พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่898 ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์

บทที่898 ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์

บทที่898 ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์

ธัชธรรมจ้องไปที่คนพูด แล้วกล่าว “คลิปที่รพีพงษ์ส่งมาได้อัพโหลดลงบนเว็บไซต์ของกลุ่มสิงโตแล้ว ถ้าพวกคุณมีใครสงสัยอะไร สามารถไปดูที่เว็บไซต์ได้”

สีหน้าของตปธนดูไม่ดี เขาเพิ่งพูดว่ารพีพงษ์มีพรสวรรค์ จากแดนปรมาจารย์ไปแดนดั่งเทพไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ สุดท้ายรพีพงษ์ได้ใช้ฝีมือแดนครึ่งดั่งเทพฆ่าผู้ร้ายคนหนึ่งที่ทุกคนของกลุ่มสิงโตกำลังปวดหัวอยู่ นี่มันตบหน้ากันชัดๆ

ใคร่ครวญสักพัก ตปธนมองไปที่ธัชธรรม แล้วกล่าว “ก็แค่ฆ่าแดนดั่งเทพขั้นต้นคนเดียวแล้วไง อยากจะเป็นผู้นำกลุ่มสิงโต ต้องมีฝีมือที่มากพอให้คนอื่นเชื่อมั่นได้ รพีพงษ์ยังห่างจากระดับนี้ อยู่มาก”

ธัชธรรมยิ้ม กล่าว “เมื่อกี้ผมพูดแล้ว ตอนนี้ก็แค่กำหนดผู้ที่ถูกเลือกไว้เท่านั้น ผมคิดว่าผมยังไม่น่าจะตายเร็วขนาดนั้น รพีพงษ์จะใช้เวลานี้ เป็นผู้แข็งแกร่งที่รับผิดชอบด้านนี้ได้”

คำพูดนี้ของเขาทำให้ตปธนไร้ซึ่งการต่อต้าน ทำได้แค่หน้าบึ้งแล้วกล่าวอย่างดูแคลนว่า “‘งั้นก็ขอให้ผู้ที่ถูกเลือกโดยเจ้าสำนักสามารถเป็นระดับที่ทุกคนต้องการได้อย่างราบรื่นนะ หวังว่าระหว่างกลางจะไม่มีอะไรมาขวางเขาได้”

พูดจบ ตปธนก็หันหลังแล้วเดินออกไป

ธัชธรรมเพียงแค่ยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ

คนที่เหลือก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา ดูออกชัดเจน ว่าเรื่องในครั้งนี้ที่ธัชธรรมประกาศออกมา มีผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตต่อกลุ่มสิงโต ไม่มีใครรู้ว่ารพีพงษ์จะเป็นเจ้าสำนักตำแหน่งนี้ได้หรือไม่ บางคนสนับสนุนตปธน บางคนรู้สึกว่ารพีพงษ์มีความกล้าหาญอย่างมาก มีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวเลือกจริงๆ และมีบางพวกที่กำลังสังเกตการณ์ ไม่เสนอใดๆ

มังกรสามพี่น้อยกำลังมองผู้คนถกเถียงกัน ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก

“คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้เพียงแค่สองวัน ก็ได้ฆ่าปรินทรแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าฝีมือเขาจะหยุดอยู่แค่แดนปรมาจารย์เสียอีก ครั้งที่แล้วที่ช่วยน้องสาว ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ดีที่ครั้งนั้นเราไม่ได้ไปหาเรื่องเขา” มังกรกล่าว

พยัคฆ์และเต่าล้วนพยักหน้า ได้รู้จักรพีพงษ์ในอีกมติ

“น้องสาวไปเกียวโตแล้วหรือเปล่า?” มังกรถามอีก

“ใช่ ไปทำภารกิจที่เกียวโต” พยัคฆ์กล่าว

“งั้นรีบให้น้องสาวไปสร้างสัมพันธไมตรีกับรพีพงษ์เร็วๆสิ เด็กนี่มันเป็นตัวเลือกที่เจ้าสำนักกำหนดไว้แล้วนะ นี่มันคนสำคัญ ต้องเกาะแน่นๆนะ” สายตามังกรลุกวาว

“ถูกถูกถูก รีบโทรหาน้องสาว” เต่าพูดตาม

“โทรหาได้ แต่ห้ามให้น้องสาวรู้เรื่องที่รพีพงษ์ถูกกำหนดให้เป็นตัวเลือกเรื่องนี้นะ นี่เป็นความลับเฉพาะของกลุ่มสิงโต ห้ามป่าวประกาศออกไป แค่พูดว่าพวกเรารู้สึกว่ารพีพงษ์ก็ไม่เลวนะ ให้น้องสาวพยายามหน่อย ถ้าพวกเขาเกิดสปาร์คกันล่ะ” มังกรยิ้มอย่างล้อเล่น

……

เกียวโต คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

ณ ห้องที่รพีพงษ์เอาไว้ทำสมาธิโดยเฉพาะ

ขณะนี้รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ด้านหน้าของเขามีโต๊ะวางอยู่ บนโต๊ะมีของหลายสิ่งวางไว้ อันหนึ่งคือไม้เทพแดงที่ถือว่าใหญ่ ข้างๆเป็นเทียนหนึ่งเล่ม และมีดสั้น

และในมือของรพีพงษ์กำลังถือของที่คล้ายๆการ์ดเชิญอยู่ขณะนี้ เขาจ้องไปที่เนื้อหาด้านบน แล้วขมวดคิ้ว

การ์ดเชิญนี้เจอที่บนตัวของปรินทร ด้านบนเขียนว่า“ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์”ใหญ่ๆ ดูเป็นทางการ ด้านในเขียนที่อยู่และเวลาจัดของประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ และดำเนินการสรรเสริญปรินทร จากน้ำเสียง ผู้เชิญ น่าจะเอาความสามารถแดนดั่งเทพของปรินทรเป็นวิชาเวทย์ประเภทหนึ่ง

เกี่ยวกับวิชาเวทย์ รพีพงษ์ได้ทำความเข้าใจในเว็บไซต์ของกลุ่มสิงโตมาแล้วบ้าง บนโลกนี้มีของแบบนี้อยู่จริง แต่วิชาเวทย์พอได้ยินเหมือนกับจะลี้ลับ ความจริงก็การใช้พลังชนิดหนึ่งเท่านั้น

สิ่งที่ไม่เหมือนกับพลังของการบู๊คือ วิชาเวทย์ที่ว่านี้ ส่วนมากจะพลังพลังภายนอก มาเพื่อไหลเวียน แต่วงการบู๊จะใช้การไหลเวียนของพลังภายใน

กลุ่มสิงโตมักจะเอาคนที่มีพลังวิเศษเหล่านั้นรวมกันเป็นสาขาของวิชาเวทย์

เพราะพลังไม่ได้ไหลเวียนกันง่ายๆ ดังนั้นบนโลกนี้ถึงแม้จะมีคนพิเศษที่สามารถใช้วิชาเวทย์ได้ แต่จำนวนก็ค่อนข้างน้อย และที่มีความสามารถได้นั้น ต้องมีผู้สืบทอดต่อๆกันมา เพราะถ้าใช้พลังของตัวเองไหลเวียน ก็เป็นแค่ไอ้งั่งที่ฝันกลางวันเท่านั้น

และจากการตรวจสอบของกลุ่มสิงโต แม้จะมีการสืบทอดวิชาเวทย์เต็มรูปแบบ ระดับที่ยอดฝีมือเหล่านั้นของวิชาเวทย์เป็น มากสุดก็แค่เทียบได้กับแดนดั่งเทพขั้นต้นเท่านั้น

และผู้สืบทอดของพวกเขามีหลายคนที่ระดับสูง แต่ไม่มีใครไปถึง เหตุผลเพราะอะไรนั้น ไม่มีใครรู้ได้

วิชาเวทย์กับวิธีเมื่อก่อนที่มนุษย์ใช้ในการฝึกฝนเป็นเซียนคล้ายๆกัน บางทีเมื่อนานมาแล้วอาจมีคนที่ใช้วิชาเวทย์ฝึกฝนจนเป็นแดนเซียนก็เป็นได้ แต่นี่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยอดฝีมือของวิชาเวทย์ที่ระดับสูงสุด ก็แค่เทียบได้กับแดนดั่งเทพขั้นต้นเท่านั้น

สิ่งเดียวที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยก็คือ ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ค่อนข้างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็เชิญปรินทรคนเลวแบบนี้ไป ทำให้รพีพงษ์อดสงสัยไม่ได้

อีกช่วงเวลาหนึ่งจึงจะถึงวันประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ รพีพงษ์ก็แปลกใจในวิชาเวทย์เช่นกัน ถ้าถึงเวลานั้นมีโอกาสล่ะก็ เขาก็อยากไปดูสักหน่อย

แน่นอน ความสนุกนั้นเป็นเรื่องรอง ถ้าประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์มีอะไรแปลกๆล่ะก็ ไม่แน่รพีพงษ์ก็อาจจะสามารถสะสมผลงานได้อีก เพราะถ้าเกี่ยวโยงกับวิชาเวทย์ จะต้องไม่ใช่คนทั่วไปจัดการได้แน่นอน เวลาแบบนี้จะต้องให้กลุ่มสิงโตออกโรง

พวเขาได้เชิญปรินทร อาจจะได้เชิญแดนดั่งเทพคนอื่นๆอีกด้วย ถ้ามีคนที่กลุ่มสิงโตตามจับ สำหรับรพีพงษ์แล้วถือเป็นโอกาสทองเลยทีเดียว

“ด้วยความสามารถที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยิ่งลี้ลับเข้าทุกที ถ้าฉันมีโอกาสได้เป็นแดนเทพนั่นจริงๆ ไม่รู้ว่าจะได้เจอเซียนจริงๆมั้ยนะ” รพีพงษ์พูดเองหัวเราะเอง แล้วไม่ได้คิดต่อ

ถ้าธัชธรรมเห็นไม้เทพแดงใหญ่ขนาดนี้ จะต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่นอน

“จากคำพูดของเจ้าสำนัก ไม้เทพแดงนี้ต้องทำให้เป็นชิ้นๆ แล้วรมควัน จึงจะใช้ได้ ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรต่อฉันบ้างนะ ลองใช้สักหน่อยดูก่อนล่ะกัน”

พึมพำไป รพีพงษ์ก็หยิบมีดสั้นบนโต๊ะมา แล้วเริ่มตัดไม้เทพแดง ให้เป็นขี้เลื่อย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท