พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่771 ชาติชายห้ามพูดว่าไม่ไหว

บทที่771 ชาติชายห้ามพูดว่าไม่ไหว

ทที่771 ชาติชายห้ามพูดว่าไม่ไหว

“สามี คุณรีบมาสิ ทำไมยืนถอนหายใจอยู่ที่หน้าต่าง คุณไม่รักฉันแล้วหรือไง?”

ณ โรงแรมหรูในเมืองเย็นหยาง อารียากำลังนอนอยู่บนเตียง สวมชุดนอนผ้าไหมบางๆ เว้าๆนูนๆบนร่างกาย

ขณะนี้อารียาแลดูกระปรี้กระเปร่า หน้ามีเลือดฝาด มองไปที่รพีพงษ์อย่างมีเลศนัย

รพีพงษ์หันกลับไปอย่างเบื่อหน่าย มองไปที่อารียาที่อยู่บนเตียง อ้อนวอนว่า “เมียจ๋า วันนี้สามครั้งแล้วนะ ปล่อยผมไปเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่พระเจ้าก็เอาไม่อยู่นะ”

อารียาเขินอาย กล่าว “ไอ้หยา เค้าก็ไม่รู้ว่าทำไม ก็แค่อยากใกล้ชิดกับคุณ กว่าจะมีความอยากขนาดนี้ยากนะ ทำหลายครั้งแล้วไง”

รพีพงษ์ตัวสั่น รู้สึกว่าอารียาคนก่อนกับตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เธอรักนวลสงวนตัว ไม่เคยปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้ ที่เธอเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ก็เพราะไม้สีดำของอาจารย์โอบนิธิ

สังเกตอยู่หลายวัน ไม้ดำนี้มีผลต่อจิตใจคนจริงๆ เก็บไว้ข้างกายนานๆ ช่วยในการนอนหลับ แล้วยังทำให้ความรู้สึกที่หม่นหมองเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายอีกด้วย

ดังนั้นช่วงหลายวันมานี้รพีพงษ์ได้เอาไม้ดำวางไว้ใต้หมอน การนอนหลับพักผ่อนของเขาและอารียานั้นดีขึ้นมาก

อารียาถึงขั้นรู้สึกว่าเพราะไม้อันนี้จึงทำให้ผิวพรรณของเธอดีขึ้น

แต่เมื่อคืน ตอนเธอนอนเธอได้ฝัน ฝันเห็นตัวเองกินน่องไก่ และเป็นน่องไก่ที่เมื่อเห็นแล้วต้องน้ำลายไหล ตามที่อารียาพูดนั้น เธอได้น้ำลายไหลตอนกลางคืนจริงๆ

ตอนตื่นเช้าขึ้นมา รพีพงษ์พบว่าบนไม้ดำนั้น มีชิ้นเล็กที่หายไป ด้านบนยังมีรอบฟันกัด ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นตอนที่อารียาฝันในตอนกลางคืนเอาไม้นี้มากัดเป็นน่องไก่แทน

รพีพงษ์คิดว่าไม้นี้แม้ดูลึกลับ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นแค่ไม้ กินชิ้นเล็กไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น

แต่ผ่านไปไม่นาน อารียาก็ไม่ปกติ เริ่มพูดกับตนว่าชื่นชอบในเรื่อง“เพศ” ไม่ออกไปเที่ยวแล้ว เล่นในโรงแรมก็พอแล้ว

ตอนเริ่มแรกรพีพงษ์รู้สึกว่าปกติ จึงได้เปิดศึกใหญ่กับอารียา แต่หลังจากสามครั้งแล้ว รพีพงษ์เริ่มรู้สึกไม่ปกติ พลังของเธอในวันนี้ มันบ้าคลั่งชัดๆ

รพีพงษ์คิดไปเองว่าร่างกายเขาดีมาก แล้วเขายังฝึกฝนพลังวิเศษเสน ไม่ว่าจะยังไง เรื่องประเภทนี้ เขาก็ไม่มีทางแพ้ให้กับอารียาสาวผู้บอบบางนี้ได้หรอก

แต่ทว่าตอนนี้เขาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว สามครั้ง เริ่มรู้สึกกล้ามเนื้อเมื่อยล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อน อารียาอ้อนวอนไปนานแล้ว แต่วันนี้กลับมีความรู้สึกแบบนี้ นี่มันไม่ธรรมดา

เหตุผลเดียวที่รพีพงษ์สามารถคิดได้ นั่นคือไม้ที่ไม่มีที่มาที่แน่ชัดอันนั้น เพราะหลังจากที่อารียาได้กินไม้นั้นไปแล้วก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้

“สามี รีบมาสิ วันนี้ไม่ออกไปไหนแล้ว คุณกลัวอะไร คงไม่ใช่ไม่ไหวแล้วนะ” อารียาพูดต่อรพีพงษ์อีกครั้ง

รพีพงษ์ด่าในใจ ตนเองเพียงยี่สิบกว่าปี จะขี้ขลาดแบบนี้ไม่ได้ ก็แค่หลายๆครั้ง ไม่เห็นจะแปลก อยู่ต่อหน้าภรรยา จะพูดว่าตัวเองไม่ไหวได้ไงกัน

“กูไม่เชื่อ วันนี้จะต้องทำให้มึงขึ้นสวรรค์ให้ได้ กล้าพูดว่ากูไม่ไหว กูจะให้มึงเห็นความแข็งแกร่งของกู!”

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินไปที่เตียง

ในขณะเดียวกันเขาก็ตัดสินใจ แม้ไม้นั้นจะมีผลอย่างมากต่อสุขภาพจิต ต่อไปห้ามวางไว้ที่ใต้หมอนเด็ดขาด เกิดวันดีคืนดีอารียากินเข้าไปทั้งหมด เกรงว่าเขาไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะ

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่นั้น ใจกลางเมืองเย็นหยาง ณ คฤหาสน์หรูหลังหนึ่ง

ชายที่สวมชุดสูทยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ในมือถือเอกสาร บนโซฟาหลังเขา มีคนนั่งสิบกว่าคน ใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียด บรรยากาศโดยรอบของคฤหาสน์เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก

ทุกคนของเมืองเย็นหยางล้วนรู้ดี ว่าคฤหาสน์หลังนี้ เป็นของตระกูลจนกวี ก่อนหน้านี้ในคฤหาสน์ตระกูลจนกวีเต็มไปด้วยความครึกครื้น มักจะมีคนมากหน้าหลายตาเดินทางมามอบของ แล้วก็มาขอความช่วยเหลือ แต่ช่วงนี้ ตระกูลจนกวีเริ่มเงียบลง

ตระกูลจนกวี เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเย็นหยาง ควบคุมเศรษฐกิจทั้งหมดของเมืองเย็นหยาง แม้เมืองเย็นหยางไม่ได้เป็นเมืองเศรษฐกิจเหมือนเกียวโต แต่ตามความเจริญก้าวหน้าของประเทศ เมืองเย็นหยางถือว่าเป็นเมืองระดับสามที่เจริญก้าวหน้าค่อนข้างมาก เขายุผิง ตระกูลจนกวีเป็นผู้พัฒนา

ช่วงนี้เรื่องของอาจารย์โอบนิธิดั่งกระฉ่อนไปทั่ว เขายุผิงก็ถูกปิดตัวลง ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือตระกูลจนกวี

แม้ตระกูลจนกวีจะมีธุรกิจมากมายในเมืองเย็นหยาง แต่เขตการท่องเที่ยวเขายุผิง เป็นที่มาของกำไรครึ่งของตระกูลจนกวี

ตอนนี้เขายุผิงถูกปิด แม้ตระกูลจนกวีจะตัดขาดความสัมพันธ์กับอาจารย์โอบนิธิตั้งแต่นาทีแรก แต่เรื่องนี้กระทบตระกูลจนกวีอย่างมาก ดังนั้นระดับสูงและทั่วไปของตระกูลจนกวีต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันหมด

ขณะนี้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง คือผู้ดูแลตระกูลจนกวีคนปัจจุบัน ในมือเขาได้ถือเอกสารขาดทุนของตระกูลจนกวีในช่วงเวลานี้ เห็นตัวเลขด้านบน ก็เกิดอยากฆ่าคนขึ้นมา

สักพัก คำรนโยนเอกสารในมือทิ้ง จากนั้นก็ตะโกนอย่างทนไม่ไหวว่า “เย็ดแม่ง ธุรกิจที่กูลำบากยากเข็นสร้างมันมาหลายปี ถูกทำลายแบบเนี่ย ไอ้อาจารย์โอบนิธิเฮงซวย อยากเอาผู้หยิงก็บอกกูได้นี่หว่า ทำไมต้องทำเรื่องอะไรที่งามหน้าแบบนี้ด้วยวะ ไงล่ะ มันตายไปล่ะ แล้วยังสร้างงความลำบากให้พวกเราอีก กูล่ะอยากจะขุดมันขึ้นมาจากใต้ดินล่ะฟาดมันด้วยแซ่ให้หนักๆ!”

คำรนที่อยู่ในคฤหาสน์เกรี้ยวกราด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ขณะนี้มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามาใน เห็นคำรนกำลังเกรี้ยวกราด ก็รีบกล่าวว่า “ลูกพี่ คุณอย่าเพิ่งโมโห คนที่ชนะอาจารย์โอบนิธิ แล้วทำให้อาจารย์นิธิฉาวโฉ่ขึ้นมา พวกเราหามันเจอแล้ว อยู่ที่เมืองเย็นหยาง”

พูดจบ คนนั้นรีบเดินไปด้านหน้าของคำรน หยิบมือถือตัวเองขึ้นมา หารูป แล้วให้เขาดู

ในรูป เป็นรูปของรพีพงษ์และอารียาทั้งสองกำลังเดินเที่ยวอยู่ที่เมืองเย็นหยาง

“แม้ไม่รู้ว่าทำไมวิดีโอเหล่านั้นที่ถูกอัพโหลดลงบนอินเตอร์เน็ตไม่มีเหลือแล้ว แต่คนของเราได้เซฟเอาไว้ จากการเปรียบเทียบ พวกเรามั่นใจได้ว่าคนที่ชนะอาจารย์โอบนิธิ คือผู้ชายที่อยู่ในรูปนี้ แล้วเรายังหาคนที่เห็นอาจารย์โอบนิธิแพ้กับตาตัวเองเจอแล้วด้วย พวกเขาบอกว่ารู้จักคนนั้น”

พูดไป คนนั้นก็เลื่อนมือถือไปเรื่อย ปรากฏรูปอีกรูปหนึ่ง เป็นรูปของผลอุทัยและอรรจยาสองคน

“เราได้ทำการล็อคตัวสองคนนี้ไว้แล้ว ช่วงนี้จะไม่มีทางออกไปจากเมืองเย็นหยาง ลูกพี่ เราจะลงมือกับคนร้ายเลยไหม? เขาเป็นคนที่แม้แต่อาจารย์โอบนิธิก้เอาชนะมาได้” คนนั้นกล่าวอย่างเป็นกังวล

คำรนดูแคลน แล้วกล่าว “ฝีมือดีแล้วไง ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ตระกูลจนกวีของกูจะเสียหายขนาดนี้ได้ไงกัน แค้นนี้ ต้องชำระ”

“เอาชนะมันไม่ได้ แต่เราก็สามารถใช้เงินฟาดหัวมันได้หนิ กูไม่เชื่อว่าถ้ากูจะให้เงิน แล้วจะไม่ชนะเด็กยี่สิบกว่าปีอย่างมัน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท