บทที่843 งานประมูล
ทางเข้างานประมูล
ตอนที่รพีพงษ์ทั้งสามคนเดินเข้าไปนั้น มีคนเข้ามาขวางพวกเขาไว้ทันใด แล้วกล่าวอย่างมีมารยาทว่า “คุณผู้ชาย คุณมีการ์ดเชิญของงานประมูลในครั้งนี้มั้ย?”
รพีพงษ์ส่ายหัว
คนนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญแต่อย่างใด กล่าวอย่างอดกลั้นว่า “คืองี้คุณผู้ชาย ผู้ที่ไม่มีบัตรเชิญแต่อยากเข้าร่วม ต้องเข้ารับการตรวจสอบทรัพย์สินก่อน มีเพียงแขกที่ทรัพย์สินมีจำนวนถึงสิบล้านดอลล่าร์ ถึงจะสามารถเข้าไปได้ มิทราบว่าคุณจะเข้ารับการตรวจสอบหรือไม่?”
รพีพงษ์หยิบบัตรธนาคารของตัวเองออกมา กล่าว “ตรวจสอบ”
คนนั้นมิเชื่องช้า รีบพารพีพงษ์เข้าไปในห้อง ฝนสุดาและอุเอสึงิทั้งคู่รออยู่ด้านนอก
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์เดินออกมาจากด้านใน คนที่พารพีพงษ์เข้าไปนั้นตอนนี้ได้มองรพีพงษ์ราวกับเป็นกองทองเคลื่อนที่ได้อย่างไรอย่างนั้น ท่าทียินดีจนไม่รู้จะยินดียังไงแล้ว
“คุณผู้ชาย ผมได้ให้พวกเขาจัดที่นั่งที่ใกล้ที่สุดให้กับคุณแล้ว ที่นั่นคุณจะมองรายละเอียดของสิ่งของประมูลได้อย่างชัดเจน” คนนั้นมองไปที่รพีพงษ์แล้วกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า เรียกอุเอสึงิ ฮารุ และฝนสุดาทั้งสอง เดินเข้าไปด้านในด้วยกัน
ที่พวกเขาได้รับการปรนนิบัติแบบนี้ เป็นเพราะยอดคงเหลือในบัตรของรพีพงษ์ พนักงานคนนั้นไม่เคยเห็นยอดมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขามองว่า แม้วันนี้รพีพงษ์จะซื้อของทุกอย่างที่อยู่ในงานประมูลทั้งหมดก็ไม่มีปัญหาอะไร แขกแบบนี้ เขาต้องปรนนิบัติอย่างดีอยู่แล้ว
เดินตรงเข้าไปด้านใน โดยมีพนักงานนำทาง รพีพงษ์ทั้งสามคนนั่งตำแหน่งที่ใกล้เวทีประมูลที่สุด คนรอบข้างเห็นรพีพงษ์ผู้ซึ่งหน้าตาไม่คุ้นได้นั่งที่แบบนั้นได้ ก็รู้สึกแปลกใจ
แต่ไม่นานก็มีคนรู้ว่าผู้หญิงที่นั่งข้างรพีพงษ์ทั้งสองคน คนหนึ่งคือคุณหนูของตระกูลฮารุฮิ คนหนึ่งคือคุณหนูของตระกูลอุเอสึงิ ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้นั่งที่ด้านหน้าขนาดนั้น
“น่าอิจฉาจริงๆ มีคุณหนูตระกูลฮารุฮิกับคุณหนูตระกูลอุเอสึงิอยู่ข้างๆ คนนี้มันทำได้ไงเนี่ย อยากจะให้เขาสอนวิธีจีบสาวให้จัง”
“ชิ แมงดาเกาะผู้หญิงกิน แม้เขาจะนั่งด้านหน้าได้ขนาดนี้แล้วไง เขาจะให้ผู้หญิงที่นั่งข้างๆเขาประมูลของให้ด้วยหรือไง มากสุดก็คือดูชัดขึ้นก็แค่นั้น ไม่เห็นจะน่าอิจฉาตรงไหน”
“เหอะเหอะ ถ้าเขาพึ่งสองคุณหนูนี้ขยับฐานะ ก็เกินไปล่ะ ทรัพย์สินของทั้งสองตระกูลนี้ ไม่มีทางตกอยู่ในมือของผู้หญิงอย่างแน่นอน อย่างมากสุดพวกเธอแค่มีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น อย่างงานประมูลระดับนี้ คุณหนูแบบนี้ไม่มีปัญญาประมูลได้หรอก ถ้าเป็นคุณชายของทั้งสองตระกูลใหญ่ก็พอได้หน่อย
“เค้าอาจจะอยากลองดูว่าการนั่งหน้าสุดมันเป็นยังไงก็ได้นะ คนแบบนี้ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”
……
ฝนสุดากำลังฟังคนรอบข้างพูดคุยกัน ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แล้วกล่าว “งี่เง่าชะมัด ให้ตัวเองรู้สึกเท่าเทียมกัน จึงต้องพูดให้ร้ายคนอื่น คนพวกนี้ ก็แค่มีเงินมากกว่าคนทั่วไปก็เท่านั้น ดูจากพื้นฐานแล้ว ก็เหมือนกันอะ”
“เดี๋ยวรอตอนที่รพีพงษ์ให้ราคา ดูว่าพวกแกจะพูดแบบนี้อีกมั้ย”
ผ่านไปไม่นาน ฮารุฮิ กันตะก็มาถึงงานประมูล จากนั้นก็นั่งลงข้างๆฝนสุดา
เขาหันไปมองฝนสุดาและรพีพงษ์ ยิ้มพลางกล่าว “บังเอิญจริงๆ ไม่คาดคิดว่าพวกแกก็มาร่วมงานประมูลครั้งนี้ด้วย”
ฝนสุดาและรพีพงษ์ล้วนหันไปมองฮารุฮิ กันตะ ฝนสุดาขมวดคิ้ว กล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “ซวยจริงๆ งานประมูลดีๆ สุดท้ายกลับมาไอ้โรคจิตมานั่งข้างๆ ทำเอาฉันไม่อยากนั่งตรงนี้ล่ะ”
พูดจบ ฝนสุดาก็ยืนขึ้น พูดกับรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆว่า “แลกที่กันหน่อยเหอะ ฉันอยากนั่งข้างๆอุเอสึงิ ฮารุ”
รพีพงษ์ไม่ถือสา แล้วได้เปลี่ยนที่กับฝนสุดา
ฮารุฮิ กันตะมองไปยังรพีพงษ์ที่นั่งข้างเขา ยิ้มพลางกล่าว “แกนั่งที่ด้านหน้าอย่างงี้ได้ น่าจะพึ่งบารมีของน้องสาวฉันสินะ เธอนี่มันโง่จริงๆ เอาคอนเน็คชั่นของตระกูลฮารุฮิ ให้กับคนนอกใช้”
“ฉันเข้าใจว่าทุกคนก็อยากลิ้มลองการบริการระดับสูงแบบนี้ ฉันจะไม่พูดอะไรอีก แต่แกคิดให้ดีๆ ฉันต่างหากทายาทของตระกูลฮารุฮิ ทรัพย์สินของตระกูลฮารุฮิ สุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในมือของฉัน แต่น้องสาวฉัน ได้ส่วนแบ่งแค่นิดเดียวเท่านั้น”
“เดี๋ยวถ้าชอบอะไร บอกฉันได้นะ ฉันประมูลให้แกได้ แต่ก่อนอื่นแกต้องคืนน้องสาวมาให้ฉันก่อน แม้แกจะชกต่อยเก่ง ก็ไม่คู่ควรกับเธอ เธอต้องแต่งงานกับคนของตระกูลอุเอสึงิ”
ฟังฮารุฮิ กันตะพูดจบ รพีพงษ์ก็พอจะเข้าใจความหมายของเขาโดยคร่าวๆ ที่คุณชายตระกูลฮารุฮิปรากฏตัวที่นี่ น่าจะมาเพื่อเหยียบย่ำรพีพงษ์
ได้ยินน้ำเสียงของเขา น่าจะมั่นใจว่ารพีพงษ์เป็นคนไม่มีเงิน แม้จะนั่งด้านหน้า ก็เป็นเพราะฝนสุดา
รพีพงษืยิ้มพลางส่ายหน้า คิดในใจว่าถ้าฮารุฮิ กันตะจะพูดแบบนี้จริงๆล่ะก็ วันนี้เขาจะต้องถูกรพีพงษ์ทำให้เสียหน้าอย่างมากแล้วล่ะ
“ผมรับความหวังดีของคุณ แต่ถ้าฉันชอบ ฉันจะซื้อเอง ไม่รบกวนคุณ” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
ฮารุฮิ กันตะเหยียดหยาม รู้สึกว่าไอ้นี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ งานประมูลครั้งนี้ของที่ถูกที่สุด ล้วนทำให้คนรวยหมดตัวได้ ที่รพีพงษืกล้าพูดประโยคนี้ จะต้องไม่รู้แน่ๆว่าของที่จะประมูลในคืนนี้ราคาเท่าไหร่
แต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจรพีพงษ์ เดี๋ยวรอตอนประมูล รพีพงษ์จะได้รู้ว่าตัวเองโง่เขลาขนาดไหน
ผ่านไปไม่นาน งานประมูลเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สิ่งของที่จะประมูลในค่ำคืนนี้ล้วนเป็นของเก่าแก่โบราณ และรูปภาพศิลปะ
เหมือนกับงานประมูลอื่นๆ สิ่งของที่งานประมูลนำขึ้นมาราคาไม่ค่อยสูงมาก แต่ราคาเริ่มต้นของสิ่งของประมูลเหล่านี้ มันชั่งน่าตกใจยิ่งนัก
ราคาประมูลในครั้งนี้เอาสกุลเงินดอลล่าร์เป็นหลัก ราคาเริ่มต้นประมูลที่ต่ำที่สุดคือห้าล้าน ในการเพิ่มราคาทุกครั้งจะต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนดอลล่าร์
เมื่องานประมูลเริ่มขึ้น ฮารุฮิ กันตะประมูลของโบราณมาได้หลายชิ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเดินห้างซื้อของอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีความลังเลใดๆ
คนที่อยู่ในงานล้วนตะลึง ในเวลาเดียวกันก็อิจฉาฮารุฮิ กันตะอย่างมาก ไม่แปลกที่เป็นคนของตระกูลฮารุฮิ ไม่มองว่าเงินสำคัญแต่อย่างใด
ทุกครั้งหลังจากที่ประมูลของได้ ฮารุฮิ กันตะหันไปมองรพีพงษ์ เหมือนกับโอ้อวด ด้วยสีหน้าสะใจ
แต่รพีพงษืไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
สุดท้าย งานประมูลมาถึงตอนจบ พนักงานเข็นกล่องกระจกรูปทรงยาวขึ้นมา ในกล่องบรรจุ ดาบเล่มยาวที่สมบูรณ์ ละเอียดอ่อน ดูก็รู้ว่าเป็นอาวุธ
ดาบมารมุรามาสะ!