พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่774 ผมจะซื้อภัตตาคารของคุณ

บทที่774 ผมจะซื้อภัตตาคารของคุณ

บทที่774 ผมจะซื้อภัตตาคารของคุณ

อรรจยาและผลอุทัยมองไปที่รพีพงษ์อย่างเอือมระอา รู้สึกว่ารพีพงษ์เสแสร้งเกินไปแล้ว

ชิ พูดอะไรเกินจริงหน้าไม่อาย คุณพูดหนึ่ง ไม่มีใครก็พูดสอง ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยว่าเป็นยังไง มากไปก็ไม่กล้าพูด อย่างน้อยก็สิบยี่สิบล้านป้ะ บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้ง่ายๆงั้นหรอ?” อรรจยาจ้องรพีพงษ์อย่างเหยียดหยาม

ผลอุทัยก็รู้สึกว่ารพีพงษ์พูดเกินไป จึงได้ขอว่า “รพีพงษ์ ผมรู้ว่าผู้ชายต้องรักษาเกียรติ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ฟังผมหน่อยเหอะ คุณสู้นายใหญ่ของตระกูลจนกวีไม่ได้หรอก ฉวยโอกาสตอนนี้ที่ยังสามารถตกลงกันได้ ยินยอมพร้อมใจเสียเถอะ”

รพีพงษ์มองไปที่ทั้งคู่อย่างเยือกเย็น หากรพีพงษ์ยังมองว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่พบกันโดยบังเอิญ งั้นตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในแบล็กลิสต์ของรพีพงษ์แล้ว

เขาไม่ใส่ใจคำพูดของทั้งสองคน แต่โบกมือให้กับพนักงานตรงนั้น

“เรียกเจ้าของร้านของพวกคุณมา” รพีพงษ์กล่าว

“คุณผู้ชาย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” พนักงานกล่าวอย่างเคร่งเครียด

“ไม่มี ผมอยากเจอเจ้านายพวกคุณหน่อย รีบไปเรียกมา” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ที่นั่งตรงนี้ของรพีพงษ์เป็นที่ที่แพงที่สุดของร้านอาหารนี้ ลูกค้าที่นั่งตรงนี้ถือเป็นราชา ไม่ว่าพวกเขาเรียกร้องอะไร พนักงานก็ไม่กล้าเชื่องช้า ดังนั้นเขาจึงรีบไปหาเจ้านาย

อรรจยาและผลอุทัยทั้งสองมองรพีพงษ์อย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องให้พนักงานเรียกเจ้าของร้านมา

อารียาที่รู้นิสัยของรพีพงษ์รู้ได้ทันทีว่ารพีพงษ์ต้องการจะทำอะไร ถ้าไม่ผิดล่ะก็ วันนี้เจ้าของร้านจะต้องเปลี่ยนคน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อารียาจะขอร้องรพีพงษ์ แต่หลังจากที่ได้ดูแลตระกูลลัดดาวัลย์ช่วงเวลาหนึ่ง สำหรับเรื่องการเทคโอเวอร์ธุรกิจ อารียาไม่ขัดแย้งใดๆ

เพราะร้านอาหารไม่ได้เป็นทรัพย์สินที่เสียเปล่า แต่เป็นธุรกิจที่ได้รับกำไร แม้รพีพงษ์จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อ พวกเขาก็ไม่มีทางเสียเปรียบ เพียงแค่มีความอดทนมากพอ เงินที่จ่ายออกไป ไม่ช้าก็เร็วจะได้กำไรคืนมา

ผ่านไม่นาน พนักงานก็พาเจ้าของร้านอาหารพูคายมา

“คุณผู้ชาย มิทราบว่าอาหารที่ร้านของเราไม่ถูกเปล่าคุณหรือเปล่า ถ้ามีปัญหาล่ะก็ ผมจะให้เชฟทำให้คุณใหม่” เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบกว่าปี ใบหน้าเต็มไปด้วยออร่า

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดกับเขา ว่า “อาหารของพวกคุณอร่อยทั้งหมด ที่ผมเรียกคุณมา อยากจะถามว่า ตอนนี้ภัตตาคารของคุณราคาเท่าไหร่?”

เจ้าของร้านชะงัก จากนั้นกล่าว “ประมาณสี่สิบล้าน ทำไมถึงถามหรอครับ?”

เพื่อเพิ่มราคาร้านอาหารของตัวเอง เจ้าของร้านบอกราคาเพิ่มไปมากกว่าราคาจริง

“ผมอยากซื้อภัตตาคารของคุณ” รพีพงษ์กล่าว

เจ้าของตะลึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์อยากซื้อภัตตาคารของเขา คำพูดแบบนี้ ไม่ใช่จะพูดเล่นๆได้

อรรจยาและผลอุทัยทั้งสองตาโต จ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยความคาดไม่ถึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะซื้อร้านอาหารของเค้าจริงๆ

เสแสร้งได้สุดๆจริงๆ ไม่มีใครทำได้ล่ะ

“คุณผู้ชาย คุณไม่ได้โกหกใช่ไหม?” เจ้าของบ้านจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร อรรจยาที่อยู่ข้างๆกล่าว “ใช่ เขาล้อเล่น ขอโทษจริงๆนะคะ เขาน่าจะฟังคำพูดที่ทิ่มแทงไป จึงรู้สึกอับอาย ดังนั้นจึงคุยโว รบกวนคุณแล้ว”

“ไม่ได้ล้อเล่น ผมอยากซื้อจริงๆ ผมให้สามสิบล้าน ตอนนี้สัญญา แล้วผมจะโอนเงินให้คุณทันที” รพีพงษ์กล่าว

อรรจยาตาโต กล่าว “คุณหยุดเสแสร้งสักทีเถอะ ไม่ดูตัวเองเลยนะว่าใส่เสื้อผ้ายังไง ใส่เสื้อผ้าแบบนี้จะมีเงินสามสิบล้านหรอ? คุณมีสักสามพันก็ถือว่าไม่เลวล่ะ คุณอย่าทำให้เค้าเสียเวลาอีกเลย”

“ขอโทษจริงๆ รบกวนคุณแล้ว” ผลอุทัยมองเจ้าของอย่างรู้สึกผิด

รพีพงษ์เห็นอรรจยาและผลอุทัยสร้างปัญญา จึงยืนขึ้น มองไปที่เจ้าของร้าน กล่าว “พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า ผมอยากซื้อจริงๆหรือไม่ คุยจบคุณจะรู้เอง”

เจ้าของร้านมองไปรอบๆ แม้เขารู้สึกว่ารพีพงษ์ใส่ชุดธรรมดาทั่วไป มองไปแล้วไม่เหมือนคนมีตังค์ แต่ในเมื่ออีกฝั่งพูดขนาดนี้แล้ว จะลองฟังสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร

สิ่งที่สำคัญคือต้นทุนการบริหารร้านอาหารนี้ค่อนข้างสูง สำหรับเขา ถือว่ามีแรงกดดันสูง

แม้มื้ออาหารที่แพงที่สุดในร้านนี้จะมีราคาถึงแปดหมื่น แต่ราคาต้นทุนที่ใช้ไปก็น่าผวาเช่นกัน วัตถุดิบล้วนส่งมาทางอากาศ มีบางอย่างที่อยากซื้อก็หาซื้อไม่ได้ เจ้าของก็ไม่ได้มีแบ็คอะไรมาก เมื่อเงินหมุนเวียนมีปัญหา ภัตตาคารนี้ของเขาก็ต้องปิดตัวลง ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่อยากจะขายร้านอาหารนี้มานานแล้ว

แต่คนที่มีปัญญาซื้อร้านอาหารเขาได้นั้นจะมีสักกี่คน ดังนั้นเมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดว่าจะซื้อ แม้จะไม่จริง แต่เขาก็ยอมที่จะฟัง

เจ้าของร้านพยักหน้าให้กับรพีพงษ์ จากนั้นก็พารพีพงษ์เกินเข้าไปด้านใน

อรรจยาและผลอุทัยเห็นดังนี้ ก็เซ็ง คิดว่าเจ้าของก็ไม่ได้ฉลาดอะไรเลย ดูก็รู้ว่ารพีพงษ์ไม่มีปัญญาจะซื้อได้ แล้วยังยอมเสียเวลาอีก

“เหอะ แม้รพีพงษ์จะพูดให้ดูดี ไม่มีเงิน เขาก็ไม่มีทางซื้อร้านอาหารได้ แต่แบบนี้ก็ดี อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้ ว่าเขาเป็นเพียงคนที่ชอบคุยโวเกินจริงก็เท่านั้น” อรรจยาจ้องอารีนาแล้วกล่าว

“เอาจริงๆ รพีพงษ์เทียบกับนายใหญ่ของตระกูลจนกวีไม่ได้เลย ผมอยากให้คุณไตร่ตรองให้ดีๆ ผู้หญิงอย่างคุณ อยู่กับรพีพงษ์ ค่อนข้างเสียดาย” ผลอุทัยกล่าว

อารียามองบน ไม่อยากสนใจพวกเขาทั้งคู่แล้ว จึงได้ก้มหน้าเล่นมือถือ

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าของร้านและรพีพงษ์เดินกลับมา

อรรจยาเห็นดังนี้ ก็รีบพูดกับเจ้าของร้านว่า “ฉันพูดไว้ไม่มีผิดใช่ไหม ว่ามันไม่มีทางมีปัญญาซื้อร้านอาหารแพงๆของคุณได้ มื้ออาหารวันนี้ที่มันกินไปจะให้มันจ่ายเอง ฉันดูๆแล้วแม้แต่อาหารมื้อนี้มันก็ไม่มีปัญญาจ่ายได้”

เจ้าของร้านหัวเราะ กล่าว “มื้ออาหารวันนี้ของพวกคุณผมเลี้ยงเอง พวกคุณไม่ต้องจ่าย”

อรรจยาชะงัก ถาม “ทำไม?”

เจ้าของร้านยิ้มอย่างตื่นเต้น หันไปมองรพีพงษ์ กล่าว “คุณรพีได้ซื้อร้านอาหารของเราไว้แล้ว เมื่อกี๊พวกเราได้เซ็นสัญญากันแล้ว คุณรพีได้โอนเงินมาให้แล้ว ดังนั้นจากตอนนี้ไป ร้านอาหารนี้ จะเป็นของคุณรพีแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของร้านแล้วนั้น อรรจยาและผลอุทัยอ้าปากค้าง

“นี่……นี่ทันเป็นไปได้ยังไงกัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท