พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่894 ฉันไม่มีญาติอย่างพวกแก

บทที่894 ฉันไม่มีญาติอย่างพวกแก

บทที่894 ฉันไม่มีญาติอย่างพวกแก

ทุกคนของตระกูลลัดดาวัลย์ล้วนตะลึงกับพลังที่ทั้งคู่ปล่อยมาเป็นครั้งสุดท้าย กำลังดูคฤหาสน์พังลงไป ทุกคนล้วนตกใจจนพูดไม่ออก

“นี่……นี่คือพลังทำลายร้างของแดนดั่งเทพหรือเนี่ย?” ดำเกิงกำลังดูภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วพึมพำกับตัวเอง

“ดูๆไปสิ่งที่อาจารย์พูดไว้นั้นไม่มีผิดเลย เพียงแค่เป็นแดนดั่งเทพ จึงจะถือว่าแข็งแกร่ง ฝีมืออันน้อยนิดของเราในตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งจริงๆ มันต่างกันมากเลย”ปวัตรอุทานออกมา

ประวีร์และดิลวิลทั้งสู้ขาเริ่มสั่น พวกเขาไม่คิดมาก่อน ว่าจะมีคนที่ใช้พลัง แล้วจะทำลายล้างสูงแบบนี้

ในสายตาของพวกเขา ไม่ถือว่าเป็นมนุษย์อีกแล้ว มีแค่เทพเท่านั้นที่จะมีพลังแบบนี้

รพีพงษ์ได้ออกมาด้านนอกก่อนที่คฤหาสน์จะพังลง แต่ปรินทรไม่ทันได้ระวังตัว ดูตามสถานการณ์น่าจะถูกบ้านทับไปแล้ว

สถานการณ์ของปรินทรในตอนนี้เป็นอย่างไร รพีพงษ์ก็ไม่มั่นใจ การจู่โจมเมื่อกี้ใช้พลังทั้งหมดที่มีของเขา และท่านี้มาจากพลังท่าของวิเศษเสนที่เยี่ยมที่สุด ตามสถานการณ์ไม่มีแดนดั่งเทพขั้นต้นคนไหนที่จะสามารถรับกับการจู่โจมในครั้งนี้ได้

ทุกคนเห็นรพีพงษ์กำลังยืนอยู่บนพื้นหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะเมื่อกี้ ก็โล่งอกกัน

แต่ไม่มีใครรู้ถึงสถานการณ์ของปรินทรในตอนนี้ ดังนั้นทุกคนยังคงร้อนรนอยู่เช่นเคย

รพีพงษ์เดินไปที่ซากปรักหักพัง ด้านใต้ของซีเมนต์บอร์ด เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด ปรินทรที่ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว

เห็นปรินทรเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็โล่งอก จากลักษณะของเขาแล้ว อยากจะมีชีวิตต่อไปน่าจะยากแล้ว

รพีพงษ์เดินไป ยื่นมือไปเอาซีเมนต์บอร์ดนั้นออก คิดจะลากปรินทรออกมา

ในขณะเดียวกันนี้ ปรินทรก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน ลอยไปที่หน้ารพีพงษ์อย่างเร็ว จะบีบคอเขา

รพีพงษ์มีลางสังหรณ์ ความรู้สึกนั้นมันค่อนข้างลึกลับ เหมือนกับจิตของเขากำลังบอกว่าปรินทรแกล้งตายอย่างไรอย่างนั้น เขาตั้งรับ เตรียมที่จะบีบคอปรินทร ออกแรง แล้วดันเขาลงกับพื้น

จากนั้นรพีพงษ์ก็ไปที่ปรินทรอย่างรวดเร็ว ย่อลงไป หลังจากที่บีบคอเขาจนหักแล้ว จึงได้ผ่อนแรงลง

เสร็จสิ้นทุกอย่าง รพีพงษ์ก็รู้สึกเมื่อยเนื้อครั่นตัว ขาสองข้างก็เบาหวิว แล้วนั่งลงกับพื้น

ทุกคนเห็นเหตุการณ์ ก็รีบวิ่งที่หารพีพงษ์ พยุงเขาขึ้นมาจากพื้น

“ศิษย์พี่ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ดำเกิงถามอย่างเป็นห่วง

“หยิบมือถือของแกแล้วอัดคลิปเหตุการณ์ที่นี่ไว้ เน้นที่ปรินทร” รพีพงษ์กล่าว

ดำเกิงชะงัก ไม่เข้าใจว่าคืออะไร?

“อัดคลิปทำไม?” ดำเกิงถาม

รพีพงษ์ไม่ตอบคำถามของดำเกิง จากนั้นก็รู้สึกบ้านหมุน แล้วก็เป็นลมไป

ดำเกิงเขย่าตัวรพีพงษ์อย่างแรง แล้วถาม “ศิษย์พี่ ยังไม่บอกเลยว่าอัดคลิปทำไม ทำไมเป็นลมไปก่อนเนี่ย”

ไอ้อ้วนที่อยู่ข้างๆมองเขา แล้วกล่าว “ลูกพี่อยากจะเก็บการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเอาไว้เป็นที่ระลึกมั้ง แกไม่ต้องถามมาก ให้แกอัดคลิปก็อัดไปเถอะ”

ดำเกิงคิดแล้วคิดอีกก็คิดได้ว่าอาจจะเป็นแบบนี้จริงๆ จึงได้หยิบมือถือของตัวเองออกมา แล้วถ่ายคลิปไว้

ความจริงแล้วที่รพีพงษ์ให้ดำเกิงเอามือถือถ่ายคลิปในเหตุการณ์เอาไว้ ก็เป็นเพราะว่าอยากที่จะพิสูจน์เป็นกลุ่มสิงโตว่าตนเป็นคนฆ่าปรินทรด้วยตัวเอง เพื่อที่จะเอาผลงาน

กฎของกลุ่มสิงโตคือ เพียงแค่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนนี้เป็นคนที่ตัวเองปริชีพ ก็สามารถเอาผลงานได้ ด้วยวิธีใดๆก็ตาม รพีพงษ์อยู่ในสถานการณ์คับขัน วิธีที่คิดได้คือการถ่ายคลิป

อารียาเดินไปที่รพีพงษ์ มองไปยังผู้ชายที่ช่วยชีวิตเธอไว้อีกครั้ง ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็กล่าวว่า “ฉันดูแลรพีพงษ์เอง เขาน่าจะเหนื่อยแล้ว ดังนั้นต้องการพักผ่อน พวกคุณไปจัดการเรื่องคฤหาสน์ล่ะกัน

ทุกคนพยักหน้า ดำเกิงมอบรพีพงษ์ให้อารียา

“พี่สะใภ้ จะเอาไงกับพวกมันทั้งสองดี?” ไอ้อ้วนชี้ไปที่ประวีร์และดิลวิลที่กำลังตัวสั่น

อารียามองไปที่พวกเขาทั้งคู่ ด้วยสายตาเยือกเย็น

“เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องที่พวกมันทั้งสองไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แม้พวกมันจะมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับฉัน แต่ฉันก็ไม่มีทางปล่อยพวกมันเอาไว้แน่ ยำพวกมัน แล้วขังไว้ รอให้รพีพงษ์ตื่นแล้วค่อยจัดการมัน” อารียากล่าว

ไออ้วนพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ประวีร์และดิลวิลด้วยรอยยิ้มอันแสนชั่วร้าย

ประวีร์และดิลวิลทั้งคู่ร้อนรน ยังไงพวกเขาก็ไม่คาดคิด ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาราวกับเทพนั้น จะตายด้วยน้ำมือของรพีพงษ์ พวกเขาอยากหนีก็หนีไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกำลังจะตกนรกอย่างไรอย่างนั้น

ประวีร์จ้องไปที่อารียา จากนั้นก็คุกเข่าต่อหน้าเธอ แล้วอ้อนวอน “น้องสาว พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องพาเขามาเกียวโต ตอนนี้เขาตายแล้ว แกก็สบายดี ถือเสียว่าเห็นแก่ความเป็นญาติของเรา ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ”

อารียาดูแคลน แล้วกล่าว “ฉันไม่มีญาติอย่างพวกแก เรื่องนี้ฉันไม่มีทางปล่อยพวกแกเอาไว้แน่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเถอะ”

ดิลวิลเห็นประวีร์คุกเข่าต่อหน้าอารียาแล้วยังไม่เป็นผล ก็แสดงสีหน้าที่โศกเศร้าออกมา ในใจเขา เขาก็ยังคงเป็นผู้อาวุโสของอารียา คนที่อายุน้อยกว่าจะกล้าทำคนที่อายุมากกว่าได้ลงหรอ

“อารียา พอประมาณก็พอแล้ว ประวีร์ก็คุกเข่าให้แกแล้ว แกยังจะอะไรอีก แกก็สบายดีไม่ใช่หรอ ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็เป็นญาติของแกนะ หรือแม้แต่ญาติระดับนี้แกก็ไม่นับแล้ว?” ดิลวิลกล่าว

ประวีร์ได้ยินคำพูดนี้ของดิลวิลก็หน้าซีด พ่อของเขาไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เลย

อารียาได้ฟังคำพูดของประวีร์ ก็หัวเราะ เธอจ้องไปที่ดิลวิล จากนั้นก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ขอโทษนะ ฉันไม่นับญาติอย่างพวกแกจริงๆ เอาพวกมันไป”

ไออ้วนเดินไปด้านหน้าของทั้งสอง ตบไปที่มือของดิลวิล แล้วด่า “มึงกล้าพูดกับพี่สะใภ้แบบนี้หรอ อยากตายใช่มั้ย มึงคิดว่ามึงเป็นใคร กล้ามานับญาติกับคุณนายของตระกูลลัดดาวัลย์ ฝันไปเถอะ!”

จากนั้นดิลวิลและประวีร์ทั้งคู่ก็ถูกไอ้อ้วนตบตี แล้วพาออกไปจากที่นี่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท