พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่783 เตะให้ตายก็ไม่รับผิดชอบ

บทที่783 เตะให้ตายก็ไม่รับผิดชอบ

บทที่783 เตะให้ตายก็ไม่รับผิดชอบ

ชั่วพริบตา วันประลองก็มาถึง

แต่เวลานี้ไม่มีใครเป็นห่วงเรื่องงานประลองอีกต่อไป ผู้คนต่างกระวนกระวาย ต่างก็พุ่งสายตามาจับ

จ้องรพีพงษ์ ทุกคนต่างอยากเห็นว่ารพีพงษ์จะท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยอย่างไร

โรงยิมธารไนน์ เป็นสถานที่จัดงานประลอง

บัดนี้ในห้องมีเวทีต่อออกมาเวทีหนึ่ง เมื่อคิดถึงอำนาจทำลายล้างของเหล่าปรมาจารย์ ในตอนที่รพีพงษ์ให้คนต่อเวที จึงได้หาเหล็กชนิดพิเศษมาไว้ ต่อทั้งเวทีให้กลายเป็นโครงสร้างเหล็ก เพื่อป้องกัน

เวทีล้มขณะการประลอง

ชั้นที่สองของสนามกีฬา มีเวทีอยู่เวทีหนึ่ง เป็นเวทีประลองที่ห้าตระกูลใหญ่จัดตั้งขึ้น

หากแต่ตอนนี้ชั้นที่สองไม่มีคน ทุกคนจึงมารวมตัวกันที่ชั้นหนึ่ง รอการปะทะกับรพีพงษ์

โรงยิมธารไนน์เป็นสนามกีฬาทางการค้าที่ขึ้นชื่อของเมืองเกียวโต ด้านในคิดออกเลยว่าคงจะใหญ่แค่ไหน เพียงแค่ชั้นแรกก็สามารถจุผู้ชมได้ถึงสองหมื่นคนแล้ว

สนามกีฬาชั้นหนึ่งผู้คนแน่นขนัด ไม่มีที่นั่งหลงเหลือสักที่ ทางระบายออกต่างๆก็ท่วมไปด้วยน้ำ หลายคนที่ซื้อตั๋วไม่ได้ต่างก็อยากจะเบียดเข้ามาดูการประลองของรพีพงษ์

อย่างไรเสียเหตุกาณ์แบบนี้ใช่ว่าหลายๆปีจะเห็นกันได้ง่ายๆ หลายๆคนจึงไม่อยากพลาด

คนห้าตระกูลใหญ่ต่างก็นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เวทีมากที่สุด รอจนรพีพงษ์ปรากฏตัว

ฉายสุดานั่งอยู่ในตำแหน่งตนเอง มองดูสีหน้าของคนรอบๆ ใบหน้าไม่ปรากฏรอยยิ้มแม้เพียงน้อย

แม้ว่าเรื่องแขนของบดีศวรจะทำให้เธอตกใจ แต่ว่าในใจเธอ รพีพงษ์ก็ยังคงไม่มีสิทธิ์ท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยอยู่ดี

“ไม่รู้ว่ารอบนี้รพีพงษ์จะทนได้สักเท่าไหร่ ที่จะไปต่อกรกับปรมาจารย์ทั้งหลายของวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยแค่ความกล้าแบบนี้ ก็ทำให้คนเลื่อมใสได้แล้ว”ผู้ชมที่นั่งข้างฉายสุดาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ก็จริงนะ ตอนที่บ้านลัดดาวัลย์จัดงานเลี้ยง ฉันก็อยู่ วันนั้นตอนที่รพีพงษ์ปะทะฝีมือ ทำให้ฉันเห็นถึงศักยภาพของรพีพงษ์ ที่จริงรพีพงษ์เก่งมากเลยนะ ต่อให้เขาเอาชนะคนในทั้งวงการบู๊หัวเซี่ยไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังยืนกรานได้นาน”อีกคนเปิดปากพูด

พอฉายสุดาได้ฟังคำสนทนา จึงรีบเบ้ปาก พูดขึ้น“ถ้าพวกคุณคิดแบบนี้ งั้นก็ดูแคลนวงการบู๊หัวเซี่ยมากไปหน่อยแล้ว รพีพงษ์เก่งกาจก็จริง แต่ว่าถ้าทั้งวงการรวมตัวกัน เขายังห่างไกลนัก”

“อย่างนั้นเหรอ สาวน้อยดูรู้เรื่องราวดีนะ หรือว่าเป็นสมาชิกวงการ”คนๆนั้นยิ้มถาม

ฉายสุดาเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนง พูดว่า“แต่ว่าหนูเป็นลูกหลานสกุลวัชรชัยหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ วิทยายุทธของคุณปู่ก็ไม่อ่อน อีกไม่กี่ปี ฉันยืนยันว่าเก่งกาจว่ารพีพงษ์แน่นอน”

สองคนนั้นได้ยินคำพูดฉายสุดาจึงรู้สึกขนลุก ช่วงนี้พวกเขาเองก็ได้ยินเรื่องราวของห้าตระกูลใหญ่มาไม่น้อย รู้ว่าห้าตระกูลใหญ่ค่อนข้างเก่งกาจ ดังนั้นจึงไม่กล้าดูแคลนฉายสุดา

ผ่านไปไม่นาน เงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ทางเข้าสนามกีฬา ทุกคนต่างโห่เสียงต้อนรับ

รพีพงษ์ย่างเท้าเข้า พริบตาก็มาหยุดตรงหน้าเวที เขากระโดดเบาๆ ก็มาตกอยู่หน้าเวที

คนที่เห็นรพีพงษ์ชัดๆก็มีเพียงประมุขของห้าตระกูลใหญ่ไม่กี่คน ที่เหลือก็เห็นเพียงรพีพงษ์ปรากฏกายขึ้นตรงทางเข้า จากนั้นจึงขึ้นมาอยู่บนเวที

“หึ ก็แค่ฝีมือเล็กๆ ฉันว่าตานี่นอกจากอวดอ้างเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่ได้มีปัญญาอะไรมากมาย”ประมุกตระกูลตะกั่วทุ่งพูดออกมาอย่างดูแคลน

ส่วนประมุกคนอื่นต่างก็ไม่ได้เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา พวกเขาได้กลายเป็นประมุขของห้าตระกูล

ใหญ่ ต่างก็มีความลำพองใจของตนเอง แม้ว่ารพีพงษ์จะเคยมีประวัติฆ่าจิรภาส แต่พวกเขาไม่คิดว่า รพีพงษ์จะประลองชนะพวกเขา

มีเพียงบดีศวรคนเดียวเท่านั้นที่เงียบในตอนนี้ หลังจากที่ได้สัมผัสถึงศักยภาพของรพีพงษ์ในวันนั้น เขายิ่งรู้สึกว่าเขาไม่กล้าสู้รบกับรพีพงษ์ตัวต่อตัว สำหรับเขาแล้ว การที่จะกำจัดรพีพงษ์ได้ จะต้องเป็นห้าตระกูลใหญ่รวมตัวกัน

หลังจากที่รพีพงษ์ลงจากเวที กวาดตาไปรอบๆ ตะโกนว่า“วันนี้ ผมรพีพงษ์ขอลงจากเวที ขอท้าประลองกับยอดฝีมือวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยทุกท่าน วันนี้ทุกคนที่อยู่ในงาน กระผมขอเรียนรู้ฝีมือด้วย ผมรพีพงษ์ จะไม่ลงจากเวที จนกว่าจะชนะ!”

“ขอคำชี้แนะจากยอดฝีมือทุกท่าน!”

รพีพงษ์เอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องจากนักรบชุดโบราณกึกก้องมากมาย พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าพวกเขาไม่เคยได้เห็นฝีมือรพีพงษ์ จึงคิดว่าชื่อเสียงรพีพงษ์นั้นเป็นการโม้ทั้งเพ

ไม่นานนัก คนแขนกำยำคนหนึ่งกระโดดขึ้นเวที จ้องมองรพีพงษ์ด้วยแววตาดุดัน สีหน้าไม่สบอารมณ์“หุ่นบางๆแบบนี้เหรอ กล้าที่จะท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ย วันนี้ขอลองดูฝีมือสักตั้ง!”

“หวังว่าคำท้าทาย จะจบลงตั้งแต่เริ่ม!”

พูดจบ สองหมัดปะทะกัน กล้ามเนื้อแขนปะทุ ให้ความรู้สึกจู่โจมแก่ผู้พบเห็น

ทุกคนต่างมองทั้งคู่บนเวทีด้วยสายตาที่คาดหวัง ทุกคนต่างรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้กันอย่างดุ

เดือด

“คนนี้ดูแข็งแรงเหลือเกิน รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าเขาทุบลงมา รพีพงษ์ก็อาจจะแหลกเป็นผุยผง คงมีอะไรสนุกๆให้ดูกันคราวนี้”คนทั่วๆไปต่างคิดแบบนี้ ในตอนที่พวกเขารู้ตัว ดูเหมือนเก่งกาจ งั้นก็คงเก่งกาจจริงๆ

ทาตฤพุ่งไปทางรพีพงษ์ แล้วทุบไปทางรพีพงษ์โดยแรง

รพีพงษ์จ้องพวกเขาเขม็ง ยกเท้าขึ้น แล้วกระโดดขึ้นไปบนเวที

การต่อสู้ที่ทุกคนรอคอยยังไม่ปรากฏ คนที่ขึ้นเวทีเป็นคนแรก ก็โดนรพีพงษ์ซัดเสียหมอบ

สนามกีฬาเงียบลงโดยพลัน

รพีพงษ์ไอเสียงเบาพูดขึ้น“เพื่อที่จะเลี่ยงการเสียเวลา ให้คนที่เป็นปรมาจารย์ขึ้นเวทีมาแล้วกัน ไม่อย่างนั้นถ้าโดนผมเตะตายผมไม่รับผิดชอบ”

เดิมทีพวกลูกศิษย์ที่มั่นใจนักหนาพอเห็นความเก่งกาจของรพีพงษ์ จึงเลิกคิดที่จะขึ้นเวที

ทาตฤที่ขึ้นเวทีเมื่อครู่ เป็นยอดฝีมือที่มีพลังเน่ยจิ้ง ความสามารถแค่นี้คงผูกรพีพงษ์เตะกระเด็น

เห็นได้ชัดว่ารพีพงษ์มีศักยภาพสูง

พวกที่ระดับฝีมือต่ำกว่าปรมาจารย์ต่างก็ตกใจกันไปทั่ว ทำให้คนอดอุทานอย่างตกใจไม่ได้

พอสั่งสอนคนไปคนหนึ่ง คนอื่นๆที่อยากท้าทายรพีพงษ์ต่างก็สงบไป จากนั้นคนที่ขึ้นเวทีไม่มีคนไหนที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์

แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ พวกเขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้รพีพงษ์

บนเวที ในมุมหนึ่ง คนสวมชุดดำคนหนึ่ง สวมหมวกอยู่บนหัว คนที่ปกคลุมร่างกายพวกนี้กำลังจ้อง

เขม็งขึ้นมาบนเวที

คนๆที่มีกลิ่นยาแผ่กำจายออกมา คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็รู้สึกแปลกๆ แต่เห็นคนๆนี้ดูลึกลับ ก็ไม่รู้ว่าทำอะไร เลยไม่กล้าพูดอะไรมาก

เมื่อการต่อสู้กับรพีพงษ์สิ้นสุด ชายเสื้อคลุมดำจึงหัวเราะขึ้น

“เป็นอัจฉริยะที่หาตัวได้ยาก อัจฉริยะระดับนี้ ดูแล้วน่าอิจฉาจัง น่าเสียดาย เวลาของแกไม่มากแล้ว จะอัจฉริยะแค่ไหน เดี๋ยวเงาหัวก็หาย”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท