านนั้นไปอยู่ในที่ที่อันตรายนั่นอีกแล้ว ผมได้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับรพีพงษ์ไว้หมดแล้ว วางไว้บนก้อนหินแล้ว รอให้คุณเข้ามาจากนั้นไปดูก็โอเคแล้วล่ะ”

คนที่ยืนอยู่พื้นที่ราบของหน้าผา พูดออกมา เจ้าของเสียง คือผนึกสิน

ผนึกสินได้เอาเอกสารวางไว้บนหิน หลังจากใช้หินทับไว้แล้วนั้น ก็เดินไปที่หน้าผาอย่างระมัดระวัง ก้มหน้ามองไป ใจเต้นรัวๆ

นี่คือหน้าผาที่สูงที่สุดของเทือกเขาคุนหลุน มองจากด้านบนลงล่าง มองไม่เห็นพื้นล่างแต่อย่างใด บางจุดก็ยังเห็นหมอกลอยอยู่บ้าง ต้นไม้ต้นเล็กนั้น อยู่ห่างจากยอดเขาเพียงเจ็ดถึงแปดเมตรเท่านั้น

ความสูงแบบนี้ แม้จะเป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์แบบผนึกสินนี้ ตกลงไปก็แตกเป็นผุยผงเท่านั้น บวกกับผนึกสินค่อนข้างกลัวความสูง ดังนั้นทุกครั้งเมื่อเห็นเจ้าสำนักไปที่ต้นไม้ต้นนั้นเพื่อฝึกจิตใจ ล้วนอกสั่นขวัญแขวน เหงื่อไหลไคลย้อย

“โลกของเจ้าสำนัก ที่แท้ฝีมือระดับผมก็เข้าไม่ถึงจริงๆด้วย คนที่หนักขนาดนี้ สามารถยืนอยู่บนก้านเล็กแบบนั้นได้โดยที่ไม่หักอีกต่างหาก ฝีมือของเจ้าสำนัก เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าภูตผีปีศาจเสียแล้ว” ผนึกสินบ่นกับตัวเอง

ไม่กล้าดูต่อไปแล้ว จากนั้นก็เอาเอกสารเกี่ยวกับรพีพงษ์วางไว้ แล้วผนึกสินก็จากไป

ผ่านไปสักพัก ชายชราเปิดตาขึ้นมา จากนั้นก็ปล่อยพลังที่มองไม่เห็นออกมา ออกแรงที่เท้าเบาๆ ร่างก็ได้ลอยไป ด้านบนของหน้าผา แต่กิ่งก้านนั้นไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด เพียงแค่ขยับเล็กน้อยเท่านั้น

เขาหยิบเอกสารบนก้อนหินขึ้นมา ดูอย่างละเอียดหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “น่าสนใจ มีพรสวรรค์ขนาดนี้ ควรจะเรียกให้มาเข้าร่วมกลุ่มสิงโตของฉันจริงๆ”

“นับๆไป กว่าจะถึงวันนั้น เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว ฉันจะต้องรีบหาคนที่เหมาะสม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันนั้น”

“หวังว่ารพีพงษ์นี้ จะเป็นคนที่เหมาะสมคนนั้น”

……

พลบค่ำ ณ ตีนเขายุผิง

รพีพงษ์และอารียากำลังสะพายกระเป๋าลงมาจากรถ วางแผนว่าจะไปพักที่โรงแรม พรุ่งนี้เริ่มปีนเขา

ขณะนี้ที่ตีนเขามีคนอยู่จำนวนมาก แม้จะอยู่ในภูเขา แต่ก็จะได้เห็นที่ขายของอยู่บ่อยๆ ไฟหลากหลายชนิดกำลังส่งแสงสว่าง และเต็มไปด้วยผู้คน

ห่างไปไม่ไกลจากตีนเขามากนัก เป็นห้องสไตล์โมเดิร์นเป็นแถวๆ เพราะความโด่งดังของแหล่งท่องเที่ยวเทือกเขายุผิง สิ่งที่เยอะที่สุด ก็คือโรงแรม แล้วยังมีโซนวิลล่าที่ปล่อยเช่าโดยเฉพาะอยู่ด้วย

รพีพงษ์และอารียาไปหาที่พักก่อน หลังจากที่วางของลงแล้วนั้น ก็ออกมาหาของกิน เมื่อกี๊ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะลงจากรถนั้นก็เหมือนจะเห็นว่ามีตลาดกลางคืนอยู่ไม่ไกล มีขนมมากมายก่ายกอง

“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่เอาหนูลินไว้ที่บ้าน แล้วเราออกมาเที่ยวกันสองคนแบบนี้ แบบนี้ถือว่าไม่รับผิดชอบหรือเปล่า?” อารียยาจ้องรพีพงษ์แล้วกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มแล้วมองไปที่อารียา กล่าว “สบายใจได้ มีพี่สาดูแลเธออยู่ ไม่มีทางเกิดปัญหาได้ คุณอยู่บ้านมาครึ่งปีแล้ว ถ้าไม่พาออกมาสูดอากาศบ้าง จะอึดอัดเอา”

“มาถึงนี่แล้ว อย่าคิดมากเลย พวกเราไปหาของกินก่อน เมื่อกี๊เหมือนผมจะเห็นว่าตรงนั้นมีการแสดง เหมือนจะเป็นชี่กง เดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จแล้วไปดูกัน”

อารียาพยักหน้า แล้วเดินไปที่ขายของกินตรงนั้นพร้อมกับรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท