พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่891 การต่อสู้กับปรินทร

บทที่891 การต่อสู้กับปรินทร

บทที่891 การต่อสู้กับปรินทร

ดิลวิลและประวีร์ทั้งคู่ล้วนไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะปรากฏตัวในตอนนี้ มองดูด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

แต่มีปรินทรอยู่ แม้รพีพงษ์จะกลับมา ก็ทำอะไรไม่ได้

ประวีร์นึกถึงก่อนหน้านี้บนเรือโดยสารไปเกาะพระจันทร์รพีพงษ์ทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร แต่ตอนนี้มีปรินทรคอยให้ท้ายอยู่ เขาไม่กลัวรพีพงษ์แล้ว

“รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าแกไอ้เต่าหัวหดจะกล้ากลับมา แต่กล้าอย่าคิดว่าแกกลับมาแล้วเรื่องนี้จะพูดคุยกันได้ ฝีมือของผู้ยิ่งใหญ่แกคิดไม่ถึงแน่นอน แกรีบมอบอารียาให้กับผู้ยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองจะดีกว่านะ มิเช่นนั้นแกก็รอความตายได้เลย!” ประวีร์ตะคอกใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์เหลือบไปมองประวีร์ แล้วกล่าวอย่างนิ่งๆว่า “ที่แท้ก็เป็นไอ้หมาอย่างแกนี่เอง ที่นี่ไม่ได้มีไว้ให้หมาเห่า รอให้ฉันจัดการกับมันเสร็จก่อน แล้วจะมาตัดการกับพวกแก”

ประวีร์เห็นรพีพงษ์ด่าตัวเองว่าเป็นหมา ก็หน้าบึ้งขึ้นมา ผ่านไปนานถึงได้ดูแคลนออกมาว่า “แกมั่นใจให้น้อยๆหน่อย อย่างแกอยากจัดการผู้ยิ่งใหญ่ ฝันไปเหอะ!”

ครองภพและคนอื่นๆมองรพีพงษ์อย่างกังวล หลังจากที่ตื่นเต้นแล้ว พวกเขาก็ยังต้องเผชิญกับความจริง

“ศิษย์พี่ ฝีมือของมันมองข้ามไม่ได้เลยนะ มันเก่งกาจมาก คือแดนดั่งเทพในตำนาน เล่นไสยศาสตร์ด้วย พี่รีบพาพี่สะใภ้หนีไปเถอะ!” ดำเกิงตะโกนใส่รพีพงษ์ เขาไม่ค่อยเข้าใจแน่ชัดเกี่ยวกับแดนดั่งเทพ ดังนั้นจึงคิดว่าการต่อสู้ปรินทรน่าจะเหมือนการเล่นไสยศาสตร์ แต่ถ้าดูจากการสำรวจ ความสามารถของแดนดั่งเทพก็คล้ายๆกับเล่นไสยศาสตร์

“ใช่ลูกพี่ ฝีมือของมันน่ากลัวจริงๆ พี่ไม่ใช่คู่ต่อกรของมันนะ รีบหนีไปเถอะ” ครองภพกล่าว

ปวิชและปวัตรสองพี่น้องกำลังมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปวัตรกล่าว “อาจารย์น่าจะเคยพูดเรื่องแดนดั่งเทพให้คุณฟังบ้างแล้ว ฝีมือมันเก่งมากจริงๆ พรสวรรค์ของคุณยิ่งยวด หลบไปก่อนก็ได้ รอให้ฝีมือเก่งกาจก่อนแล้วค่อยกลับมาล้างแค้นให้พวกเรา”

รพีพวษ์เห็นทุกคนพูดแบบนี้ ยื่นมือถือมุรามาสะ แล้วหยิบมีดออกมาจากปลอกมีดอย่างช้า

“ฝีมือของแดนดั่งเทพผมรู้ดี แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงผมเกินไป มันก็เคยแดนดั่งเทพขั้นต้นเท่านั้น ถ้าสู้กันจริงๆ ใครแพ้ใครชนะก็ไม่รู้!” รพีพงษ์กล่าวอย่างนิ่งสงบ

ตั้งแต่ตอนนั้นรพีพงษ์มั่นใจแล้ว ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นมารที่กลุ่มสิงโตอันดับรางวัลนำจับลำดับที่เจ็ดชื่อปรินทร

รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่าปรินทรจะมาหาเรื่องที่ตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ในเมื่ออีกฝั่งมาหาถึงที่ งั้นรพีพงษ์ก็จะไม่พลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน

ตอนนี้เขากำลังคิดหนักอยู่พอดีไม่รู้ว่าจะไปหาคนที่ให้ผลงานมากได้ที่ไหน ปรินทรมาหาถึงที่ รพีพงษ์ก็จะรับไว้อย่างไม่เกรงใจ

ยิ่งไปกว่านั้นเขาอยากจะทำร้ายอารียา รพีพงษ์ยิ่งไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่อีกต่อไป

รพีพงษ์ไม่ค่อยหวาดกลัวกับฝีมือของปรินทรสักเท่าไหร่ อีกฝั่งเป็นแดนดั่งเทพขั้นต้นจริง แต่รพีพงษ์ไม่ใช่ไม่เคยต่อสู้กับแดนดั่งเทพสักหน่อย

อุเอสึงิ ทาคิโนะตอนแรกปล่อยพลังชั่วร้าย ฝีมืออยู่ระดับแดนดั่งเทพขั้นต้นจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าตายในมือของรพีพงษ์เหมือนกันหรอกหรอ ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่กลัวยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นต้นเหล่านี้แต่อย่างใด

ปรินทรได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เหยียดหยาม แล้วกล่าว “เห็นในมือแกถือมีดอันหนึ่ง ก็รู้แล้วว่าฝีมือแกยังไม่ถึงแดนดั่งเทพ แม้แกจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น เก่งกว่าแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดนิดหน่อย แต่ต่อหน้าฉัน ก็แค่มดที่แข็งแกร่งนิดหน่อยเท่านั้นเอง แกคิดว่าแค่นี้แกมีสิทธิ์จะมาจองหองกับฉันแล้วหรือไง?”

ประวีร์ก็กล่าวตามว่า “รพีพงษ์ แกอย่ามาฝันกลางวันตรงนี้อีกเลย ฝีมือแค่นั้นของแก จะต่อกรกับผู้ยิ่งใหญ่ มันตลกยิ่งกว่าตลกเสียอีก แกมอบเมียแกให้กับผู้ยิ่งใหญ่ง่ายๆดีกว่านะ ไม่แน่ถ้าผู้ยิ่งใหญ่มีความสุข อาจจะไว้ชีวิตแกสักคนก็ได้!”

รพีพงษ์ดูแคลน มือหนึ่งจับมุรามาสะเอาไว้ เน่ยจิ้งในร่างกายเริ่มไหลเวียน ไปบนมีด

“แกชนะฉันให้ได้ก่อน แล้วค่อยคุยโวล่ะกัน!”

ปรินทรดูแคลน ไม่อยากเสียเวลาพูดพล่ามกับรพีพงษ์อีกแล้ว จึงได้โบกมือ เอาลืมพัดไปทางรพีพงษ์

รพีพงษ์จับมุรามาสะถือไว้ด้านหน้า มีเส้นยาวปรากฏขึ้น ตัดลมที่ปรินทรพัดมาสลายไป

ปรินทรชะงัก ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะทำลายการโจมตีของเขาได้ง่ายๆ เริ่มรู้สึกแปลกใจ แต่ยังไงเขาก็ยังคิดว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แม้รพีพงษ์จะมีฝีมือ แต่ก็ไม่ใช่แดนดั่งเทพจริงๆ

เขาไม่รู้ว่ายังมีแดนครึ่งแดนดั่งเทพอยู่ด้วย เพราะระหว่างแดนปรมาจารย์ขั้นสุดยอดกับแดนดั่งเทพ ขาดอีกก้าวเดียว รพีพงษ์ฝึกฝนพลังวิเศษเสน ดังนั้นจึงได้มีฝีมือแบบนี้ เรียกว่าแดนครึ่งดั่งเทพ ด้วยเหตุนี้ปรินทรคิดว่ารพีพงษ์ก็เป็นแค่แดนปรมาจารย์ขั้นสุดยอดที่เก่งกาจก็เท่านั้น

“ก็แค่ความสามารถนิดเดียว ฉันไม่เชื่อว่าแกจะต่อสู้กับฉันได้!” พูดจบ ปรินทรก็พุ่งไปที่รพีพงษ์

เพื่อไม่ให้กระทบอารียาและคนอื่นๆ รพีพงษ์จึงเหาะขึ้นไปที่หลังคา หวังจะต่อกรให้รู้แพ้รู้ชนะด้านบน

ปรินทรก็ตามขึ้นไปบนหลังคา ในมือปรากฏแสงยาวๆขึ้น

“เด็กน้อย ฉันใช้พลังทั้งหมดที่มีมาต่อสู้กับแก ดูสิว่าแกจะต้านทานมันยังไง!”

ปรินทรตะคอกใส่รพีพงษ์ จากนั้นก็ใช้ลำแสงนั้นฟาดไปที่ตัวของรพีพงษ์

รพีพงษ์หยิบมุรามาสะขึ้นมา ระเบิดกำลังภายในออกมา กันการโจมตีครั้งนี้ของปรินทร

จนกระทั่งตอนนี้ ปรินทรเพิ่งจะรู้ว่า ความสามารถของรพีพงษ์ไม่ได้เก่งกว่าแดนปรมาจารย์เพียงนิดเดียว เขาอยากใช้เวลานิดเดียวจัดการรพีพงษ์ แลดูจะค่อนข้างลำบาก

“แม่งเอ้ย อดทนเก่งจังนะ ดูๆแล้ววันนี้ไม่ให้แกเห็นฝีมือที่แท้จริงของแดงดั่งเทพ แกจะผยองเกินไปแล้ว”

ปรินทรดูแคลน จากนั้นพลังได้ถูกรวบรวมไปที่ลำแสงในมือเขา จากนั้นก็ฟาดไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์หายใจเฮือก เปลี่ยนท่ามุรามาสะในมือ จากนั้นลำแสงก็ปรากกรอบๆของมุรามาสะ แล้วตัดผ่าลำแสงของปรินทร

“ท่าดาวฟ้า!”

ทั้งสองชนกัน พลังงานที่แข็งแกร่งแตกซ่านไปรอบๆ ครองภพและทุกคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่างล้วนได้รับผลกระทบ ตอนแรกร่างกายที่แข็งแกร่งได้ยืนขึ้นมาแล้วก็กลับล้มลงไปอีก

ทุกคนกำลังมองทั้งสองต่อสู้กันบนหลังคาอย่างตะลึง สักพัก ปวัตรตะโกนว่า “ทุกคนหลบไปให้ไกลหน่อย การต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเราเข้าไปเกี่ยวด้วยได้ แม้จะเป็นลูกหลง ก็สามารถฆ่าชีวิตเราได้ ทุกคนรีบๆหลงไปให้ไกล!”

ทุกคนเพิ่งจะรู้สึกตัว รีบวิ่งไปไกลๆ

ดำเกิงมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพึมพำ “เพิ่งผ่านไปได้เท่าไหร่เอง ศิษย์พี่แข็งแกร่งขึ้นถึงขั้นนี้แล้วหรอเนี่ย? ฝีมือระหว่างฉันกับเขา ห่างกันมากเหลือเกิน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท