พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่840 พ่ายแพ้

บทที่840 พ่ายแพ้

บทที่840 พ่ายแพ้

“ร……รพีพงษ์! ทำไมเขาอยู่ที่นี่ได้? หรือเขามาเพื่อฆ่าล้างบางตระกูลวัชรชัยของฉัน ดังนั้นจึงตั้งใจมาที่นี่? ตระกูลวัชรชัยตกอยู่ในสภาพแบบนี้ยังไม่พออีกหรือไง? เหี้ย ประเทศญี่ปุ่นก็อยู่ไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้น รพีพงษ์คนเดียวก็ฆ่าคนของตระกูลวัชรชัยหมดแล้ว”

แวบเดียว ในสมองของบดีศวรผุดความคิดขึ้นมามากมาย ไม่หนีทันที ก็ถือว่ากล้ามากแล้ว

เหงื่อไหลออกมาตามหน้าผากของบดีศวร ในสมองว้าวุ่น กำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

ถ้าจะต่อสู้กับรพีพงษ์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน ไอ้เด็กนี่คือปีศาจที่ฆ่านายใหญ่ทั้งสี่ตระกูลได้ ตอนนี้เขาพาศิษย์หลายคนของตระกูลวัชรชัยมา ต่อสู้กับรพีพงษ์นั้นเป็นเรื่องที่ตลกมาก

แต่ถ้าเขาหนีไปแบบนี้ล่ะก็ เรื่องที่ร่วมมือทางการค้ากับตระกูลฮารุฮิ ก็พังลง

ขณะนี้รพีพงษ์สังเกตเห็นฮารุฮิ กันตะ เมื่อเขาเห็นบดีศวรยืนข้างๆฮารุฮิ กันตะ ก็ชะงัก ยังไงก็คิดไม่ถึง ว่าปรมาจารย์ที่ฮารุฮิ กันตะเรียกมานั้น คือคนที่เคยๆกันนี่เอง

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุหันไปมองบดีศวร เห็นผู้เฒ่าผมขาว เหมือนกับจะเป็นยอดฝีมือ

“นี่เป็นปรมาจารย์ที่พี่ชายหามาหรอ? ดูๆไปก็เก่งกาจอยู่นะ แต่ทำไมสังเกตสายตาที่เขามองมาหาพวกเรา เต็มไปด้วยความกลัวล่ะ?” ฝนสุดากล่าวอย่างสงสัย

“เพราะ……คนนี้เคยแพ้ให้กับผม” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความตะลึง ไม่คิดว่าผู้เฒ่าคนนั้น เคยแพ้รพีพงษ์มาก่อน

“นี่มันบังเอิญไปหรือเปล่าเนี่ย? งั้นคนนี้จนฉวยโอกาสนี้ สู้กับคุณชายอีกหรือเปล่า เพื่อพิสูจน์ฝีมือของตัวเอง?”

“สบายใจได้ เขาไม่กล้าขนาดนั้น ครั้งที่แล้วที่ผมชนะเขา พวกเขาให้สี่ปรมาจารย์มาพร้อมกัน ตอนนี้เขาแค่คนเดียว ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เขากำลังคิดว่าจะหนียังไง” รพีพงษ์ยิ้มออกมาแล้วกล่าว

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุตาโตอีกครั้ง มองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์มักจะพูดให้คนตะลึงเสมอ

ฮารุฮิ กันตะเห็นบดีศวรยืนชะงักอยู่กับที่ ความสงสัยในใจได้ถึงขีดสุด เขาไม่เข้าใจไอ้ผู้ชายที่อยากเลียขาน้องสาวของเขา มันมีพลังอะไร แค่มอง ก็ทำให้คนหยุดอยู่กับที่ได้

“ปรมาจารย์บดีศวร คุณเป็นอะไร? มันแค่คนเดียวเองนะ ที่เหลือก็เป็นผู้หญิงสองคน คุณต่อสู้กับมันแค่คนเดียวก็พอแล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ฮารุฮิ กันตะถามอย่างอดทน

บดีศวรตื่นเพราะคำพูดของ เพราะเมื่อกี้เขากลัวเกินไป จนเหม่อลอย

หลังจากที่หายจากอาการเหม่อลอยแล้ว บดีศวรก็กลืนน้ำลาย จากนั้นก็มองไปที่ฮาริฮุ กันตะ แล้วกล่าว “คุณชายฮารุฮิ กันตะต้องขอโทษจริงๆ พวกเราแก้ปัญหานี้ให้คุณไม่ได้จริงๆ เงินที่เราตกลงกันไว้พวกคุณก็ไม่ต้องให้แล้ว การร่วมมือของเราจบลงเท่านี้ก็แล้วกันคุณชายฮารุฮิ กันตะ ดูแลตัวเองดีๆ ถ้าหนีได้ ก็รีบหนีเถอะ”

พูดจบ บดีศวรก็รีบหันหลังหนีออกไปจากผับอย่างรวดเร็ว

หนีไปได้ครึ่งทาง เห็นศิษย์เหล่านั้นของตระกูลวัชรชัยยังยืนอยู่กับที่ บดีศวรก็รีบตะโกนว่า “พวกแกยังยืนบื้อทำไรอยู่ รีบวิ่งสิ!”

เหล่าลูกศิษย์ตระกูลวัชรชัย้เพิ่งจะรู้สึกตัว รีบวิ่งออกไปทางประตูผับอย่างเร็ว ไม่นาน บดีศวรและเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลวัชรชัยก็หายไปจากผับ

ฮารุฮิ กันตะอ้างปากค้างดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำไมปรมาจารย์บดีศวรยังไม่ลงมือ ก็พาคนหนีแล้ว?

ไม่นาน ฮารุฮิ กันตะกัดฟัน แล้วด่า “ไอ้พวกสวะเอ้ย แบบนี้ยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าปรมาจารย์อีก กูแม่งตาบอด เชื่อคำพูดหมาๆของพวกมึง!”

รพีพงษ์ยืนขึ้น เดินไปที่ฮารุฮะ กันตะ ยิ้มพลางกล่าว “ปรมาจารย์ที่แกเชิญมาล่ะ? อย่าบอกนะว่าเป็นคนที่เห็นฉันแว็บเดียวแล้วก็รีบหนีไปนั้น”

ฮารุฮิ กันตะอับอาย แต่ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลฮารุฮิ แม้สถานการณ์แบบนี้ เขาก็อ่อนแอไม่ได้ เขาบากหน้ามองรพีพงษ์ กล่าว “ดีใจให้น้อยๆหน่อย แกเอาน้องสาวฉันไป ตระกูลฮารุฮิของฉันไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่ แล้วน้องสาวฉันจะแต่งงานกับคนของตตระกูลอุเอสึงิแล้วด้วย ถ้าคนของตระกูลอุเอสึงิรู้เรื่องนี้ล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่ เตรียมตัวตายได้เลย!”

พูดจบ ฮารุฮิ กันตะวิ่งไปที่ประตูผับอย่างผวา กลัวว่ารพีพงษ์จะถีบเขาอีกครั้ง

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองมองไปยังฮารุฮิ กันตะที่กระเซอะกระเซิง ก็อดหัวเราะไม่ได้

รพีพงษ์ยักไหล่ให้ หันหลังเดินกลับไปยังที่นั่ง แล้วนั่งลง

ฝนสุดาตื่นเต้น จนอยากที่จะเข้าไปกอดแทนคำขอบคุณ รพีพงษ์ยื่นมือออกมา แล้วขวางฝนสุดาไว้

ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์ไม่เอาด้วย จึงเสียใจ แล้วพึมพำว่า “ไม่รู้จักฉวยโอกาสจริงๆ เค้าก็แค่อยากขอบคุณเท่านั้นเอง ขี้งก”

รพีพงษ์ไม่สนใจคำพูดของฝนสุดา นานมาแล้วที่ใช้ชีวิตด้วยกันกับฝนสุดา เขารู้นิสัยของฝนสุดาดี ถ้าเขาไม่ขวางไว้ หญิงคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขา คงจะเหลิงไปตั้งนานแล้วล่ะ

“แต่ไม่ว่าจะยังไง เห็นพี่ชายฉันยอมแพ้ ฉันก็ดีใจสุดๆเลย ฉลองกันหน่อย หมดแก้ว”

ฝนสุดาพูดไป ก็เทเหล้าให้รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุไป เป็นเหล้าพิเศษของผับนี้ แก้วเดียวฟุบ

รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุต่างหยิบแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมา ชนกับฝนสุดา จากนั้นก็หมดแก้วอย่างรวดเร็ว

เห็นพวกเขาทั้งสองดื่มเหล้าจนหมด ฝนสุดา ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา

……

ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง

ที่อยู่ปัจจุบันของตระกูลวัชรชัย

หลังจากที่บดีศวรพาลูกศิษย์เหล่านั้นหนีมาที่นี่แล้วนั้น ก็รีบหายใจอย่างเร็ว แต่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหยุดพัก รีบวิ่งเข้าไปในโรงแรม เรียกคนของตระกูลวัชรชัยออกมาทั้งหมด

ผู้คนของตระกูลวัชรชัยต่างมองบดีศวรอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเรียกทุกคนออกมาดึกๆดื่นๆขนาดนี้

“รพีพงษ์ตามพวกเรามาประเทศญี่ปุ่นแล้ว แม้ไม่รู้ว่ามันมาด้วยเหตุผลอะไร ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีแต่ต่อตระกูลวัชรชัยของเราแน่นอน พวกเราอยู่ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้อีกแล้ว ทุกคนรีบเก็บของ เราจะไปกันเดี๋ยวนี้” บดีศวรตะโกนออกมา

ทุกคนได้ยินรพีพงษ์ชื่อนี้ ก็ผวาขึ้นมา จากนั้นก็รีบไปที่ห้องเก็บข้าวเก็บของ

“พระเจ้า รพีพงษ์จะฆ่าล้างบางพวกเราจริงๆนะเนี่ย เพิ่งจะอยู่ประเทศญี่ปุ่นเอง ต้องหนีเอาตัวรอดอีกแล้วหรอเนี่ย นี่มันบ้าอะไรเนี่ย”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท