บทที่907 เดินทางไปเมืองอยู่เย็น
ผ่านไปหลายวัน สนามบินเกียวโต
รพีพงษ์และหงส์ทั้งคู่ขึ้นเครื่องบิน หลังจากหาที่นั่งของตัวเองเจอ ก็นั่งลง
ปลายทางของพวกเขาคือเมืองอยู่เย็น เป็นสถานที่จัดงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์
ตามที่บนการ์ดเขียนไว้ สถานที่จัดงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ ที่เมืองอยู่เย็นมีตระกูลกิติมหาคุณ ตระกูลกิติมหาคุณไม่ได้มีชื่อเสียงระดับโลกมากนัก แต่นายใหญ่ของเมืองอยู่เย็น ไม่มีใครกล้าดูถูกตระกูลกิติมหาคุณ
รพีพงษ์ไปหาข้อมูลตระกูลกิติมหาคุณมาโดยเฉพาะ รู้มาว่าตระกูลกิติมหาคุณที่เมืองอยู่เย็นมีศักดิ์ศรีอยู่มาก เพราะตระกูลกิติมหาคุณมีอาจารย์ฮวงจุ้ยหลายคน เหล่าอาจารย์ฮวงจุ้ยที่ตระกูลปิยศักดิ์ไม่ใช่ที่รพีพงษ์เคยเห็น ข่าวลือของอาจารย์ฮวงจุ้ยตระกูลกิติมหาคุณ ล้วนมีพลังเวทมนต์
ที่เมืองอยู่เย็นมีตำนานมากมายเกี่ยวกับอาจารย์พวกนั้นของตระกูลกิติมหาคุณ บ้างก็พูดว่าอาจารย์ของตระกูลกิติมหาคุณมีพลังอิเนี่ยนคายฮวา บ้างก็พูดว่าอาจารย์ของตระกูลกิติมหาคุณใช้ยันต์ได้อย่างยอดเยี่ยม เก่งกว่านักพรตเต๋าในทีวีเป็นหลายร้อยเท่า บ้างก็พูดว่าอาจารย์ของตระกูลกิติมหาคุณเชี่ยวชาญในค่ายกลกระบี่ เมื่อใช้ค่ายกลกระบี่ออกมาอานุภาพอย่างมาก ถ้าคนธรรมดาเข้าไปเสียชีวิตนับไม่ถ้วน
และตระกูลนิธิมหาคุณ นิธินาถ ถูกขนานนามว่าเป็นอาจารย์ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองอยู่เย็นวิชาเวทย์ เขาเคยแสดงพลังวิเศษต่อหน้าคนของเมืองอยู่เย็น แค่ใช้พลังจิต บังคับวิชากระบี่ ให้ทำลายคนห้าคนที่รวมตัวกันอยู่ที่ต้นไม้ในระยะห้าร้อยเมตรได้
ทุกคนล้วนคิดว่านิธินาถเป็นเทพจุติมาเกิน มิเช่นนั้นจะใช้จิตควบคุมวิชากระบี่ได้อย่างไร นี่มีเพียงเทพเซียนเท่านั้นที่มีความสามารถแบบนี้
ตอนที่รพีพงษ์เห็นข่าวลือเกี่ยวกับนิธินาถ ก็ตะลึง ไม่คาดคิดว่านิธินาถนี้จะมีพลังจิตควบคุมกระบี่ได้ ไม่รู้ว่าวิธีที่เขาควบคุมกระบี่นั้น จะใช้พลังจิตหรือไม่
คนธรรมดาล้วนคิดว่าตระกูลกิติมหาคุณเพื่อทำให้พวกเขาดูลี้ลับตั้งใจปล่อยเขาให้ดูยิ่งใหญ่ แต่ในวงการของวิชาเวทย์ ทุกคนล้วนรู้ว่าคนของตระกูลกิติมหาคุณมีความสามารถ
โดยเฉพาะวิชากระบี่ของนิธินาถนั้น ชั่งยอดเยี่ยมจริงๆ สามารถควบคุมคิดผ่านอากาศได้ น่ากลัวจริงๆ
และที่ตระกูลกิติมหาคุณจัดการประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ หนึ่งคือเพียงเพื่อแสดงความสามารถของคนตระกูลกิติมหาคุณ ให้ทุกคนของโลกวิชาเวทย์ได้รับรู้ถึงความสามารถที่ตระกูลกิติมหาคุณมีทั้งหมด เพื่อความมีเสถียรภาพในวงการวิชาเวทย์ของตระกูลกิติมหาคุณ
และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ตระกูลกิติมหาคุณจะโชว์ของล้ำค่าให้ทุกคนในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ดู ของล้ำค่านี้ตระกูลกิติมหาคุณได้ศึกษามาหลายปี แต่ไม่เข้าใจมาตลอดว่าของสิ่งนี้เอาไว้ทำอะไร
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ของล้ำค่านี้ไม่ใช่ก็ทั่วไป เมื่อรู้ประโยชน์ของของล้ำค่านี้แล้ว ตระกูลกิติมหาคุณจะต้องได้รับประโยชน์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่เพราะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าของล้ำค่านี้ใช้ยังไง ดังนั้นคนของตระกูลกิติมหาคุณจึงรวบรวมยอดฝีมือของวงการวิชาเวทย์ ดูว่าจะสามารถหาวิธีใช้ของล้ำค่านี่ได้หรือไม่
ถ้ามีคนเข้าใจของล้ำค่านี้ของตระกูลกิติมหาคุณ จะได้รางวัลจากตระกูลกิติมหาคุณ ดังนั้นครั้งนี้มีคนจำนวนมากมาเพื่อของล้ำค่าของตระกูลกิติมหาคุณนี้
เพราะอยากไขปริศนาของของล้ำค่า ตระกูลกิติมหาคุณจึงได้เชิญยอดฝีมือจำนวนมากเข้าร่วมตระกูลกิติมหาคุณ ไม่ว่าจะเป็นเข้ามาฝ่ายดีหรือฝ่ายร้าย ตระกูลกิติมหาคุณก็ไม่รังเกียจ ดังนั้นปรินทรและทัดธนคนแบบนี้จึงได้รับบัตรเชิญของตระกูลกิติมหาคุณ
หลังจากที่เข้าใจงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์แล้ว รพีพงษ์ก็รู้ว่าควรจะประพฤติตัวในครั้งนี้อย่างไร ถ้าตระกูลกิติมหาคุณไม่ทำอะไรที่ทำลายมากนัก รพีพงษ์ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องตระกูลกิติมหาคุณ
เขาก็จะดูในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ ว่ามียอดฝีมือพลังจิตบ้างมั้ย ดูว่าสามารถขอความรู้เกี่ยวกับพลังจิตจากอีกฝั่งได้หรือไม่
ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินเริ่มบิน รพีพงษ์หลับตา ก็ได้ปล่อยพลังจิตออกมาโดยธรรมชาติ อยากจะใช้พลังจิตตรวจสอบดูผู้คนรอบๆ
ในขณะที่เขาใช้พลังจิตนั้น เขารับรู้ได้ถึงผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ด้านหน้าห่างจากเขาไม่ไกลได้ปล่อยพลังออกมา ดูๆไปฝั่งนั้นก็มีพลังจิตเช่นกัน
ตอนที่พลังจิตของรพีพงษ์ไปที่ผู้เฒ่านั้น ผู้เฒ่าก็รับรู้ได้เช่นกัน จึงได้หันมองดู
รพีพงษ์เปิดตา สบตากับผู้เฒ่าคนนั้น ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นผู้เฒ่าก็หันกลับไป
หงส์สังเกตท่าทีของรพีพงษ์ ถาม “ทำไมหรอ?”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่มีอะไร การประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ จะมีคนที่ไม่ธรรมดาเข้าร่วมด้วย”
หงส์รู้สึกมึนงง ไม่รู้ว่าทำไมรพีพงษ์ถึงพูดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ดูไปที่นิตยสารที่บนเครื่องจัดเตรียมไว้ให้ต่อไป
หลังจากที่ผู้เฒ่าหันหลังกลับไป ก็เกิดความสงสัยอย่างมาก คนที่นั่งข้างเขาเป็นหญิงงามอายุยี่สิบกว่าปี หญิงสาวเห็นผู้เฒ่ามีท่าทีสงสัย จึงได้ถามไปว่า “คุณปู่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าส่ายหน้า กล่าว “เมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนด้านหลังมีพลังจิตวิญญาณเทพปล่อยมาทางนี้ จากนั้นวัยรุ่นคนนั้นก็สบตากับฉันฉันน่าจะรู้สึกไปเอง เด็กคนนั้นยังวัยรุ่น จะมีจิตวิญญาณเทพได้ไงกัน สงสัยช่วงนี้ฉันศึกษาจิตวิญญาณเทพจึงลุ่มหลงเกินไป ดังนั้นจึงรู้สึกไปเอง”
“ในโลกนี้ ไม่มีคนที่มีจิตวิญญาณเทพอยู่ แล้วจะมีคนใช้จิตวิญญาณเทพสังเกตการณ์ได้ไงกัน”
ผู้หญิงมองไปด้านหลัง เห็นรพีพงษ์เป็นคนธรรมดา จึงพูดกับผู้เฒ่าว่า “บางทีช่วงนี้คุณปู่อาจจะเหนื่อยเกินไป แต่ครั้งนี้ที่ตระกูลกิติมหาคุณจัดงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ น่าจะมียอดฝีมือมาเยอะ บางทีอาจจะมีคนที่ช่วยพี่สาวได้นะ ตระกูลกิติมหาคุณมีของล้ำค่านั้น ถ้าเราสามารถเปิดความลับของของสิ่งนั้นได้ ไม่แน่ก็ไม่ต้องการคนที่มีจิตวิญญาเทพ ก็สามารถช่วยพี่สาวได้แล้วก็ได้”
ผู้เฒ่าถอนหายใจ แล้วพึมพำ “หวังว่าอย่างนั้น ถ้าครั้งนี้ฉันหาคนหรือวิธีที่จะช่วยพี่แกไม่ได้ พี่ของแกเกรงว่าจะ……เฮ้อ”
สีหน้าของหญิงสาวจริงจัง ก้มหน้าแล้วสงบลง
หลังจากที่เครื่องบินถึงเมืองอยู่เย็นแล้วนั้น รพีพงษ์กับหงส์ออกจากสนามบินไป ไปหาโรงแรมด้วยกัน วางของลงเรียบร้อยแล้ว ก็ไปที่ภัตตาคารของโรงแรมเพื่อทานอาหาร
“ได้ยินมาว่าเมืองอยู่เย็นมีเขาสวยน้ำใส ทิวทัศน์งดงาม ประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีอาหารอร่อยอีกมากมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่หนึ่ง อีกสามวันถึงประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ พวกเราสามารถฉวยโอกาสนี้เที่ยวที่เมืองอยู่เย็น ผ่อนคลายสักหน่อย” รพีพงษ์มองหงส์แล้วกล่าว
หงส์ตาโต คนนี้ จะเที่ยวเมื่ออยู่เย็นกับเธอ นี่มันเดทหรือเปล่าเนี่ย