พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่827 ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย

บทที่827 ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย

บทที่827 ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย

ในฐานะที่เป็นตระกูลระดับโลก ตระกูลฮารุฮิยังดำรงตำแหน่งสำคัญในประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อเทียบกับตระกูลอุเอสึงิที่สำคัญและควบคุมครึ่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ตระกูลฮารุฮิยังคงห่างไกลมาก

ที่สำคัญมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง มีหลายครั้งที่ตระกูลฮารุฮิจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลอุเอสึงิ ถึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของตระกูลฮารุฮิให้มั่นคงอยู่ในรูปแบบโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นนายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิ แม้ว่าจะอายุห้าสิบกว่า เกือบหกสิบแล้ว ชอบคุณหนูของตระกูลฮารุฮิ ตระกูลฮารุฮิก็ต้องรีบส่งตัวคุณหนูของตระกูลตัวเองไปยังตระกูลอุเอสึงิ แบบนี้ถึงจะแสดงให้เห็นว่าความเคารพที่ตระกูลฮารุฮิมีต่อตระกูลอุเอสึงิได้

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับลูกในตระกูลใหญ่แบบนี้แล้ว การแต่งงานเป็นเครื่องมือของผลประโยชน์ เพื่อเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่มากขึ้น พวกเขาก็ไม่รังเกียจคู่ชีวิตในอนาคตของลูกๆจะเป็นใคร

คฤหาสน์ตระกูลฮารุฮิ

ในห้องรับแขก บรรยากาศตึงเครียด

ในตอนนี้ฮารุฮิ สินนายใหญ่ของตระกูลฮารุฮิและทาจิมะ ฮิซาโกะภรรยาของเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของทั้งสองคนโกรธขึ้งไม่พอใจ จ้องมองคนที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ฝนสุดาที่ไม่สนใจพวกเขาทั้งสองคน

“เป็นสัมพันธ์ไมตรีกับตระกูลอุเอสึงิในตอนนี้เป็นที่พึ่งพาอาศัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลฮารุฮิของเรา ถ้าหากตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลอุเอสึงิ ตระกูลฮารุฮิของเราจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่ หรือแกจะทนเห็นทุกอย่างของตระกูลฮารุฮิพังพินาศย่อยยับเหรอ?”ฮารุฮิ สินเอ่ยปาก

ฝนสุดาหยุดกดโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมองฮารุฮิ สึงิแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ตระกูลฮารุฮิพังพินาศย่อยยับ ก็เป็นเพราะว่านายใหญ่อย่างพ่อที่ไร้ความสามารถ แล้วเกี่ยวอะไรกับหนู หนูบอกแล้วว่าไม่มีทางที่จะเป็นภรรยาน้อยของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ ก็ไม่มีทางอยู่แล้ว!”

เมื่อฮารุฮิ สินได้ยินสิ่งที่ฝนสุดาพูด ก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ และลุกขึ้นยืนจากโซฟา จะลงมือสั่งสอนฝนสุดา

ทาจิมะ ฮิซาโกะที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นเช่นนี้ก็รีบห้ามฮารุฮิ สิน จากนั้นหันหน้าไปพูดกับฝนสุดาว่า: “สุดา ลูกก็อย่าต่อปากต่อคำเลย ลูกไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายอยากเป็นภรรยาน้อยของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ แต่นายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิก็ไม่ชอบ”

“แม้ว่านายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิอายุจะหกสิบแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็น่ากลัวมาก คนทั้งคนดูไปแล้วก็สี่สิบกว่าเท่านั้นเอง ลูกแต่งงานเป็นภรรยาน้อยของเขา ไม่เพียงแต่นำผลประโยชน์มาสู่ตระกูลฮารุฮิไม่รู้จบ แต่สำหรับตัวลูกเอง ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ดีมากเช่นกัน”

ฝนสุดาเบะปาก แล้วพูดว่า: “มีประโยชน์กับฉันเหรอ? ฉันว่านี่เป็นความต้องการของพวกคุณมากกว่า พวกคุณไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของหนู!”

ฮารุฮิ สินส่งเสียงเย็นชาทันที เอ่ยปากว่า: “แกในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฮารุฮิ นี่เป็นภาระหน้าที่ของแก สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกของแก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าในใจแกคิดถึงแต่เด็กประเทศจีนคนนั้น”

“แกก็อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องให้ฉันมาสอนแกด้วยตัวเองอีกเหรอ? เด็กประเทศจีนคนนั้นมีอะไรดี? เขามีตรงไหนที่เทียบกับนายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิได้เหรอ? คนประเทศจีนเทียบจากสายเลือดก็สู้คนประเทศญี่ปุ่นอย่างเราไม่ได้ เขาไม่คู่ควรกับแกเลย!”

เมื่อฝนสุดาได้ยินคำพูดของฮารุฮิ สิน ก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อน ตะโกนว่า: “ผู้ชายที่คิดอะไรตื้นๆอย่างพ่อ สาเหตุที่การพัฒนาตระกูลฮารุฮิต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อความอยู่รอด ทั้งหมดเป็นเพราะความโง่เขลาของนายใหญ่อย่างพ่อ!”

เพราะรู้ว่าระหว่างตัวเองและรพีพงษ์ไม่มีทางมีจุดจบ ดังนั้นหล่อนไม่เคยบอกพ่อแม่ตัวเองว่ารพีพงษ์มีฐานะเป็นนายน้อยของกิสนา

ทั้งฮารุฮิ สินและทาจิมะ ฮิซาโกะรู้ดีว่าฝนสุดาเป็นเพราะหลงใหลผู้ชายประเทศจีนคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายประเทศจีนคนนี้เป็นใคร รวมทั้งพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อของรพีพงษ์มาก่อน ดังนั้นจึงคิดไปเองว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ดอกฟ้ากับหมาวัด คนหลอกลวงที่ดีแต่หลอกหญิงสาว

หลังจากที่ฮารุฮิ สินได้ยินสิ่งนี้ ไม่สามารถทนความโกรธในใจได้อีกต่อไป ฟาดฝ่ามือตบไปที่หน้าฝนสุดาทันที

เสียงเพี้ยะดังขึ้นมา

ห้องรับแขกทั้งห้องเงียบลงมาในทันที ทาจิมะ ฮิซาโกะมองฝนสุดาอย่างจนใจ และไม่ได้ห้ามฮารุฮิ สินอีกต่อไป

ฝนสุดากุมใบหน้าของตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องมองไปที่ฮารุฮิ สิน ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ฉันไม่สนใจว่าแกจะยอมหรือไม่ยอม แล้วก็ไม่สนใจว่าคนในใจของแกเป็นใคร เรื่องที่แกจะต้องแต่งงานไปเป็นภรรยาน้อยของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ ไม่มีพื้นที่สำหรับการต่อรองกันอีก ฝั่งตระกูลอุเอสึงิก็ส่งข่าวมาแล้ว หวังว่าจะได้จัดงานแต่งงานขึ้นโดยเร็วที่สุด เรื่องนี้แกไม่มีสิทธิ์ ตระกูลฮารุฮิ ฉันเป็นใหญ่ ระงับอารมณ์ของแกด้วย หลายปีมานี้ฉันตามใจแกมากเกินพอแล้ว ตอนนี้แกก็ควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตระกูลบ้าง”

ฮารุฮิ สินพูดกับฝนสุดาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จากนั้นก็หันกลับไปที่ห้อง

ทาจิมะ ฮิซาโกะจ้องไปที่ฝนสุดา และเอ่ยปากว่า: “ลูกสาว คิดดูให้ดีๆ มีเพียงแต่งงานกับนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ ลูกถึงจะมีอนาคตได้”

หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันหลังและจากไป

ฝนสุดาก้มหน้าลงอย่างใจหดหู่ หันหลังเดินไปที่ชั้นบนที่ห้องนอนของตัวเอง

เปิดประตูห้อง แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน ฝนสุดามองไปที่ผนังข้างเตียงของตัวเอง

ด้านบนติดภาพสเก็ตช์ที่หล่อนวาดไว้ ในภาพสเก็ตช์ ทั้งหมดเป็นรูปลักษณ์ของรพีพงษ์ ในนั้นมีมากมาย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นที่หล่อนอยู่กับรพีพงษ์

นั่นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของหล่อน

แม้จะถูกพ่อตบหล่อนก็ไม่ร้องไห้ แต่หลังจากที่เห็นภาพสเก็ตช์บนผนัง น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาอย่างอดกลั้นไม่ไหว

“รพีพงษ์ พวกเรา ยังจะได้พบกันอีกครั้งมั้ย?”

……

สำนักเทพยาเซียน ในเวลากลางคืน ดวงจันทร์สว่างดวงดาวเบาบาง

อุเอสึงิ ฮารุนั่งอย่างเบื่อหน่ายอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างบ่อน้ำ เท้าทั้งสองข้างหย่อนลงมา แกว่งเบาๆ

แสงพระจันทร์ที่สาดส่องบนผิวของอุเอสึงิ ฮารุขาวราวกับหิมะ ทำให้หล่อนยิ่งดูดีมีราศีขึ้นมาก ราวกับนางฟ้าบนท้องฟ้าจริงๆ ทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้

“คุณชาย พวกเขาบอกว่าถ้าหากพรุ่งนี้คุณยังไม่ตื่นขึ้นมา ก็จะปลุกคุณคนมาทันที ความจริงแล้วฉันก็ชอบแบบนี้ คุณชายไม่ตื่น ฉันก็สามารถมองดูคุณชายอย่างอิสระไปตลอดแบบนี้ ยังสามารถพูดจาเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงหน้าคุณชายได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังสามารถชื่นชมรูปร่างที่ดูดีของคุณชายได้ แฮะๆ ถ้าเกิดคุณตื่นขึ้นมา ฉันก็จะไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว”

ขณะที่อุเอสึงิ ฮารุจ้องมองที่รพีพงษ์ แล้วพูดกับตัวเอง

“แต่คุณชายตื่นขึ้นมาก็ดีกว่า เนื่องจากผ่านไปหลายวันแล้ว ถ้าคุณชายยังไม่ตื่นอีก ไม่แน่อาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ”

ทันทีที่เสียงของอุเอสึงิ ฮารุเพิ่งลดลง เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นในบ่อน้ำ

อุเอสึงิ ฮารุนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก็รีบมองสังเกตไปด้านข้างของรพีพงษ์ พบว่าน้ำในบ่อรอบตัวรพีพงษ์ กลับเริ่มเดือดขึ้นมา

หล่อนอุทานทันที และกระโดดลงจากหินอย่างรวดเร็ว จ้องมองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ในบ่อน้ำอย่างกังวล

ความร้อนระหว่างรอบร่างกายของรพีพงษ์เพิ่มขึ้น ผิวหน้าบนตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว พลังอานุภาพที่มองไม่เห็นได้ปะทุออกมาจากร่างกายของรพีพงษ์ บีบคั้นให้อุเอสึงิ ฮารุจำเป็นต้องถอยหลังไป

หลังจากนั้นไม่นาน รอยแดงบนผิวหนังของรพีพงษ์ก็ค่อยๆลดลง และน้ำในบ่อที่เดือดก็สงบลง ต่อจากนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมา มีแสงไฟส่องสว่างสองดวงออกมา จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ลุกขึ้นมา และตกลงไปด้านนอกบ่อน้ำ

เขายกฝ่ามือขึ้น มีแสงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา แสงนั้นตกกระทบลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา

มีเสียงโครมดังขึ้นมา ในเวลาต่อมา ก้อนหินก้อนนั้นก็แตกออกกระจายไปทั่ว ไม่มีอยู่อีกต่อไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท