พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่784 ชัยชนะ

บทที่784 ชัยชนะ

บทที่784 ชัยชนะ

วันแรกที่รพีพงษ์ท้าทายวงการบู๊หัวเซี่ย ดูจากการประลองสิบยก ทำให้ทุกคนเปลี่ยนสายตาที่มอง

เดิมทีคิดว่ารพีพงษ์เสแสร้งแกล้งทำ แล้วก็เห็นวิสัยทัศน์ตนเอง พวกเขารู้สึกว่ารพีพงษ์คงไม่สามารถท้าทายวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยได้ ก็เลยทึกทักเอาว่ารพีพงษ์ไม่น่าจะไหว

แต่รพีพงษ์ใช้การกระทำในการพิสูจน์ การประลอง ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด

คนของห้าตระกูลใหญ่เดิมทีดูแคลนรพีพงษ์อยู่แล้ว แต่พอเห็นการต่อสู้ของรพีพงษ์ในวันแรกแล้ว

พวกเขาก็เริ่มให้ความสำคัญขึ้นมา

รพีพงษ์รับมือกับปรมาจารย์สองคนไหนวันแรก และยอดฝีมือระดับปรมาจารย์อีกแปดท่าน ถ้าดูจากศักยภาพห้าตระกูลใหญ่ นี่นับเป็นอะไร

แต่ว่าในขณะที่ประลองสิบยก คนๆหนึ่งจะมีฝีมือแค่ไหน ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ตกอับ ส่วนรพีพงษ์ราวกับมีพลังไม่จบไม่เสร็จ หลังจากการประลองสิบยก ไม่มีปรากฏทีท่าอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย

ต่อให้เป็นประมุขของห้าตระกูลใหญ่ ก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ขนาดนี้

ห้าตระกูลใหญ่ผู้ที่รับรู้ได้ถึงปัญหาหนัก จึงได้จัดยอดฝีมือจำนวนหนึ่งไปที่โรงแรมพระจันทร์ทอง รพีพงษ์ดูเวอร์เกินไป ไม่เห็นคนที่มีวิทยายุทธ์อย่างพวกเขาอยู่ในสายตา พวกเขาจึงร่วมกันรุมรพีพงษ์

พวกนักวิทยายุทธ์เหล่านี้เป็นพวกที่มีสายเลือด พอเห็นรพีพงษ์ต่อสู้ รวมกับท่าทีของพวกเขา เมื่อผ่านตระกูลใหญ่ห้าตระกูล พวกเขาต่างก็รู้สึกเดือดดาล และประกาศกร้าวว่าจะต้องเอาชนะรพีพงษ์ให้ได้ ให้รพีพงษ์สำนึกว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า

นักประลองฝีมือในเกียวโตมากันเกือบครึ่งวงการบู๊หัวเซี่ย อย่างไรเสียเครดิตของห้าตระกูลใหญ่ก็ยังคงมีสูงมาก เพียงแค่ปรมาจารย์ยอดฝีมือ ก็มากันเป็นกอง ต่างก็ส่งยอดฝีมือประจำสำนักมา

แม้ว่าปรมาจารย์จะมีน้อย และยากที่จะหยั่งถึง แต่ว่าหัวเซี่ยใหญ่ขนาดนี้ มีชื่อเสียงนับพันปี มีคณะกำลังภายในนับไม่ถ้วน รวมกันทั้งหมด ดูไม่น้อย

ดังนั้นพอเริ่มวันที่สอง คู่ต่อสู้ที่รพีพงษ์เผชิญ ล้วนเป็นปรมาจารย์ทั้งสิ้น

เรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์วงการบู๊ อย่างไรเสียไม่เคยมีใครกล้าท้าประลองวงการบู๊

หัวเซี่ยคนเดียวแบบนี้ ดังนั้นเหตุการณ์ที่ปรมาจารย์กับยอดฝีมือจะออกตัวรวมกันจึงไม่เคยปรากฏ

แรงกดดันทั้งหมดที่รพีพงษ์รับ ก็แค่การปะทะฝีมือกับปรมาจารย์และยอดฝีมือ เป็นเรื่องสองเรื่องที่

ต้องแยกออกจากกัน ต่อให้รพีพงษ์ยืนหยัดได้นาน ก็ต้านยอดฝีมือที่ถาโถมเข้ามาไม่ได้หรอก

หากแต่รพีพงษ์ไม่มีทีท่าล่าถอย เขาพยายามท้าทายการฝึกซ้อมของตัวเอง ตอนนี้ความสามารถเขา

อยู่ในระดับสูง หากอยากจะยกระดับความสามารถ ก็เพียงแต่ฝึกฝนไม่หยุดเท่านั้น ให้ตัวเองเคยชิน

และสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น จึงจะสามารถเลื่อนระดับฝีมือตนเอง

ความเร็วนั้นว่องไวปานแสง แต่นั่นเพราะมีพื้นฐานของพลังเน่ยจิ้ง ก็เลยมีปฏิกิริยาเร็ว และถ้าต้องการพลังวิเศษเสนชั้นยอด รพีพงษ์ต้องผ่านการฝึกนับร้อยนับพัน เวทีนี้ ถ้าจะก้าวขึ้นไป มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ตอนนี้ที่เกียวโตมีคนมารวมตัวกันในวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยเกือบครึ่งเมือง ผู้ชมในสนามกีฬา โดยมากเป็นคนในวงการกำลังภายใน และในคนจำนวนมหาศาลนี้ มีเพียงปรมาจารย์ไม่กี่สิบเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าการที่จะแตกฉานในเน่ยจิ้งเสร็จสมบูรณ์นั้น ไม่ง่ายเลย

พลังวิเศษเสนนั้นล้ำลึกกว่าเน่ยจิ้ง ดังนั้นการจะฝึกวิทยายุทธ์เส้นให้สำเร็จนั้น ยากเสียยิ่งกว่าทะยานฟ้าเสียอีก

เริ่มจากวันที่สองของการต่อสู้ ประมุกห้าตระกูลใหญ่ต่างก็ทยอยให้มาปะทะฝีมือกับรพีพงษ์ พวกเขารอขึ้นเวทีในจังหวะการประลองที่สิบ ในเวลานั้นรพีพงษ์คงจะหมดกำลังไปเยอะ จากศักยภาพของปรมาจารย์ สามารถจู่โจมให้รพีพงษ์ถึงแก่ชีวิตได้ง่ายๆ

แต่พวกเขาประมาทฝีมือรพีพงษ์มากเกินไป

วันที่สอง ในการประลองที่สิบของรพีพงษ์ ประมุขตระกูลตะกั่วทุ่งเป็นคนขึ้นประลอง หลังจากปะทะฝีมือกันแล้ว ก็โดนรพีพงษ์จู่โจมเสียแพ้ราบคาบ

วันที่สาม นิรภาพประมุขตระกูลตระกูลยศบวรเป็นคนขึ้นประลองกับรพีพงษ์ ปรมาจารย์ที่อยู่ด้านหน้าค่อนข้างมีแวว เห็นท่าทีรพีพงษ์ไม่เลว จึงปล่อยหมัดยุติการประลอง

วันที่สี่ ประมุขตระกูลตระกูลเมฆมหัสเป็นคนขึ้นประลองกับรพีพงษ์ เนื่องจากตรงหน้ามียอดฝีมือจากตระกูลใหญ่ทั้งห้าปรากฏอยู่ตรงหน้า ในตอนการประลองครั้งสุดท้าย รพีพงษ์เหนื่อยจนหมดกำลัง สุดท้ายต้องออกหมัดเด็ด ชนะการประลอง

จนกระทั่งบัดนี้ ตระกูลใหญ่ทั้งห้าได้รู้แล้วว่ารพีพงษ์วิปริตแค่ไหน

ส่วนรพีพงษ์ประลองกันมาสี่วันติด เริ่มรับไม่ไหว จึงประกาศพักการประลองสามวัน แล้วสามวันหลังจากนี้ เขาจะเข้าร่วมสิบการประลองสุดท้าย ถ้าอยากจะเอาเขาให้ลง ก็เหลือโอกาสเพียงสิบครั้งเท่านั้น

ห้องโถงโรงแรมจันทร์ทอง

ตระกูลใหญ่ทั้งห้ามารวมตัวกันอยู่ที่นี่

ตอนนี้บรรยากาศในห้องโถงขมุกขมัว ตามความเข้าใจของรพีพงษ์ไม่กี่วันนี้ พวกเขารู้สึกว่าการขจัดรพีพงษ์เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน

ประมุขตระกูลตะกั่วทุ่งตบโต๊ะอย่างเดือดดาล กล่าว“ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ตอนแรกพวกเราทั้งห้าตระกูลควรจะรวมตัวกันสู้กับเจ้าหนุ่มนี่ ดูจากการต่อสู้เมื่อวาน ความสามารถเจ้าหนุ้มนี่ก็สุดแค่นี้ แต่พวกเรามักจะคิดว่าแค่คนๆเดียวขึ้นเวทีประลองก็คงเอาเจ้าหนุ่มนี่อยู่หมัด ช่างเลอะเลือนเสียจริง”

“พี่ทัดเทพพูดถูก เมื่อวานผมรู้สึกได้ว่ารพีพงษ์เหนื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารวมพลังสูงสุดในเฮือกสุดท้าย ผมว่าผมยังมีโอกาสพลิกเกมส์ได้ เสียดายที่ในห้าตระกูลใหญ่พวกเราบาดเจ็บไปสามคน เลยแสดงฝีมือออกไปเต็มที่ไม่ได้ อาศัยแต่พี่ชเยศกับพี่บดีศวร เกรงว่าคงไม่ไหว”ธนพลพูดอย่างอ่อนใจ

บดีศวรกับชเยศเองก็เพิ่งรู้สึกว่ากลยุทธ์ของตนนั้นผิดพลาดแต่แรก

แต่จะไปโทษพวกเขาก็ไม่ได้ อย่างไรเสียในตอนเริ่มต้น ไม่มีใครรู้ว่ารพีพงษ์น่ากลัวขนาดนี้ ถ้าพวกเขาผลัดกันต่อสู้กับรพีพงษ์ตั้งแต่แรก ทั้งวงการคงจะหัวเราะพวกเขาทั้งห้าที่ร่วมมือรังแกคนๆเดียว

จะว่าไปหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ

“เรื่องมาถึงขนาดนี้ พวกเราคงได้แต่งัดไม้สุดท้ายออกมาใช้ ยังมีเวลาอีกสามวัน พวกท่านทั้งสามรีบฟื้นฟูแผลให้หาย ไม่มีใครตั้งกติกาไว้ว่าคนแพ้จะขึ้นประลองอีกไม่ได้ ผมกับชเยศจะเป็นตัวเลือกสุดท้าย การประลองกับเขาทีหนึ่ง หวังว่าคงจะรบชนะพวกเขา พอถึงเวลานั้น ก็ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องหน้าตาอีกต่อไป”บดีศวรเอ่ยปาก

“แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเราก็ยังคงรบชนะรพีพงษ์ไม่ได้อยู่ดี เมื่อวานรพีพงษ์ประลองกับยอดฝีมือทีเดียวสามคน วันนี้พวกเขาทั้งสามบาดเจ็บ พลังหายไปเยอะ เกรงว่าคงจะทำได้ไม่ดีเท่าเมื่อวาน”

ชเยศพูดออกมาอย่างกังวลใจ

บดีศวรก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีวิธีอื่นๆแล้ว จึงได้แต่ลองสู้ยกสุดท้าย

ในขณะที่ทุกคนกำลังทอดถอนหายใจ ชายสวมชุดคลุมสีดำก็โผล่มา ส่วนหัวของเขาถูกคลุมด้วยฮู้ดที่ติดอยู่กับเสื้อคลุม เขาเดินปรากฏกายเข้ามาในห้องโถง

“อย่ามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลย ผมช่วยทุกคนกำจัดรพีพงษ์ได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท