พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่874 ฉันอยากรับแกทั้งสองเป็นศิษย์

บทที่874 ฉันอยากรับแกทั้งสองเป็นศิษย์

บทที่874 ฉันอยากรับแกทั้งสองเป็นศิษย์

รพีพงษ์เห็นธัชธรรมมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับคำถามนี้ของเขาอย่างมาก ก็รู้สึกแปลกใจ แล้วกล่าวทันใดว่า “ได้ยินมาจากเพื่อนคนหนึ่ง เอาไปใช้ทำอะไรนั้น อันนี้ผมบอกคุณไม่ได้จริงๆ แต่ผมรับประกันได้ว่าไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดีแน่นอน”

เขาไม่ได้พูดออกไปโดยตรงว่านี่คือสิ่งที่อาจารย์ของเขาจะใช้ แค่เห็นปฏิกิริยาขอวธีรธรรม ก็รู้แล้วว่าหยกโยงจิตนี้สำคัญกับกลุ่มสิงโตขนาดไหน ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝั่งมีท่าทีอย่างไรนั้น รพีพงษ์จะพูดเรื่องอาจารย์ออกมาไม่ได้

เพราะเบื้องหลังของอาจารย์ก็ไม่ธรรมดา ถ้าขัดแย้งกับธัชธรรมนี้แล้ว หรือธัชธรรมมีเหตุผลอื่นไม่ให้ล่ะก็ งั้นรพีพงษ์ก็จะยุ่งยากแล้ว

ธัชธรรมได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็คิดทบทวน ไม่ได้ถามรพีพงษ์ต่อว่าเพื่อนคนนั้นเป็นใคร และก็ไม่ได้ถามรพีพงษ์ว่าจะเอาหยกโยงจิตไปทำอะไร แล้วกล่าว “คุณค่าของหยกโยงจิต มากเกินกว่าที่ยาจะเทียบได้ ดังนั้นแกอยากจะใช้ยาจิตแดงแลกหยกโยงจิต เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

“แต่ภายในกลุ่มสิงโต ทุกๆอย่างสามารถแบ่งได้จากผลงาน เพียงแค่แกมีผลงานมากพอ อยากได้หยงโยงจิตก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร”

ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็โล่งอก เพียงแค่มีโอกาสที่จะคว้ามาได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว กลัวเท่าแต่จะไม่มีโอกาสนี้แหละ

“แล้วผมจะได้ผลงานได้อย่างไร?” รพีพงษ์กล่าว

“แน่นอนว่าต้องทำภารกิจที่กลุ่มสิงโตป่าวประกาศ ฉันเคยบอกแกแล้ว ความรับผิดชอบของกลุ่มสิงโต คือจัดการระเบียบของสังคม เมื่อเจอกับผู้ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต้องการให้กลุ่มสิงโตออกหน้า และถึงเวลานั้น ก็จะถือเป็นช่วงเวลาสะสมผลงานแล้ว” ธัชธรรมอธิบายให้ฟัง

“ประเด็นหลักๆเดี๋ยวรอให้แกเข้าร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการแล้วจะมีคนมาอธิบายให้ฟัง แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากเตือนแกเอาไว้ก็คือ หยกโยงจิตที่แกอยากได้ ผลงานที่ต้องการไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้นะ ดังนั้นถ้าแกอยากได้หยกนี้ จะให้ดีแกตอบรับเป็นผู้สืบทอดของฉันจะดีที่สุด แบบนี้ความเร็วในการที่แกจะได้ผลงานก็มากขึ้นไปอีก” ธัชธรรมยิ้มพลางคุยกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ตอบธัชธรรม จากนั้นต้องทำอะไร รอให้รพีพงษ์เข้าใจก่อนว่ากลุ่มสิงโตทำงานกันอย่างไรแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ไม่ใช่ตอนที่จะคิดเรื่องนี้

ไม่พูดเรื่องหยกโยงจิตต่อแต่อย่างใด ทั้งสองเดินลงเขา ผ่านไปไม่นาน ธัชธรรมมองไปที่รพีพงษ์ ถาม “ผู้หญิงสองคนที่แกพูดกับนิรภัฏนั้นอยู่ไหน หน่วยก้านดีแบบนี้ ฉันก็อยากพาไปฝึกฝนในกลุ่มสิงโตเหมือนกันนะ แกบอกที่อยู่ให้ฉันมั้ย ฉันจะไปดู ถ้าเหมาะสมล่ะก็ ฉันจะพากลับหนึ่ง ว่าไง?”

ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็ส่ายหัว เมื่อวานที่รพีพงษ์พูดกับนิรภัฏว่ารับผู้หญิงมั้ย ก็คือฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสอง

จากการสังเกตของรพีพงษ์ พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของอุเอสึงิ ฮารุและฝนสุดาทั้งสองไม่เลวจริงๆ โดยเฉพาะอุเอสึงิ ฮารุถึงขั้นเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว และฝีมือของฝนสุดาก็ไม่แย่ไปกว่าอุเอสึงิ ฮารุ แต่แค่เธอไม่เคยเล่าเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนเลย

ในเมื่อฝนสุดาอยากเป็นศิษย์มีครู งั้นรพีพงษ์ก็แนะนำเธอทั้งสองให้นิรภัฏเสียเลย แบบนี้ก็ทำให้ทั้งสองสาวมีครู แล้วยังให้ทั้งสองสาวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวพอถึงเวลานั้นมาสร้างปัญหาให้ตนที่ประเทศจีนอีก

หลังจากที่นิรภัฏได้ยินรพีพงษ์แนะนำฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุแล้วนั้น ก็เกิดความสนใจในตัวของสองสาว แสดงท่าทีว่าอยากไปดูสองสาวนี้ ถ้าอีกฝั่งยินยอมล่ะก็ ตนก็จะรับพวกเธอไว้เป็นศิษย์

ตอนนี้ธัชธรรมก็อยากรับพวกเธอไว้เป็นศิษย์ รพีพงษ์ไม่มีทางยินยอมแน่นอน ถ้าฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งคู่ไปกลุ่มสิงโตด้วย งั้นอนาคต ก็จะทำอะไรยากแล้ว

“สาวสองคนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมกับกลุ่มสิงโต ดังนั้นผู้อาวุโสหาวิธีหาลูกศิษย์ใหม่จะดีกว่า” รพีพงษ์ปฏิเสธธัชธรรมทันที

ธัชธรรมเห็นรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ทำได้เพียงถอนหายใจ แล้วกล่าว “งั้นแสดงว่าไม่มีพรหมลิขิตต่อกัน”

ไม่นาน ทั้งสองก็เดินถึงตีนเขา รพีพงษ์มองไปที่ธัชธรรม แล้วกล่าว “เราจะกลับประเทศจีนยังไงดี?”

ธัชธรรมมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ต้องนั่งเครื่องบินอยู่แล้ว ทำไม แกอยากให้ฉันพาแกลอยกลับไปหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอกนะ”

รพีพงษ์อดขำไม่ได้ เพราะธัชธรรมอายุมากแล้ว บวกกับท่าทางเขาเหมือนกับเซียน เห็นว่าไม่ค่อยเข้ากันกับเครื่องบินสมัยนี้สักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดว่าจะนั่งเครื่องบินกลับในแวบแรก

ไม่ลังเล รพีพงษ์ไปหารถที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นทั้งสองก็เดินทางไปยังสนามบินของเมืองโตเกียว

ขณะนี้ การเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นของรพีพงษ์ ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดลง

……

ณ คฤหาสน์ของฝนสุดา

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์

เพราะตระกูลอุเอสึงิได้ถูกล้างบาง อุเอสึงิ ฮารุถือว่าไม่มีครอบครัวอีกต่อไป บวกกับฝนสุดาชอบอุเอสึงิ ฮารุเพื่อนคนนี้อย่างมาก ดังนั้นจึงให้เธออาศัยอยู่ที่บ้าน จากที่ผ่านอะไรด้วยมา ทั้งสองได้เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันแล้ว

“ไอ้งั่งรพีพงษ์ ไม่เคยโทรหรือวีแชทกลับมาเลย ไม่รู้ว่ากลับประเทศจีนหรือยัง ไม่งั้นพวกเราไปหาเขาที่ประเทศจีนมั้ย” ฝนสุดากล่าวอย่างโมโห

อุเอสึงิ ฮารุมองฝนสุดา แล้วกล่าว “แต่คุณชายเหมือนไม่อยากให้เราไปหาเขานะ ไม่งั้นตอนนั้นก็ไม่มีทางทิ้งจดหมายฉบับนั้นไว้แล้ว”

“ไม่ว่าเขาจะให้ไม่ให้ พวกเราต้องฟังเขาด้วยหรอ ชาตินี้จะไม่เจอเขาแล้วหรือไง?” ฝนสุดากล่าว

ในขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยอยู่นั้น ด้านนอกก็มีเสียงเท้าเดินเข้ามา จากนั้นก็มีผู้อาวุโสพาผู้หญิงที่มีอายุไม่ต่างจากพวกเธอมากปรากฏตัวที่หน้าประตู

เมื่อฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองเห็น ก็รีบลุกขึ้น

“พวกคุณคือใครกัน?” ฝนสุดาจ้องไปที่ผู้อาวุโสแล้วถาม

นิรภัฏมองไปที่พวกเธอ แล้วกล่าว “ฉันชื่อนิรภัฏ ที่มาที่นี่วันนี้ มาหาสาวสอง ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นพวกเธอทั้งสอง ดูจากท่าทางแล้ว หน่วยก้านดีจริงๆ”

“คุณมาหาพวกเรามีอะไร?” อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่ผู้อาวุโสอย่างระวัง เธอรู้สึกว่าผู้อาวุโสอันตราย

นิรภัฏยิ้ม แล้วกล่าว “ฉันรับพวกเธอสองคนเป็นศิษย์ ไม่ทราบว่าพวกเธอยินยอมหรือไม่?”

พูดจบ นิรภัฏยื่นมา ในมือปรากฏแสงออร่าขึ้นมา จากนั้นรูปร่างของพวกเธอทั้งสองปรากฏตัวในมือของเขา ดูอย่างละเอียด เป็นรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายของทั้งสอง

การควบคุมพลังงานแบบนี้ ได้ฝึกฝนจนชำนาญ ชั่งน่าตะลึงยิ่งนัก

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตะลึงไปตามๆกัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท