พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่895 โยนไว้ในป่าเป็นอาหารหมาป่า

บทที่895 โยนไว้ในป่าเป็นอาหารหมาป่า

บทที่895 โยนไว้ในป่าเป็นอาหารหมาป่า

สามวันถัดมา

คฤหาสน์ที่โดนทำลายจากการต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และปรินทรอยู่ระหว่างการจัดการของคนตระกูลลัดดาวัลย์ ได้ดำเนินการทำความสะอาด ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ทุกคนของตระกูลลัดดาวัลย์ล้วนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ที่ปรินทรลงมือกับพวกเขาเพียงแค่โอ้อวดเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พักผ่อนสักระยะก็ฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว

รพีพงษ์เดินออกมาจากห้อง ด้วยสีหน้าซีดเซียว แต่อาการได้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว วันนี้ตอนเช้าตอนเขาตื่น เทียบกับก่อนหน้านี้เจ็ดวันที่สลบไป ตอนนี้สำหรับการต้านทานผลข้างเคียงของวิธีลับของเขา ได้เพิ่มขึ้นแล้ว

เชื่อว่าหลังจากที่พลังวิเศษเสนของเขาเต็มที่แล้วนั้น ผลข้างเคียงจากการใช้วิธีลับจะค่อยบางเบาลง

แน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น วิธีลับนี้ทำให้พลังของเข้าแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็น่าจะเปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงมากเข้าไปอีก

เขาเดินไปยังห้องของอารียา ขณะนี้อารียากำลังอุ้มหนูลินเล่นอยู่ เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา หนูลินก็มองตาโตไปที่รพีพงษ์ เหมือนเห็นของเล่นใหม่อย่างไรอย่างนั้น มองอย่างตั้งใจ

รพีพงษ์เห็นสายตาของหนูลิน ก็หัวเราะขึ้นมา “ดูสายตาสิ ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครหรอ?”

อารียามองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุรไม่ค่อยอยู่บ้าน แน่นอนว่าเธอจำไม่ได้หรอกว่าคุณคือใคร แม้จะบอกว่าคำแรกที่เธอพูดเป็นคือพ่อ แต่ก็นานแล้วนะที่ไม่ได้เรียก”

รพีพงษ์มองไปที่สองแม่ลูกอย่างรู้สึกผิด เขาก็อยากอยู่กับพวกเธอทั้งสองตลอดเวลา แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง สิ่งที่เขารับผิดชอบนั้นมีอยู่มาก หลายเรื่อง ที่เขาต้องทำด้วยตัวเอง

“ถ้างั้นหนูลินของเราในอนาคตจะเป็นเด็กมีปัญหามั้ย ถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หาคนที่ไร้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นแฟน ผมจะหักขาเธอทิ้งซะ” รพีพงษ์หัวเราะพลางกล่าว

อารียาเหอะใส่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “มีแม่อย่างฉันอยู่ หนูลินจะเป็นเด็กมีปัญหาได้ไง ฉันจะให้เธอเป็นเด็กสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้”

รพีพงษ์เดินไป กอดอารียา แล้วกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า “ผมจะทำให้พวกคุณสองคนเป็นพ่อลูกที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้”

อารียายิ้มชอบใจ แม้รพีพงษ์มักจะออกไปทำธุระของตัวเอง แต่เขาไม่เคยผิดคำพูด ตอนนี้เธอมีความสุขที่คนอื่นคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน

รพีพงษ์ยิ่นมือไปลูปจมูกของหนูลิน หนูน้อยก็ยิ้มออกมา แล้วกล่าวอย่างมีความสุขว่า “พ่อ”

รพีพงษ์แปลกใจ คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะรู้ว่าต้องเรียกตัวเองว่าพ่อ

“ใครบอกว่าลูกสาวผมจำผิดไม่ได้ นี่เธอก็จำได้ไม่ใช่หรอว่าต้องเรียกผมว่าพ่อ” รพีพงษ์กล่าวอย่างตื่นเต้น

อารียามองบน จากนั้นก็หยิบตุ๊กตาออกมา เป็นตุ๊กตาตอนที่รพีพงษ์ต่อสู้กับห้าตระกูลใหญ่นั้น ตุ๊กตาเหมือนจริงมาก คล้ายคลึงกับรพีพงษ์

“ทุกๆวันฉันจะพูดเรื่องราวของคุณให้เธอฟัง แล้วเธอจะลืมได้ไงว่าคุณเป็นใคร ตุ๊กตานี้ฉันให้คนทำขึ้นโดยเฉพาะเลยนะ เหมือนคุณในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป” อารียากล่าว

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าอารียาจะตั้งใจขนาดนี้ ใช้สิ่งของพวกนี้ให้หนูลินไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร

เขามองอารียาอย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็ก้มหัว แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ

อารียาหน้าแดง หลังจากที่จูบกับรพีพงษ์แล้วนั้น ก็รีบหยุด

“ไอ้หยา หนูลินดูอยู่นะ” อารียากล่าว

รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “เธอยังเด็ก จะรู้หรอว่าการจูบคืออะไร”

หนูลินตาโต ไม่รู้ว่าสองคนนี้ทำอะไรจริงๆ

ช่วงบ่าย

ในห้องมืดของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

ขณะนี้ประวีร์และดิลวิลทั้งสองกำลังอยู่ที่นี่อย่างหวาดผวา ในช่วงสามวันนี้พวกเขาทั้งคู่ได้รู้ถึงความสิ้นหวัง ครองภพแว็บๆก็เข้ามาจัดการพวกเขา ตอนนี้พวกเขาเสียใจมากที่พาปรินทรมาหาเรื่องตระกูลลัดดาวัลย์ที่เกียวโต

“พ่อ พ่อว่าครั้งนี้เราจะตายที่บ้านตระกูลลัดดาวัลย์มั้ย?” ประวีร์กำลังมองไปที่ดิลวิล ด้วยความกังวล

“จะเป็นไปได้ไง แม้ครั้งนี้เราจะพาผู้ยิ่งใหญ่นั้นมาตระกูลลัดดาวัลย์ มันไม่ถูกต้องจริงๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่หรอ ก็แค่บ้านพัง ถ้าไม่ได้จริงๆพวกเราชดใช้เงินก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ แม้อารียามันจะเนรคุณ ไม่นับญาติกับเรา เธอไม่มีทางให้รพีพงษ์ฆ่าพวกเราได้หรอก” ดิลวิลยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย

ประวีร์ได้ยินคำพูดของดิลวิล แล้วกล่าว “พ่อ พ่ออาจไม่เข้าใจรพีพงษ์มากนัก ถ้ามันร้ายกาจขึ้นมา พวกเราทั้งคู่ ต้องแย่แน่ๆ”

“ที่รพีพงษ์มันขังพวกเราไว้ให้ทนทุกข์ทรมานที่นี่ยังไม่พออีกหรอ? ถ้ามันจะฆ่าพวกเราอีก งั้นมันยังเป็นคนอยู่มั้ย ถึงตอนนั้นเพียงแค่พวกเราเน้นย้ำว่าครั้งนี้ไม่มีปัญหาอะไรมาก มันต้องไม่กล้าทำอะไรพวกเราแน่นอน” ดิลวิลกล่าว

ในขณะนี้เอง ประตูห้องถูกคนเปิดออก มีเสียงประชดประชันดังออกมา

“เหอะเหอะ หลายๆวันมานี้พวกแกยังไม่รู้สึกผิดอีกสินะ พวกแกคิดว่าแค่ทรมานพวกแกสักกี่วัน ก็พอที่จะชดใช้ความผิดครั้งนี้ได้แล้วหรือไง?”

รพีพงษ์เดินออกมาจากด้านนอก ดูทั้งสองด้วยสายตาเยือกเย็น ครองภพตามหลังรพีพงษ์มา ดูดิลวิลทั้งสองด้วยสายตาเหมือนทั้งคู่เป็นตัวตลก

ประวีร์เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ก็ใจเต้นตุบตับ มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา เพราะกลั้นไว้ไม่ไหวเหงื่อจึงเริ่มไหลออกมา

ดิลวิลยังคงรู้สึกเหมือนเมื่อกี้ เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา จากนั้นก็ถามรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ช่วงหลายวันมานี้พวกเราทนทุกข์ทรมานก็มากพอแล้ว แม้พวกแกจะโมโห ก็น่าจะระบายออกมาหมดแล้วนะ?

“ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้พวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจ ฝีมือของปรินทรแกก็เห็นแล้ว คนธรรมดาอย่างพวกเราจะต่อกรกับมันยังไง พวกเราไม่มีทางเลือก จึงได้พามันมาเกียวโต ตอนนี้แกจัดการมันแล้วหนิ แล้วจะมาหาเรื่องกับเราอีกทำไม?”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของดิลวิลแล้วนั้น ก็เข้าใจคำว่าหน้าด้านไร้ยางอายเลยล่ะ เขาพูดกับดิลวิลอย่างดูแคลนว่า “ทำไมต้องหาเรื่องพวกแก? แกคิดว่าแกเป็นใคร? ยังจะให้ฉันใจกว้างกับพวกแกอีก?”

“ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมาทัน อารีจะพบกับจุดจบยังไงพวกแกไม่รู้? ตอนที่พวกแกตัดสินใจพาปรินทรมาเกียวโต ตระกูลฉัตรมงคลที่เมืองยองของพวกแก ก็ไร้ซึ่งทางเดินด้วยน้ำมือของพวกแกเอง”

“จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ใช่แค่จะให้พวกแกตาย และจะให้พวกแกตายอย่างอนาถอีกด้วย ไม่ใช่แค่พวกแกสองคน ต่อไปที่เมืองยองก็จะไม่มีตระกูลฉัตรมงคลอีกต่อไป”

พูดจบ รพีพงษ์หันไปมองครองภพ แล้วกล่าว “ทำให้ขาพวกมันหัก แล้วโยนไปไว้ในป่าให้หมาป่ากิน”

“รับทราบ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท