พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่832 หนี

บทที่832 หนี

บทที่832 หนี

หลังจากที่ช่วยอุเอสึงิ ฮารุซื้อชุดแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ได้ซื้อชุดที่เหมาะสมกับตัวเองหนึ่งชุด แล้วไปตัดผมที่ตนเองไม่ตัดมานานแล้ว

เปลี่ยนชุด รพีพงษ์ผู้ที่ได้จัดแต่งทรงผมของตัวเองเสร็จแล้วนั้นก็ถือเป็นหนุ่มหล่อ ตอนแรกที่จัดงานแต่งที่ปราสาทคริสตัลกับอารียา รพีพงษ์คู่ควรกับอารียา อย่างเหลือหลาย

แม้แต่อุเอสึงิ ฮารุที่เห็นภาพลักษณ์ของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ส่งเสียงตกใจออกมา แล้วชมว่า “คุณชาย คุณหล่อมาก”

หลังจากที่จัดการกับภาพลักษณ์ของตนเองเสร็จแล้วนั้น รพีพงษ์ได้พาอุเอสึงิไปโรงแรมหนึ่งที่มีชื่อเสียงของเมืองโตเกียว โรงแรมซากุระ จองห้องชุด สองนอนหนึ่งห้องรับแขก

ที่ไม่แยกจากอุเอสึงิ ฮารุนั้น เป็นเพราะที่นี่คือประเทศญี่ปุ่น หมายถึงที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลอุเอสึงิ ถ้าอุเอสึงิ ฮารุแสดงตัวตนออกมา อาจถูกคนของตระกูลอุเอสึงิเจอได้ ถ้าคนของตระกูลอุเอสึงิจะลงมือต่ออุเอสึงิ ฮารุล่ะก็ ต้องประชิดตัว แบบนี้รพีพงษ์ก็สามารถไหวตัวทันได้

หลังจากที่จองที่พักเสร็จแล้วนั้น รพีพงษ์ก็พาอุเอสึงิ ฮารุออกจากโรงแรม มุ่งตรงไปยังร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต เขาได้ติดต่อกับผู้รับผิดชอบเขตประเทศญี่ปุ่นของเทือกเขากิสนาแล้ว นัดเจอกันที่ร้านกาแฟนั้น

ในขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์ของตระกูลฮารุฮิ

เพื่อป้องกันการหนีของฝนสุดา ฮารุฮิ สินได้จัดบอดี้การ์ดจำนวนมากอยู่ใกล้ๆคฤหาสน์ ดูเหมือนเพื่อป้องกันการหลบหนีของฝนสุดา แต่ความจริงแล้วเพื่อให้ฝนสุดาอยู่ในคฤหาสน์ไม่ไปไหน

ขณะนี้ฝนสุดากำลังอยู่ในห้อง ฝนสุดากำลังยืนอยู่ข้างๆหน้าต่าง ดูไปที่ประตูหลังของคฤหาสน์ ที่นั่นมีการ์ดอยู่สองคนกำลังลาดตระเวนอยู่ สังเกตการณ์รอบๆตลอดเวลา

ผ่านไปไม่นาน คนหนึ่งได้ห่อผ้าโพกหัวไว้ เป็นหญิงที่แปลกๆเดินไปยังประตูหลัง การ์ดทั้งสองคนสังเกตเห็นเธอในทันใด แล้วได้ตะโกนเรียกเธอ

หญิงคนนั้นไม่สนใจการ์ดทั้งสอง หลังจากที่หยิบก้อนหินจากพื้นแล้วนั้น ก็ขว้างไปที่หัวของพวกเขาทั้งสอง

การ์ดทั้งสองคนด่าออกมา ไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้ามาหาเรื่องตระกูลฮารุฮิ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว พวกเขาทั้งสองรีบพุ่งไปที่คนนั้น

หญิงคนนั้นเห็นดังนี้ ก็หันหลังวิ่ง โดยไม่ลังเล

ฝนสุดาเห็นเหตุการณ์ ก็รีบปล่อยผ้าที่มัดติดกับเตียงไว้แล้วลงไปทางหน้าต่าง จากนั้นก็ไหลลงตามไป ปีนลงจนถึงพื้น

“เลน่า ครั้งนี้ทำเธอน้อยใจแล้ว อนาคตถ้ามีโอกาส ฉันจะชดเชยให้นะ” ฝนสุดาพูดกับตัวเอง

หญิงคนเมื่อกี๊ที่ท้าทายการ์ดทั้งสอง ก็คือสาวใช้ที่แสร้งทำเป็นไปซื้อเค้กให้กับฝนสุดา

สังเกตดูรอบๆอย่างละเอียด หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ฝนสุดาก็รีบวิ่งไปที่ประตูนั้น หลังจากที่เปิดประตูออกแล้ว ก็มองทั้งสองข้าง จากนั้นก็วิ่งไปทางที่การ์ดไม่ได้ไป

วิ่งไปจนถึงอีกซอย หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนตามตนมา ฝนสุดาก็ได้หยุดพักหายใจ

“สุดท้ายก็หนีออกมาได้เสียที พวกแกจะให้ฉันเป็นนางบำเรอของตระกูลอุเอสึงิ ฉันไม่ทำแล้วจะทำไม เดี๋ยวหาไม่เจอ ดูสิว่าพวกแกจะทำไง!” ฝนสุดาระบายอารมณ์ออกมา

จากนั้นเธอก็เกินไปเดินไปอีกทางของซอย

เพราะได้คุยเรื่องงานแต่งกับตระกูลอุเอสึงิไว้แล้ว ฮารุฮิ สินกลัวฝนสุดาจะหนี ดังนั้นจึงจำกัดขอบเขตการออกนอกประเทศของฝนสุดา ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนั่งเครื่องนั่งไฟหรือเรือโดยสาร ฝนสุดาก็ไม่มีทางใช้บริการได้

ดังนั้นถึงแม้เธอจะหนีจากคฤหาสน์ออกมาได้ แต่ก็ทำได้เพียงหลบอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

คิดไปคิดมา ฝนสุดาได้หยิบบัตรวีไอพีของโรงแรมซากุระขึ้นมา แล้วพึมพำว่า “หาที่พักก่อนแล้วกัน ถ้าถูกจำได้ ฉันยอมตาย จะให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีทางเป็นนางบำเรอของตระกูลอุเอสึงิแน่นอน”

พูดจบ เธอก็เดินไปโรงแรมซากุระ

……

ณ ร้านกาแฟ

รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองนั่งอยู่ด้านหน้า ผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่คือชายวัยกลางคนที่ดูๆไปแล้วมีความสามารถ ใส่แว่นตา

มีชื่อว่าฮัตโตริ ทาคุยะ เป็นผู้รับผิดชอบของเทือกเขากิสนาในเขตประเทศญี่ปุ่น และเป็นชาวญี่ปุ่นโดยกำเนิด

เพราะเนื้อที่ของประเทศญี่ปุ่นไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นเศรษฐกิจและศูนย์กลางของประเทศจึงควบคุมได้ง่าย ดังนั้นเทือกเขากิสนาที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไม่สามารถเป็นหนึ่งได้

ทั้งประเทศญี่ปุ่น ถูกตระกูลอุเอสึงิ ตระกูลฮารุฮิตระกูลแบบนี้ควบคุมอยู่ เทือกเขากิสนาในฐานะคนต่างแดน หลายปีมานี้จึงทำได้เพียงเป็นหน่วยข่าวกรอง แต่เรื่องอำนาจ ไม่ได้แผ่ขยายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

ดังนั้นผู้รับผิดชอบเทือกเขากิสนาที่ชื่อฮัตโตริ ทาคุยะนี้ ทำได้เพียงให้ข่าวกรองบางอย่างเท่านั้น ที่เหลือ รพีพงษ์ทำได้เพียงพึ่งตัวเองเท่านั้น

“ช่วงนี้คนที่ตระกูลอุเอสึงิกระจายออกไปนั้นได้ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและโรงพยาบาลเพื่อหาเด็กกำพร้า ด้วยเหตุผลอะไรนั้นไม่มีใครรู้

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา รพีพงษ์ก็สงสัย แล้วกล่าว “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”

“เมื่อประมาณสามวันที่แล้ว เหมือนกับว่าตระกูลอุเอสึงิจะหาเด็กได้ครบแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงได้หยุดการกระทำนี้” ฮัตโตริ อาคุยะกล่าว

รพีพงษ์หันไปมองอุเอสึงิ ฮารุ อุเอสึงิ ฮารุหนักใจ แล้วกล่าว “นายใหญ่เป็นคนที่ทำงานรวดเร็วและเฉียบขาด เขาไม่มีทางถ่วงเวลา ถ้าเด็กพวกนี้อยู่ในมือของตระกูลอุเอสึงิแล้วล่ะก็ งั้นพวกเขาก็โชคร้ายแล้ว”

รพีพงษ์ด่าในใจ ไม่คาดคิดว่านายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิหาเด็กจีนไม่ได้ ก็ลงมือกับเด้กของประเทศตัวเองเสียอย่างนั้น ใจร้ายจริงๆ

“นายใหญ่ท่านนี้ของตระกูลอุเอสึงิกำลังเตรียมเลื่อนขั้นแล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราต้องรีบไปให้ถึงตระกูลอุเอสึงิ ขัดขวางการเลื่อนขั้นของเขา” รพีพงษ์กล่าว

อุเอสึงิ ฮารุพยักหน้า กล่าว “น่าจะยัง ตอนนั้นฉันได้ยินมาว่าการเลื่อนขั้นนี้จะถูกจัดขึ้นหลังจากงานแต่ง ได้ยินมาว่าหลังจากที่เลื่อนขั้นแล้ว นายใหญ่จะต้องมีอะไรกับเจ้าสาว ถึงจะถือว่าเสร็จสิ้นพิธี”

“แล้วตระกูลอุเอสึงิถ้ำเสือบึงมังกรไม่เคยพรั่น แม้ตอนนี้ฝีมือของคุณชายจะร้ายกาจ แต่ถ้าเป็นตระกูลอุเอสึงิแบบนี้ จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเอา ไม่แน่อาจทำให้นายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิอาจหลบซ่อนได้ ถึงเวลานั้นถ้าจะหาเค้าให้เจอ ก็เกรงว่าจะยากแล้ว”

ฮัตโตริ ทาคุยะได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ฮารุ ก็รีบพยักหน้าทันที กล่าว “ไม่เลว ช่วงนี้ตระกูลอุเอสึงิกำลังจัดเตรียมงานแต่งอยู่พอดี แล้ววันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย”

รพีพงษ์นิ่งเงียบ แล้วถาม “เจ้าสาวของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิคือใคร?”

“คุณน้องใหญ่ของตระกูลฮารุฮิ ฝนสุดา” ฮัตโตริ ทาคุยะตอบ

ได้ยินชื่อนี้ รพีพงษ์ก็มึนงง ในสมอง กำลังปรากฏภาพที่คุ้นเคย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท