พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่899 ผลลัพธ์ของไม้เทพแดง

บทที่899 ผลลัพธ์ของไม้เทพแดง

บทที่899 ผลลัพธ์ของไม้เทพแดง

ไม่นาน รพีพงษ์ก็เลื่อยไม้เทพแดงออกเป็นขี้เลื่อย เขาไม่กล้าทำไว้เยอะ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่บังคับตัวเองไม่ได้

หลังจากที่ทำเป็นขี้เลื่อยแล้ว รพีพงษ์ก็จุดไฟเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็เอาเศษเลื่อยพวกนั้นโยนเข้าไปในไฟ

เศษเลื่อยเจอเข้ากับไฟ ก็จุดติด จากนั้นก็มีสีเขียวอมน้ำเงินปรากฏออกมา บนเทียน ดูแล้วค่อนข้างลี้ลับ

รพีพงษ์ดูไปที่สีเขียวอมน้ำเงินที่ไหลออกมา ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร จึงได้เข้าไปสูดดม

ควันสีเขียวอมน้ำเงินได้เข้าในจมูกของรพีพงษ์แล้วไปต่อในร่างกาย รพีพงษ์รู้สึกมีพลังมหาศาลเกิดขึ้นมา ชั่วพริบตาเดียว เขารู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง

จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าในหัวพองตัวขึ้น ราวกับจะแตกออกมา ให้ตัวเองออกมาอย่างไรอย่างนั้น

สักพัก รพีพงษ์สามารถควบคุมความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ จึงโล่งอกลง ตอนนั้นเขามีความรู้สึกเหมือนในหัวจะระเบิดออกอย่างไรอย่างนั้น แม้จะไม่เจ็บปวดมาก แต่สัญชาตญาณของร่างกายทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

หลังจากที่พักฟื้นจนเป็นปกติแล้ว รพีพงษ์ก็รีบเช็คร่างกายตัวเอง พบว่าไม่มีปัญหาใดๆ แต่อารมณ์เขาดีมากขึ้นไปอีก ประสาทสัมผัสทั้งห้าทะลุปรุโปร่งมากขึ้น การรับรู้สัมผัสเทียบกับเมื่อก่อนได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือว่าไม่มากนัก แต่สำหรับรพีพงษ์ที่เป็นแดนครึ่งดั่งเทพแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้เพิ่มเปอร์เซ็นต์การชนะในการต่อสู้มากขึ้น

การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือด้วยกัน แข่งกันด้วยการได้เปรียบ ตอนที่ฝีมือของทั้งสองคนเทียบเท่ากันนั้น ถ้าต้องการที่จะชนะ ทำได้เพียงหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายเท่านั้น

ตอนนี้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของรพีพงษ์ทะลุปรุโปร่ง นั่นก็หมายความว่าการรับรู้มีมากกว่าของผู้คนรอบๆ เขาจะสามารถพบจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แล้วจับจุดในการต่อสู้ได้

ก่อนหน้านี้ด้านการตอบสนองของรพีพงษ์ก็มีมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ตอนนี้ไม้เทพแดงทำให้รพีพงษ์มีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เร็วขึ้น นี่หมายถึงอะไร ไม่ต้องพูดก็น่าจะรู้

สิ่งสำคัญที่สุดคือ รพีพงษ์เพียงทดสอบ ใช้แค่ขี้เลื่อยเล็กน้อยเท่านั้น ก็มีผลลัพธ์มากขนาดนี้

หากใช้เยอะขึ้นมาหน่อย ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงยังไง

หลังจากที่เห็นไม้เทพแดงไม่มีผลร้ายกับตัวเอง รพีพงษ์ก็ได้หยิบมีดสั้นขึ้นมา เริ่มตัดไม้ออกมาให้เป็นขี้เลื่อย จำนวนในครั้งนี้ เมื่อกว่าครั้งที่แล้วมาก

หลังจากที่ทำเป็นขี้เลื่อยเสร็จแล้ว รพีพงษ์ก็ได้เอาพวกมันจุดไว้บนเทียน ควันสีเขียวอมน้ำเงินปรากฏ เข้มกว่าเมื่อกี้หนึ่งเท่า

รพีพงษ์ได้สูดควันสีเขียวอมน้ำเงินนี้เข้าไปอีกครั้ง ครั้งนี้จิตวิญญาณของเขาได้ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง จากนั้น เขาก็ตาโต เพราะเขารู้สึกได้ว่าในหัวมีพลังวิเศษเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เคยรู้สึกมาก่อน

และพลังที่เกิดขึ้นมากะทันหันนั้น กำลังทำร้ายความสบายที่อยู่ในหัวของเขา ออกไปด้านนอก

ความรู้สึกนั้นทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำ คือเอาพลังนั้นออก มิเช่นนั้น พลังที่อยู่ในสมองของรพีพงษ์จะผสมปนเปกัน ถึงเวลานั้นจะทำให้เขากลายเป็นคนบ้าคนหนึ่งได้

ไม่ลังเลแแต่อย่างใด รพีพงษ์รีบเลื้อยไม้เทพแดง วางไว้บนเทียน ควันสีเขียวอมน้ำเงินปรากฏขึ้น รพีพงษ์รีบสูดเข้าไปทันที แต่ก็ยังไม่สามารถเอาพลังนั้นออกจากสมองเขาได้

รพีพงษ์เพียงแค่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แสนสาหัส เหงื่อไหลเต็มหัว เขาพยายามกัดฟันให้ตัวเองตื่นตัวอยู่ตลอด พยายามให้ความสบายนั้นออกจากตัวเอง

เพราะการทำให้เป็นขี้เลื่อยนั้นมันนาน รพีพงษ์ได้หยิบไม้เทพแดงขึ้นมา รมควันบนเทียน

เพียงแว็บเดียว ไม้เทพแดงก็ติดไฟ เหมือนไฟจากถ่าน ไม่หยุดที่จะปรากฏควันสีเขียวอมน้ำเงินออกมา

รพีพงษ์เพิ่งจะรู้ว่าไม้เทพแดงนี้แม้ไม่เลื้อยเป็นขี้เลื่อย ก็สามารถจุดได้ ที่ธัชธรรมทำเป็นขี้เลื่อย ก็เป็นไม้เทพแดงของเขาค่อนข้างเล็ก

ไม่นาน ในห้องก็เป็นไปด้วยควันสีเขียวอมน้ำเงิน และไม้เทพแดงก็ถูกใช้ไปเกือบครึ่งแล้ว

รพีพงษ์รู้ว่าไม่ควรใช้ไม้เทพแดงต่อไป มิเช่นนั้นควันสีเขียวอมน้ำเงิน จะทำให้หัวของเขาระเบิดออกได้

ดังนั้นเขาจึงใช้พลังวิเศษเสนมาดับไฟบนไม้เทพแดง จากนั้นก็นั่งลงบนเตียง ตาปิดสองข้าง เริ่มสูดควันสีเขียวน้ำเงินเข้าไปในร่างกาย

ตามที่รพีพงษ์ได้สูดควันเข้าไป ควันสีเขียวน้ำเงินที่อยู่ในห้องก็ลดลง สีหน้าของรพีพงษ์เหมือนถูกย่างมา เหงื่อไหลออกมาอย่างไม่หยุด บนหัวเริ่มเต็มไปด้วยความร้อน ดูๆไปค่อนข้างประหลาด

ตอนนี้ในหัวของรพีพงษ์พูดได้ว่าวุ่นวายไปหมด จิตวิญญาณของรพีพงษ์อยู่กับพลังแปลกประหลาดนั้น เขาพยายามเอามันออกจากในสมอง เพื่อที่จะให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายลง

จากการรับรู้สัมผัสของรพีพงษ์ ในควันสีเขียวอมน้ำเงินนั้น มีพลังที่รพีพงษ์ไม่เคยเจอมาก่อนอยู่ด้วย พลังนี้เมื่อถูกรพีพงษ์สูดเข้าไปแล้ว พลังทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหัวของเขาได้ผ่านเข้าไป ให้พลังนั้นไม่หยุดที่จะผสมกัน

พลังเหล่านั้นที่อยู่ในหัวของรพีพงษ์ มีความแตกต่างจากเน่ยจิ้งและพลังวิเศษเสนอย่างมาก รพีพงษ์ไม่เคยเห็นมาเลยก่อนหน้านี้ เขารู้สึกได้ว่าพลังนี้ไม่ปกติ เมื่อเทียบกับพลังวิเศษเสนหรือเน่ยจิ้ง พลังนี้แปลกประหลาดและลี้ลับมาก รพีพงษ์ในตอนนี้ไม่รู้ว่าพลังนี้เอาไว้ทำอะไร

ผ่านไปนาน รพีพงษ์ใช้พลังจิตของตัวเองทั้งหมด สูดควันสีเขียวน้ำเงินที่อยู่ในห้องจนหมด ในที่สุดพลังที่พุ่งออกที่อยู่ในตัวของรพีพงษ์ สุดท้ายก็ได้ออกจากหัวของเขาไปได้สำเร็จ

จากนั้น รพีพงษ์พบว่าในสมองตัวเองเป็นวังวัน ด้านในปล่อยพลังจิต จิตวิญญาณที่อ่อนล้าของเขาได้เข้ากับพลังนี้ ได้เปลี่ยนเป็นมีพลังชีวิตที่เปี่ยมล้นขึ้นมา

ผ่านไปสักพัก วังวนนั้นได้หยุดปล่อยออก จากนั้นก็เก็บซ่อนไว้ สุดท้ายในหัวของรพีพงษ์ รวมกันเป็นกลลวงตาลักษณะคนที่เป็นสีเชียวอมน้ำเงินอ่อนๆ เป็นลักษณะของรพีพงษ์

รพีพงษ์ตะลึงอย่างมาก เพราะเขาพบว่า ที่เขาสามารถเห็นกลลวงตาสีเขียวน้ำเงินนั้นได้ เหมือนกับเน่ยซื่อที่อยู่ในหนังสือโบราณที่กล่าวไว้นั้น ค่อนข้างลี้ลับ

และสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ตะลึงคือ ตอนนี้เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงรายละเอียดทุกอย่างที่มีในห้อง ของทุกสิ่ง ล้วนอยู่ในการสัมผัสรับรู้ของเขาทั้งหมด แล้วเขาในตอนนี้ กำลังหลับตาอยู่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท