พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่869 นายสู้ฉันไม่ได้

บทที่869 นายสู้ฉันไม่ได้

บทที่869 นายสู้ฉันไม่ได้

นิรภัฏมองดูพรยศที่กระโดดออกมาจากบ่อน้ำเย็นด้วยใบหน้าเขียว คาดไม่ถึงว่าลูกศิษย์ที่ตัวเองภาคภูมิใจขนาดนี้ กลับพ่ายแพ้ให้กับลูกศิษย์ที่ธัชธรรมพามา

นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง

พรยศมองไปที่นิรภัฏด้วยสีหน้ารู้สึกผิด และเอ่ยปากว่า: “ศิษย์ไร้ความสามารถ ทำให้อาจารย์อับอาย”

นิรภัฏส่งเสียงเย็นชา ไม่ได้สนใจพรยศ แววตาก็ตกอยู่ที่บนตัวรพีพงษ์ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในบ่อน้ำเย็น

เมื่อณีรนุชเห็นพรยศออกมาจากบ่อน้ำเย็น ใบหน้าที่สวยเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เอ่ยปากว่า: “ศิษย์พี่ทำไมพี่ออกมาแล้ว พี่รีบกลับเข้าไปเดี๋ยวนี้ พี่พ่ายแพ้แบบนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีทางที่จะได้สั่งสอนผู้ชายคนนี้”

พรยศมองไปณีรนุชอย่างพูดไม่ออก หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว ถ้าหากยังยืนหยัดต่อไป รากฐานก็จะได้รับบาดเจ็บจริงๆ เพื่อความชนะชั่วครั้งชั่วคราว ทำลายรากฐานทั้งชีวิตนี้ของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้ม

แต่แม้ว่าเขาจะออกมาก่อนรพีพงษ์ ในใจเขาก็ยังคงคิดว่าที่รพีพงษ์สามารถอยู่ได้นานขนาดนี้ เป็นเพราะสมรรถภาพทางกายพิเศษ หรือว่ามีวิธีบ้างหลีกเลี่ยงความหนาวเย็นได้ ไม่มีทางที่จะอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองต้านทานไว้ได้

ธัชธรรมยิ้มและลุกขึ้น มองไปที่นิรภัฏแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ของฉันจะแข็งแกร่งกว่า เพื่อนเก่า ออมมือให้จริงๆ”

นิรภัฏหันหน้ามองไปที่ธัชธรรม ในแววตามาพร้อมกับความไม่พอใจอย่างเห็นได้ ส่งเสียงเย็นชาว่า: “เขาสามารถอยู่ในบ่อน้ำเย็นนี้ได้นานขนาดนี้ เป็นเพราะนายเอาของอะไรที่ต้านทานความเย็นให้เขาใช่มั้ย?”

ธัชธรรมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา แล้วพูดว่า: “นี่คือนายกำลังปรักปรำฉันอยู่จริงๆ การประลองนี้นายเป็นคนพูดออกมาอย่างกะทันหันเอง การประลองของนายฉันจะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร ยังให้ของที่ต้านทานความเย็นกับเขาอีก”

“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเข้าสู่ในบ่อน้ำเย็น ทั้งคู่ต่างก็ถอดเสื้อผ้าออก นายเห็นได้อย่างชัดเจน ต่อให้ฉันอยากจะให้ของต้านทานความเย็นกับเขาก็คงจะไม่จำเป็นต้องใช้”

นิรภัฏหรี่ตาลง สิ่งที่ธัชธรรมนั้นถูกต้องจริงๆ เมื่อดูจากสถานการณ์นี้แล้ว รพีพงษ์ไม่มีทางที่จะเอาของอะไรมาโกงได้จริงๆ

เพียงแต่เขาไม่ยอมเชื่อว่าจะมีคนที่สามารถสู้กับลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุดได้ ที่สำคัญคนคนนี้ยังเป็นลูกศิษย์ของธัชธรรม สิ่งนี้ทำให้ข้างในใจของเขาไม่พอใจมาก ดังนั้นจึงอยากที่จะอธิบายด้วยไม่ค่อยเต็มใจ

ณีรนุชมองไปที่รพีพงษ์ที่ยังคงอยู่ในบ่อน้ำเย็นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และเริ่มกระทืบเท้าด้วยความกังวล

“ไอ้หมอนี่คงจะไม่ใช่ว่าตายอยู่ด้านในไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาไม่มีสมองจริงๆ เพื่อชนะแล้วชีวิตของตัวเองก็ไม่เอาแล้ว ฉันว่าการประลองครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นโมฆะเถอะ”ณีรนุชเอ่ยปาก

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของณีรนุช ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วกระโดดออกมาจากบ่อน้ำเย็น

ตอนนี้เขาถือได้ว่าชนะพรยศแล้ว แม้ว่าเขายังสามารถที่จะอยู่ในบ่อน้ำเย็นต่อไปได้อีกนาน แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

บ่อน้ำเย็นนี้สำหรับแดนครึ่งเทพอย่างรพีพงษ์แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบที่มาก อยู่ต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลา

“ฉันยังมีชีวิตอยู่อย่างสบายดี เธอไม่สามารถทำให้การประลองนี้เป็นโมฆะได้เพียงเพราะเขาพ่ายแพ้แล้วเธอจะได้รับบทลงโทษ ทำแบบนี้ ไม่มีจิตวิญญาณของยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย”รพีพงษ์จ้องมองไปที่ณีรนุชแวบหนึ่ง

ณีรนุชมองไปที่รพีพงษ์อย่างทำอะไรไม่ได้ กัดฟันพูดว่า: “ตอนนั้นฉันก็คิดว่านายตายไปแล้ว คาดไม่ถึงว่านายยังมีชีวิตรอดอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นโมฆะแล้ว ฉันณีรนุชเป็นคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้เลยเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย: “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

พรยศมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ หลังจากที่ออกมาจากบ่อน้ำเย็น สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมาไม่น้อย ความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาก็ฟื้นฟู่กลับคืนมา มองดูท่าทางของรพีพงษ์ที่คิดว่าตัวเองชนะ ในใจของพรยศก็ไม่พอใจมาก

เขาก้าวเดินไปข้างหน้า เอ่ยปากว่า: “นายสามารถอยู่ในบ่อน้ำเย็นได้นานขนาดนี้ ทำให้คนนับถือจริงๆ แต่ฉันคิดว่าสิ่งนี้ไม่สามารถแสดงถึงความแข็งแกร่งของแต่ละคนได้ บางทีร่างกายของตัวนายเองอาจจะทนต่อความหนาวเย็นได้ ดังนั้นฉันอยากจะต่อสู้กับนาย ไม่รู้ว่านายจะยอมรับคำท้านี้ของฉันมั้ย?”

หลังจากที่ณีรนุชได้ยินคำพูดของพรยศ ก็กลอกตาไปมา ก็รีบพูดตามอย่างรวดเร็วว่า: “ใช่ๆ ศิษย์พี่พรยศพูดถูก เพียงแค่ประลองกันใครทนความหนาวได้ก็บอกอะไรไม่ได้ สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางร่างกายของแต่ละคนมาก ถ้าจะประลองก็ประลองการต่อสู้ มีเพียงต่อสู้กันอย่างแท้จริง ถึงจะรู้ว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน”

เมื่อธัชธรรมและรพีพงษ์ทั้งสองคนได้ยินคำพูดของพวกเขาทั้งสอง ต่างก็รู้ว่าพวกเขาพ่ายแพ้แล้วไม่พอใจ ธัชธรรมไม่ได้พูดอะไร ในใจของเขารู้ดีว่า ถ้าหากประลองการต่อสู้ พรยศก็จะไม่มีโอกาสชนะ

ในใจของนิรภัฏก็ไม่อยากให้ลูกศิษย์ของตัวเองพ่ายแพ้ไปแบบนี้ ก็ต้องเอาคืนมาหนึ่งรอบถึงจะได้ ต่อให้การเดิมพันประลองบ่อน้ำเย็นยังไม่นับ เขาก็ไม่อยากเห็นใบหน้าแก่ๆที่ภาคภูมิใจของธัชธรรม

ดังนั้นเขาจึงส่งสายตาที่ยืนยันให้พรยศ ให้เขาท้าทายรพีพงษ์ ตัวเองกลับไม่พูดอะไร

เมื่อพรยศได้คำยืนยันจากนิรภัฏ ในใจก็มีความมั่นใจ มองไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง เอ่ยปากถาม: “ทำไมไม่พูดล่ะ หรือว่านายกลัวเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “นายเอาชนะฉันไม่ได้”

พรยศเสียงเย็นชาในทันที เอ่ยปากว่า: “ยังไม่ได้ลงมือ นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันเอาชนะนายไม่ได้ ฉันว่าก็แค่ข้ออ้างของนายเท่านั้นเอง ไม่อยากต่อสู้ก็ได้ การประลองบ่อน้ำเย็นฉันพ่ายแพ้ฉันก็จะยอมรับ แต่นายอยู่ในใจของฉัน ก็เป็นแค่คนขี้ขลาดตาขาวที่ไม่กล้ารับคำท้าตลอดไปเท่านั้นเอง”

ณีรนุชก็ยิ่งยุยงอยู่ข้างๆว่า: “ถูกต้อง นายก็เป็นแค่คนขี้ขลาดตาขาว!”

รพีพงษ์จนปัญญา จากนั้นก็เอ่ยปากว่า: “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ละกัน ฉันใช้เพียงท่าทางเดียว ถ้าหากนายสามารถรับมือกับท่วงท่านี้ของฉันได้ ถือว่านายชนะแล้ว ถ้าหากนายรับมือไม่ไหว ก็สามารถยอมพ่ายแพ้ได้ทันที”

เมื่อเห็นรพีพงษ์พูดเช่นนี้ พรยศส่งเสียเย็นชา แล้วพูดว่า: “พูดโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายจริงๆ ฉันไม่เชื่อ ท่วงท่าเดียวของนายก็สามารถเอาชนะฉันได้”

หลังจากพูดจบ พลังอานุภาพแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุดบนตัวเขาก็ปะทุแผ่ออกมาทันที มองไปที่รพีพงษ์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าพรยศวันนี้ไม่ได้ต่อสู้รอบนี้ก็จะไม่หยุด ดังนั้นก็ตั้งใจที่จะไม่พูดเรื่องไร้สาระต่อไป

ในเมื่อเขาอยากรู้ว่าตกลงตัวเองพ่ายแพ้อย่างปรักปรำหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็จะทำให้เขาเข้าใจ ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้ได้

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์หมุนเวียนเน่ยจิ้งในร่างกาย พลังอันทรงพลังหนึ่งชั้นก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ แสงสีขาวก็พุ่งออกมา จากนั้นเขายกขึ้นมา มองไปทางที่พรยศ ต้องการฟาดฝ่ามือออกไป

หลังจากที่นิรภัฏเห็นฉากนี้ หน้าก็ถอดสี ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง ลูกศิษย์คนนี้ของธัชธรรม จะเป็นยอดฝีมือแดนครึ่งดั่งเทพคนหนึ่ง

ไม่แปลกใจที่พรยศจะพ่ายแพ้ให้กับเขา ในเมื่อเป็นแดนครึ่งดั่งเทพ แดนก็สูงกว่าแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุดอย่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ต่อให้พรยศจะใช้ความสามารถทั้งหมดในร่างกาย ก็ไม่สามารถเอาชนะรพีพงษ์ได้

เห็นได้ชัดว่าพรยศไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ และยังคงกระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับรพีพงษ์

นิรภัฏยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองคนทันที เอ่ยปากว่า: “พอได้แล้ว ไม่ต้องต่อสู้แล้ว การประลองถือว่านายชนะ”

พรยศถึงกับงงไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆนิรภัฏถึงพูดประโยคแบบนี้ ทั้งๆที่เขาและรพีพงษ์ยังไม่ได้เริ่มต่อสู้กันด้วยซ้ำ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท