พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่768 ความสำเร็จของมึงยั่วโมโหกู

บทที่768 ความสำเร็จของมึงยั่วโมโหกู

บทที่768 ความสำเร็จของมึงยั่วโมโหกู

รพีพงษ์จับเสื้อของอาจารย์โอบนิธิไว้ แล้วกล่าว “อยู่ที่ไหน!”

อาจารย์โอบนิธิยื่นมือไปที่อุโบสถนั้น รพีพงษ์ดึงอาจารย์โอบนิธิขึ้นมาจากพื้น พาเขาเดินไปยังอุโบสถนั้น

ทุกคนล้วนมองเหตุการณ์นี้อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่าพระอรหันต์อย่างอาจารย์โอบนิธิ จะถูกรพีพงษ์ถือไปอย่างถือลูกเจี๊ยบ นี่มันทำลายความคิดของพวกเขาเลยสิ้นเชิง

แต่ไม่มีใครกล้าไม่พอใจ เมื่อกี๊พวกเขาได้เห็นความสามารถของรพีพงษ์แล้ว แม้แต่อาจารย์โอบนิธิก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของรพีพงษ์ พวกเขาจะกล้ายั่วโมโหรพีพงษ์ที่กำลังเกรี้ยวกราดได้อย่างไร

รพีพงษ์พาอาจารย์โอบนิธิเดินเข้าไปในอุโบสถ มายังสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม อาจารย์โอบนิธิชี้ไปยังห้องห้องหนึ่ง แล้วกล่าว “อยู่ที่นั่น”

รพีพงษ์พาเขาเดินเข้าไปด้านใน หลังจากเปิดประตูแล้ว พบว่าเป็นห้องของนักบวชทั่วไป ไม่เห็นอารียาอยู่ด้านใน

“คนอยู่ไหน? ถ้ามึงกล้าล้อเล่นกับกู กูจะหักคอมึงเดี๋ยวนี้” รพีพงษ์กล่าว

“ใจเย็นๆ คุณเดินไปที่เตียงนั้น กดรูปหงส์มังกรนั่น” อาจารย์โอบนิธิกล่าว

รพีพงษ์เดินไปยังข้างเตียง เพราะกลัวอาจารย์โอบนิธิมีเล่ห์กล จึงกล่าว “มึงกด”

อาจารย์โอบนิธิกดปุ่มที่อยู่ข้างเตียงอย่างเชื่อฟัง จากนั้นรพีพงษ์ก็เห็นเตียงขึ้นมา ด้านใน เป็นช่องลงไป

“เมียของคุณอยู่ในนี้ เข้าไปก็จะให้เธอแล้ว” อาจารย์โอบนิธิกล่าว

รพีพงษ์ให้อาจารย์โอบนิธิเดินนำหน้า ทั้งคู่คนหนึ่งนำหน้าคนหนึ่งตามหลังเดินไปตามทางเดิมนั้น

อาจารย์โอบนิธิเดินนำหน้า ด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย

ไม่นาน ทั้งสองก็เดินมาถึงด้านในสุด รพีพงษ์สังเกตเห็นว่าตรงนี้เหมือนคุก และอารียาถูกขังอยู่ไม่ไกลในรั้วนั้น คนที่ถุกขังอยู่กับอารียา มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ด้วย

ขณะนี้อารียาตื่นขึ้นมา ตอนนี้เธอกำลังฟังเรื่องน่าเศร้าที่หญิงคนนั้นเผชิญมา ด้วยความสงสาร

หลังจากที่ได้ยินมีคนมายังคุกใต้ดินแล้ว สีหน้าทุกคนก็แปลกไป ผู้หญิงที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ก็ตกใจ รีบหลบเข้ามุมไปตัวสั่นไม่หยุด

อารียามองไปทางนั้น หลังจากที่เห็นรพีพงษ์เข้ามาแล้ว ตาก็เป็นประกาย เริ่มมีความหวังขึ้นมา

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นอารียาสบายดีแล้วนั้น ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปที่เธอ

ในขณะเดียวกันนี้เอง อาจารย์โอบนิธิที่เดินด้านหน้าได้กดปุ่มที่ซ่อนไว้ข้างกำแพง เอามือรพีพงษ์ออก แล้วรีบลอยไปด้านหน้า

ควันมากมายถูกพ่นออกมาไปยังหน้าของรพีพงษ์ รพีพงษ์รีบโบกมือสะบัด แต่ควันนั้นได้ถูกรพีพงษ์สูดเข้าไปเต็มร่างกาย

เขาไม่คาดคิดว่าอาจารย์โอบนิธิได้ทำปุ่มกดไว้ในที่แบบนี้ เมื่อกี๊เห็นอารียาก็สบายใจขึ้น นี่เป็นจุดเริ่มต้น

ผ่านไปสักพัก รพีพงษ์รู้สึกเริ่มปวดหัว ร่างกายอ่อนแรง ไม่มีแรงใดๆ ล้มลงกับพื้น

อาจารย์โอบนิธิหัวเราะเสียงดัง ไม่ใส่ใจลักษณะของพระอรหันต์ของตัวเองอีกต่อไป เขาในขณะนี้เหมือนกับโจรห้าร้อย น่าเกรงขามยิ่งนัก

“ไอ้เด็กน้อย ไม่คาดคิดล่ะสิ ว่าฉันจะติดตั้งปุ่มกดไว้ในห้องลับ ปุ่มกดนี้ ฉันทำเพื่อกันไว้ ไม่คาดคิดว่าได้ใช้มันจริงๆ” อาจารย์โอบนิธิยิ้มพลางกล่าวต่อรพีพงษ์

รพีพงษ์จ้องอาจารย์โอบนิธิย่างไม่ละสายตา กัดฟันแล้วกล่าว “รนหาที่ตาย!”

อาจารย์โอบนิธิกูแคลน กล่าว “ไอเด็กน้อย ที่แกได้รับ เป็นยาพิษชนิดหนึ่ง ยาพิษนี้ไม่มีสีไม่มีกลิ่น เพียงแค่ดมเข้าไปนิดหน่อย แม้จะเป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ ก็จะเสียพลังไป ยาพิษนี้มีฤทธิ์เพียงครึ่งวัน ไม่กระทบต่อร่างกายใดๆ แต่นี่ก็พอจะมีเวลาที่จัให้ฉันฆ่าแกได้แล้ว”

“ตอนนั้นฉันถูกแดนปรมาจารย์สามคนไล่ฆ่า พึ่งมัน ถึงได้หลบหนีมาได้ ยาพิษแบบนี้ ถือว่าเป็นมือปราบเน่ยจิ้งเลยล่ะ เพียงแค่ได้สูดดมเข้าไปในร่างกาย ยาพิษก็จะไหลเวียนอยู่ในร่างกายอย่างรวดเร็ว”

“ดังนั้นตอนนี้ถ้าแกคิดจะฆ่าฉัน เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”

รพีพงษ์ไม่สงสัยในคำพูดของเขาแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขาใช้แรงไม่ได้ แล้วยังรู้สึกว่าเน่ยจิ้งในร่างกายของตนเองกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

แต่ในร่างกายของรพีพงษ์ไม่เพียงแค่มีเน่ยจิ้งเท่านั้น ในร่างของเขา ยังมีพลังสิเศษเสนอยู่ด้วย แล้วพลังวิเศษเสนม่ได้รับผลกระทบจากยาพิษนี้แต่อย่างใด

ตอนแรกที่เขาอยู่ในกล่องลึกลับนั้นได้เห็นวิธีการการหมุนเวียนของพลังวิเศษเสนในการขับยาพิษออก แม้ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม แต่ก็ต้องลองดู

เขาเสแสร้งว่าตัวเองขยับไม่ได้แล้ว จากนั้นพลังวิเศษเสนในร่างกายก็เริ่มไหลเวียน หลังจากที่พบว่าพลังวิเศษเสนไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากครั้งนี้ เขาก็สบายใจขึ้น

จากนั้นก็ใช้การไหลเวียนของพลังวิเศษเสน ยาพิษที่อยู่ในร่างกายของรพีพงษ์ค่อยๆถูกขับออกจากร่างกายอย่างช้าๆ ความรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงก็เริ่มหายไป

อาจารย์โอบนิธิไม่รู้เลยว่ายาพิษแบบนี้ไม่มีผลใดๆกับรพีพงษ์ เพราะเขาไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังมีพลังวิเศษเสนอยู่ด้วย

เขามองรพีพงษ์อย่างดูแคลน จากนั้นก้เดินไปที่กงนั้น เปิดประตู ยิ้มพลางกล่าว “ฉันไม่คิดว่าฝีมือของแกจะเก่งกาจขนาดนี้ แต่เสียดาย ยังไงแกก็ต้องอยู่ในกำมือฉันอยู่ดี แล้วแกยังทำให้ฉันบาดเจ็บ เพื่อเป็นการลงโทษแก ฉันจะเอาเมียของแกต่อหน้าแก ให้แกได้รับรู้ว่าอะไรคือสิ้นหวัง คิดๆแล้วตื่นเต้น”

อารียาเริ่มลนลาน ตอนแรกเธอคิดว่าการที่รพีพงษ์ปรากฏตัวนั้น เธอจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้

รพีพงษ์สูดหายใจลึกๆ หลังจากได้ยินคำพูดของอาจารย์โอบนิธิแล้ว ก็ยิ่งโกรธเพิ่มขึ้นไปอีก คนเลวแบบนี้ ต้องฆ่ามันโดยตรง

“ความสำเร็จของมึงยั่วโมโหกู วันนี้ กูจะให้มึงรู้ว่าอะไรคือความตื่นเต้น” รพีพงษ์ค่อยๆยืนขึ้นจากพื้น

เดิมทีอาจารย์โอบนิธิจะไปจับอารียาออกมา แต่หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ยืนขึ้นมาแล้ว ก็หน้าซีด รีบจับอารียามาข่มขู่รพีพงษ์ทันที

แต่ทว่าความเร็วของเขาเทียบกับรพีพงษ์ไม่ได้ ในขณะที่เขายื่นมือจะไปจับอารียานั้น รพีพงษ์ก็ได้ไปถึงข้างกายเขา จากนั้นก็บีบข้อมือ พลังวิเสษเสนทำงาน มือข้างนั้นของอาจารย์โอบนิธิ หักเป็นสองท่อน

รพีพงษ์ไม่ปล่อยมือ ถีบไปที่ขาอ่อนของอาจารย์โอบนิธิ หลังจากที่หักขาเขาแล้ว เขาก็ลืมลงกับพื้น จ้องไปที่เขาแล้วกล่าว “ในเมื่อมึงอยากทำเรื่องแบบนี้ งั้นกูก็จะให้มึงรู้ว่าการที่มึงไม่มีชีวิตหนะมันเป็นยังไง!”

เมื่อพูดจบ รพีพงษ์ก็ยกขาขึ้นมา ถีบไปยังเป้าของอาจารย์โอบนิธิโดยตรง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท