พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่907 เดินทางไปเมืองอยู่เย็น

บทที่907 เดินทางไปเมืองอยู่เย็น

บทที่907 เดินทางไปเมืองอยู่เย็น

ผ่านไปหลายวัน สนามบินเกียวโต

รพีพงษ์และหงส์ทั้งคู่ขึ้นเครื่องบิน หลังจากหาที่นั่งของตัวเองเจอ ก็นั่งลง

ปลายทางของพวกเขาคือเมืองอยู่เย็น เป็นสถานที่จัดงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์

ตามที่บนการ์ดเขียนไว้ สถานที่จัดงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ ที่เมืองอยู่เย็นมีตระกูลกิติมหาคุณ ตระกูลกิติมหาคุณไม่ได้มีชื่อเสียงระดับโลกมากนัก แต่นายใหญ่ของเมืองอยู่เย็น ไม่มีใครกล้าดูถูกตระกูลกิติมหาคุณ

รพีพงษ์ไปหาข้อมูลตระกูลกิติมหาคุณมาโดยเฉพาะ รู้มาว่าตระกูลกิติมหาคุณที่เมืองอยู่เย็นมีศักดิ์ศรีอยู่มาก เพราะตระกูลกิติมหาคุณมีอาจารย์ฮวงจุ้ยหลายคน เหล่าอาจารย์ฮวงจุ้ยที่ตระกูลปิยศักดิ์ไม่ใช่ที่รพีพงษ์เคยเห็น ข่าวลือของอาจารย์ฮวงจุ้ยตระกูลกิติมหาคุณ ล้วนมีพลังเวทมนต์

ที่เมืองอยู่เย็นมีตำนานมากมายเกี่ยวกับอาจารย์พวกนั้นของตระกูลกิติมหาคุณ บ้างก็พูดว่าอาจารย์ของตระกูลกิติมหาคุณมีพลังอิเนี่ยนคายฮวา บ้างก็พูดว่าอาจารย์ของตระกูลกิติมหาคุณใช้ยันต์ได้อย่างยอดเยี่ยม เก่งกว่านักพรตเต๋าในทีวีเป็นหลายร้อยเท่า บ้างก็พูดว่าอาจารย์ของตระกูลกิติมหาคุณเชี่ยวชาญในค่ายกลกระบี่ เมื่อใช้ค่ายกลกระบี่ออกมาอานุภาพอย่างมาก ถ้าคนธรรมดาเข้าไปเสียชีวิตนับไม่ถ้วน

และตระกูลนิธิมหาคุณ นิธินาถ ถูกขนานนามว่าเป็นอาจารย์ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองอยู่เย็นวิชาเวทย์ เขาเคยแสดงพลังวิเศษต่อหน้าคนของเมืองอยู่เย็น แค่ใช้พลังจิต บังคับวิชากระบี่ ให้ทำลายคนห้าคนที่รวมตัวกันอยู่ที่ต้นไม้ในระยะห้าร้อยเมตรได้

ทุกคนล้วนคิดว่านิธินาถเป็นเทพจุติมาเกิน มิเช่นนั้นจะใช้จิตควบคุมวิชากระบี่ได้อย่างไร นี่มีเพียงเทพเซียนเท่านั้นที่มีความสามารถแบบนี้

ตอนที่รพีพงษ์เห็นข่าวลือเกี่ยวกับนิธินาถ ก็ตะลึง ไม่คาดคิดว่านิธินาถนี้จะมีพลังจิตควบคุมกระบี่ได้ ไม่รู้ว่าวิธีที่เขาควบคุมกระบี่นั้น จะใช้พลังจิตหรือไม่

คนธรรมดาล้วนคิดว่าตระกูลกิติมหาคุณเพื่อทำให้พวกเขาดูลี้ลับตั้งใจปล่อยเขาให้ดูยิ่งใหญ่ แต่ในวงการของวิชาเวทย์ ทุกคนล้วนรู้ว่าคนของตระกูลกิติมหาคุณมีความสามารถ

โดยเฉพาะวิชากระบี่ของนิธินาถนั้น ชั่งยอดเยี่ยมจริงๆ สามารถควบคุมคิดผ่านอากาศได้ น่ากลัวจริงๆ

และที่ตระกูลกิติมหาคุณจัดการประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ หนึ่งคือเพียงเพื่อแสดงความสามารถของคนตระกูลกิติมหาคุณ ให้ทุกคนของโลกวิชาเวทย์ได้รับรู้ถึงความสามารถที่ตระกูลกิติมหาคุณมีทั้งหมด เพื่อความมีเสถียรภาพในวงการวิชาเวทย์ของตระกูลกิติมหาคุณ

และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ตระกูลกิติมหาคุณจะโชว์ของล้ำค่าให้ทุกคนในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ดู ของล้ำค่านี้ตระกูลกิติมหาคุณได้ศึกษามาหลายปี แต่ไม่เข้าใจมาตลอดว่าของสิ่งนี้เอาไว้ทำอะไร

แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ของล้ำค่านี้ไม่ใช่ก็ทั่วไป เมื่อรู้ประโยชน์ของของล้ำค่านี้แล้ว ตระกูลกิติมหาคุณจะต้องได้รับประโยชน์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้อย่างแน่นอน

แต่เพราะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าของล้ำค่านี้ใช้ยังไง ดังนั้นคนของตระกูลกิติมหาคุณจึงรวบรวมยอดฝีมือของวงการวิชาเวทย์ ดูว่าจะสามารถหาวิธีใช้ของล้ำค่านี่ได้หรือไม่

ถ้ามีคนเข้าใจของล้ำค่านี้ของตระกูลกิติมหาคุณ จะได้รางวัลจากตระกูลกิติมหาคุณ ดังนั้นครั้งนี้มีคนจำนวนมากมาเพื่อของล้ำค่าของตระกูลกิติมหาคุณนี้

เพราะอยากไขปริศนาของของล้ำค่า ตระกูลกิติมหาคุณจึงได้เชิญยอดฝีมือจำนวนมากเข้าร่วมตระกูลกิติมหาคุณ ไม่ว่าจะเป็นเข้ามาฝ่ายดีหรือฝ่ายร้าย ตระกูลกิติมหาคุณก็ไม่รังเกียจ ดังนั้นปรินทรและทัดธนคนแบบนี้จึงได้รับบัตรเชิญของตระกูลกิติมหาคุณ

หลังจากที่เข้าใจงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์แล้ว รพีพงษ์ก็รู้ว่าควรจะประพฤติตัวในครั้งนี้อย่างไร ถ้าตระกูลกิติมหาคุณไม่ทำอะไรที่ทำลายมากนัก รพีพงษ์ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องตระกูลกิติมหาคุณ

เขาก็จะดูในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ ว่ามียอดฝีมือพลังจิตบ้างมั้ย ดูว่าสามารถขอความรู้เกี่ยวกับพลังจิตจากอีกฝั่งได้หรือไม่

ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินเริ่มบิน รพีพงษ์หลับตา ก็ได้ปล่อยพลังจิตออกมาโดยธรรมชาติ อยากจะใช้พลังจิตตรวจสอบดูผู้คนรอบๆ

ในขณะที่เขาใช้พลังจิตนั้น เขารับรู้ได้ถึงผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ด้านหน้าห่างจากเขาไม่ไกลได้ปล่อยพลังออกมา ดูๆไปฝั่งนั้นก็มีพลังจิตเช่นกัน

ตอนที่พลังจิตของรพีพงษ์ไปที่ผู้เฒ่านั้น ผู้เฒ่าก็รับรู้ได้เช่นกัน จึงได้หันมองดู

รพีพงษ์เปิดตา สบตากับผู้เฒ่าคนนั้น ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นผู้เฒ่าก็หันกลับไป

หงส์สังเกตท่าทีของรพีพงษ์ ถาม “ทำไมหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่มีอะไร การประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ จะมีคนที่ไม่ธรรมดาเข้าร่วมด้วย”

หงส์รู้สึกมึนงง ไม่รู้ว่าทำไมรพีพงษ์ถึงพูดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ดูไปที่นิตยสารที่บนเครื่องจัดเตรียมไว้ให้ต่อไป

หลังจากที่ผู้เฒ่าหันหลังกลับไป ก็เกิดความสงสัยอย่างมาก คนที่นั่งข้างเขาเป็นหญิงงามอายุยี่สิบกว่าปี หญิงสาวเห็นผู้เฒ่ามีท่าทีสงสัย จึงได้ถามไปว่า “คุณปู่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ผู้เฒ่าส่ายหน้า กล่าว “เมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนด้านหลังมีพลังจิตวิญญาณเทพปล่อยมาทางนี้ จากนั้นวัยรุ่นคนนั้นก็สบตากับฉันฉันน่าจะรู้สึกไปเอง เด็กคนนั้นยังวัยรุ่น จะมีจิตวิญญาณเทพได้ไงกัน สงสัยช่วงนี้ฉันศึกษาจิตวิญญาณเทพจึงลุ่มหลงเกินไป ดังนั้นจึงรู้สึกไปเอง”

“ในโลกนี้ ไม่มีคนที่มีจิตวิญญาณเทพอยู่ แล้วจะมีคนใช้จิตวิญญาณเทพสังเกตการณ์ได้ไงกัน”

ผู้หญิงมองไปด้านหลัง เห็นรพีพงษ์เป็นคนธรรมดา จึงพูดกับผู้เฒ่าว่า “บางทีช่วงนี้คุณปู่อาจจะเหนื่อยเกินไป แต่ครั้งนี้ที่ตระกูลกิติมหาคุณจัดงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ น่าจะมียอดฝีมือมาเยอะ บางทีอาจจะมีคนที่ช่วยพี่สาวได้นะ ตระกูลกิติมหาคุณมีของล้ำค่านั้น ถ้าเราสามารถเปิดความลับของของสิ่งนั้นได้ ไม่แน่ก็ไม่ต้องการคนที่มีจิตวิญญาเทพ ก็สามารถช่วยพี่สาวได้แล้วก็ได้”

ผู้เฒ่าถอนหายใจ แล้วพึมพำ “หวังว่าอย่างนั้น ถ้าครั้งนี้ฉันหาคนหรือวิธีที่จะช่วยพี่แกไม่ได้ พี่ของแกเกรงว่าจะ……เฮ้อ”

สีหน้าของหญิงสาวจริงจัง ก้มหน้าแล้วสงบลง

หลังจากที่เครื่องบินถึงเมืองอยู่เย็นแล้วนั้น รพีพงษ์กับหงส์ออกจากสนามบินไป ไปหาโรงแรมด้วยกัน วางของลงเรียบร้อยแล้ว ก็ไปที่ภัตตาคารของโรงแรมเพื่อทานอาหาร

“ได้ยินมาว่าเมืองอยู่เย็นมีเขาสวยน้ำใส ทิวทัศน์งดงาม ประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังมีอาหารอร่อยอีกมากมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่หนึ่ง อีกสามวันถึงประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ พวกเราสามารถฉวยโอกาสนี้เที่ยวที่เมืองอยู่เย็น ผ่อนคลายสักหน่อย” รพีพงษ์มองหงส์แล้วกล่าว

หงส์ตาโต คนนี้ จะเที่ยวเมื่ออยู่เย็นกับเธอ นี่มันเดทหรือเปล่าเนี่ย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท