พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่798 คำขอของอาจารย์

บทที่798 คำขอของอาจารย์

บทที่798 คำขอของอาจารย์

“ยอดเยี่ยมที่สุด ยอดฝีมือแดนดั่งเทพ ที่แท้ก็น่ากลัวแบบนี้นี่เอง” รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง

ถ้าเขาอยู่ในแดนระดับนี้ วันนั้นตอนที่ต่อสู้ น่าจะใช้แค่อากาศ ก็สามารถเอาชีวิตของบดีศวรทั้งสี่คนได้แล้ว

ยอดฝีมือของแดนนี้ ไม่สามารถใช้คำทั่วไปมาอธิบายได้อีกแล้ว ฝีมือของพวกเขา เก่งเกินกว่าจะบรรยายได้

และคนที่อยู่หน้าของรพีพงษ์ในตอนนี้ คือคนที่เก่งเหนือคำบรรยาย

“หากผมฉันไม่ผิดล่ะก็ ถ้าพลังวิเศษเสนของแกได้ฝึกฝนช่ำชอง และถึงระดับปล่อยเน่ยจิ้ง ถึงเวลานั้น ฝีมือของแกจะก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว” อาจารย์กล่าว

“แดนปรมาจารย์ สุดท้ายแล้ว ก็คือทางโลก และแดนดั่งเทพ จึงจะเป็นแดนที่ตัดขาดจากทางโลกจริงๆ”

“แต่เพราะความเก่งกาจของแดนนี้ ดังนั้นถ้าสามารถมาถึงระดับนี้ได้ น้อยมาก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแกรู้ว่ามีแดนปรมาจารย์ แต่กลับไม่เคยได้ยินแดนดั่งเทพมาก่อน”

รพีพงษ์พยักหน้า เข้าใจความหมายของอาจารย์ แม้สำนักของศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง ส่วนใหญ่จะละทางโลกกันไปแล้ว และมีจำนวนมากที่แอบซ่อนอยู่ พยายามไขว่คว้าศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ แต่เอาเข้าจริง ระหว่างพวกเขากับทางโลกนั้น ยังคงมีการติดต่อกันอยู่

และมีเพียงคนที่เป็นแดนดั่งเทพ จึงจะถือได้ว่าละทางโลกอย่างสบายแล้วจริงๆ ผู้ที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ ล้วนมีความต้องการที่ต่างกันออกไป ความคิดของพวกเขา ล้วนเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง ดังนั้นสังคมทางโลก จะมีข่าวคราวของแดนปรมาจารย์อยู่บ้าง แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีข่าวเกี่ยวกับแดนดั่งเทพเลย

มีจะมี ผู้คนก็ไม่มีทางเชื่อ

เพราะมือของยอดฝีมือของแดนดั่งเทพมันมหัศจรรย์จริงๆ

“พอล่ะ ข้อสงสัยในใจของแกน่าจะหายไปแล้ว ต่อไปฉันขอพูดถึงเหตุผลที่ฉันรอแกตื่นมาหน่อยได้ไหม” อาจารย์ยิ้มพลางกล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “เชิญอาจารย์พูดได้เลย”

“ความจริงที่ฉันอยู่ที่นี่รอแกตื่นขึ้นมา ก็เพราะอยากขอความช่วยเหลืออะไรจากแกหน่อย” อาจารย์กล่าวอย่างสงบ ด้วยสายตาของคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

“อาจารย์มีอะไรจะให้ผมทำ กรุณาพูดมาได้เลย ผมจะทำมันอย่างเต็มที่” รพีพงษ์กล่าวอย่างไม่ลังเล ถ้าไม่มีอาจารย์ เขาไม่มีทางเดินมาถึงจุดนี้ได้ อาจารย์เป็นผู้มีพระคุณต่อเขา ดังนั้นเขาไม่มีทางปฏิเสธข้อเรียกร้องใดๆของอาจารย์ได้

“เมื่อกี๊ฉันได้พูดไปแล้ว ฉันกำลังหาบางอย่างเกี่ยวกับพลังวิเศษเสนอยู่ ช่วงหลายปีมานี้ฉันได้เจอเบาะแสบางอย่าง ถึงขั้นเจอจุดสำคัญ ถ้าสามารถเข้าไปที่นั่นได้ ฉันเชื่อว่าข้อสงสัยทุกอย่างเกี่ยวกับพลังวิเศษเสน จะถูกไขออก”

“เพียงแค่การที่จะเข้าไปที่นั่นได้นั้น จะต้องมีกุญแจดอกพิเศษ ช่วงหลายปีมานี้ฉันได้หาที่อยู่ของกุญแจนี้มาโดยตลอด”

พูดพลาง อาจารย์ก็ได้หยิบหยกแขวนออกมาจากชุด บนหยกแขวนเป็นรูปที่ซับซ้อนมาก ดูๆไปเหมือนกับเป็นโทเทม แวบแรกที่รพีพงษ์เห็น รู้สึกเหมือนกับโทเทมนั้นมีชีวิต ทำเอาตกใจไปตามๆกัน

แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่ดูหยกแขวนนี้สักพักแล้วนั้น ความรู้สึกที่แตกซ่านของรพีพงษ์ที่เกิดขึ้นตอนเพิ่งตื่นนอนทันใดนั้นได้รวมกันเป็นหนึ่งโดยเร็ว

“หยกแขวนนี้มีชื่อว่าหยกโยงจิต นี่เป็นกุญแจที่ฉันพูดถึง แต่เป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น หยกโยงจิตมีด้วยกันสามอัน มีเพียงเอาสามอันวางไว้ด้วยกัน ถึงจะสามารถเปิดสถานที่ที่ฉันพูดถึงออกได้ ฉันใช้เวลามานานหลายปี ก็หาเจอเพียงอันนี้เท่านั้น”

“แต่ที่โชคดีก็คือ ฉันรู้ถึงที่อยู่ของหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันแล้ว”

“เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง อนาคตอันไม่ไกลนี้ ฉันจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ เพียงแค่เข้าไปที่นั่นได้ ถ้าฉันผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปไม่ได้ จุดจบก็คือความตาย”

“เวลาของฉันเหลือไม่มาก เพื่อเผชิญกับภัยพิบัติที่จะมาถึง ฉันจะต้องเตรียมการอีกเยอะ นั่นหมายถึงฉันไม่มีเวลามากพอที่จะไปหาหยกโยงจิตอีกสองดอกที่เหลือ”

“แล้วครั้งนี้ฝีมือแกทำให้ฉันแปลกใจมาก ด้วยระดับปัจจุบันของแก ไปช่วยฉันหาหยกโยงจิตอีกสองดอกที่เหลือมา น่าจะไม่ยากเกิน ดังนั้นสิ่งที่ฉันอยากให้ช่วยนั้น ก็คือไปหาหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองดอก”

เมื่อฟังคำพูดของอาจารย์จบ รพีพงษ์ก็แปลกใจ เขาไม่คาดคิดว่าฝีมืออาจารย์ก็ถึงระดับนี้แล้ว ยังมีภัยพิบัติที่ต้องเผชิญอีก ดูๆไปแม้ฝีมือจะเก่งกาจขนาดไหน ก็สามารถเจอเข้ากับปัญหาได้

“มิทราบว่าอาจารย์จะต้องเจอกับภัยพิบัติอะไรหรอ?” รพีพงษ์ถาม

อาจารย์ยิ้ม กล่าว “มีบางเรื่อง ที่ตอนนี้แกยังไม่ควรจะรู้ รู้ไปก็ไม่มีผลดีอะไร รอให้ถึงเวลา แล้วแกจะรู้เองว่าฉันต้องเจอกับภัยพิบัติอะไร”

รพีพงษ์พยักหน้า เข้าใจความหมายของอาจารย์ จากนั้นก็กล่าวว่า “เรื่องของอาจารย์ ผมช่วยแน่นอน แม้หยกโยงจิตที่เหลือที่อยํ่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ผมก็จะต้องหามาให้อาจารย์ให้จนได้”

อาจารย์มองไปที่รพีพงษ์อย่างชอบใจ กล่าว “ได้ยินคำพูดนี้ของแก ฉันก็พอใจแล้ว”

“ในการหาหยกโยงจิต แกต้องไปจากตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันรู้ว่าแกไม่สบายใจเรื่องความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์ โดยเฉพาะเมียและลูกของแก ดังนั้นเพื่อให้แกสบายใจ ฉันสามารถให้ปวัตร ปวิชทั้งคู่อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ ปกป้องเมียและลูกของแก ดูแลความปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอาจารย์แล้วนั้น รพีพงษ์ก็ซาบซึ้ง สิ่งที่อาจารย์พูด เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ทั้งหมดจริงๆ หากเขาจากไป สิ่งที่กังวลที่สุด ก็คืออารียาและหนูลินทั้งคู่

ตอนนี้อาจารย์สัญญาแล้วว่าจะให้ปวัตรปวิชทั้งสองอยู่ที่นี่ รพีพงษ์ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว

รพีพงษ์รู้ดีถึงความสามารถของปวัตรปวิช ฝีมือของทั้งสองล้วนไม่แพ้นายใหญ่ของตระกูลใหญ่เหล่านั้น ถ้าร่วมมือกัน จะไม่มีใครเทียบได้

เพียงแค่ไม่ใช่ยอดฝีมือของแดนดั่งเทพหาเรื่อง พวกเขาทั้งสอง สามารถต่อกรกับทุกปัญหาของตระกูลลัดดาวัลย์ได้แน่นอน แม้คนของตระกูลใหญ่พวกนั้นมาหาเรื่อง ก็สามารถต่อกรได้

“ขอบคุณที่อาจารย์เข้าใจ อาจารย์วางใจได้ ผมจะเอาหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันมาให้ได้” รพีพงษ์ประสานมือกับอาจารย์ “มิทราบว่าหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันอยู่ที่ไหนหรอครับ?”

อาจารย์หยิบกระดาษขึ้นมา ยื่นให้รพีพงษ์ กล่าว “จากการค้นหาช่วงหลายปีมานี้ ฉันรวบรวมข้อมูล และมั่นใจว่าหยกโยงจิตที่เหลืออีกสองอันอยู่ที่ไหน”

“หนึ่งในนั้น ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายมือ ต่อสู้ ประมูล สุดท้ายอยู่ในมือของตระกูลหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น”

“และอีกอัน อยู่ในมือของกลุ่มสิงโต”

“ในกระดาษนี้มีที่อยู่อย่างละเอียดของพวกมัน แกลองดู”

ได้ยินกลุ่มสิงโตสามคำนี้ รพีพงษ์ก็ชะงัก ไม่คิดว่าสิ่งที่อาจารย์ค้นหา จะอยู่ในมือของพวกเขา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท