พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่913 การแสดงอิทธิฤทธิ์

บทที่913 การแสดงอิทธิฤทธิ์

บทที่913 การแสดงอิทธิฤทธิ์

เรวัตกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับความสยดสยองบนใบหน้า การเตะเมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์นั้น น่ากลัวจริงๆ เขายังไม่ทันตอบสนองกลับคืนมา ร่างกายก็ฝังเข้าไปในกำแพงแล้ว

“เกิด….เกิดอะไรขึ้น? แกควรจะเชื่อฟังเป็นอย่างดีถึงจะถูก ทำไม…..”

เสียงของเรวัตเล็กลงเรื่อยๆ การเตะของรพีพงษ์อาจทำให้อวัยวะภายในของเขาแตกกระจาย เขาอยากมีชีวิตอยู่ คงต้องรอให้เทพเจ้ามาช่วย

จิรัสย์พวกเขาทั้งสามคนต่างก็ตกใจกับการเตะอย่างกะทันหันของรพีพงษ์ เมื่อเห็นเรวัตถูกเตะเข้ากำแพงไปทันที ทั้งสามคนก็รู้ว่า ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ไม่ธรรมอย่างแน่นอน

“ให้ตายเถอะ เรวัตกลับพายอดฝีมือกลับมา รีบสร้างค่ายกล จัดการคนนี้ก่อน ค่อยจัดการกับเรื่องที่เหลือ”

จิรัสย์ตะโกนเสียงดัง จากนั้นออกจากด้านข้างโต๊ะนั้นอย่างรวดเร็ว บนมือก็ไม่หยุดที่จะจีบมือร่ายมนต์ ดูไปแล้วลึกลับผิดปกติ

ธรณินทร์และนิรวิทย์ทั้งสองคนรีบไปยืนอยู่ข้างหลังของจิรัสย์ จีบมือร่ายมนต์ เหมือนกับจิรัสย์ ในพริบตาเดียว ทั่วร่างกายทั้งสามคนเปล่งแสงสีดำที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าออกมา ดูไปแล้วแปลกเล็กน้อย

รพีพงษ์จับมุรามาสะด้วยมือข้างเดียว ดึงมันออกมาจากฝัก จากนั้นหรี่ตามองไปที่ทั้งสามคนแวบหนึ่ง แววตามาพร้อมกับความระมัดระวัง

ยอดฝีมือวิชาเวทย์เหล่านี้แตกต่างจากยอดฝีมือเน่ยจิ้งเป็นอย่างมาก การโจมตีของพวกเขามักจะจู่โจมอย่างฉับพลันขณะที่อีกฝ่ายเผลอ ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่กล้าที่จะประมาท

จิรัสย์มองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชาว่า: “เด็กน้อย แกเป็นใคร? จุดประสงค์ของการมาที่นี่คืออะไร?”

รพีพงษ์ส่งเสียงเย็นชา เอ่ยปากว่า: “สิ่งนี้ฉันควรจะถามพวกแกมากกว่า ฉันได้รับให้มาร่วมงานเลี้ยงค็อกเทล แต่เกือบจะถูกควบคุมจิตใจ แล้วจุดประสงค์ของพวกแกคืออะไร?”

“ฉันไม่ชอบวิธีการทางไสยศาสตร์ ในเมื่อวันนี้มาเจอเข้า ถ้าอย่างนั้นก็จะทวงความยุติแทนสวรรค์ เพื่อไม่ให้ผู้หญิงเหล่านี้ถูกพวกแกทำลาย”

จิรัสย์หรี่ตาลง พูดอย่างเย็นชาว่า: “ความแข็งแกร่งของแกไม่เลวจริงๆ สามารถรอดพ้นจากวิชาสะกดจิตของพวกเรามาได้ และสามารถเตะคนเข้ากำแพงได้ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว แต่พวกเราสามพี่น้องทะยานไปทั่วสารทิศมาหลายปีขนาดนี้ นักรบยอดฝีมือแดนดั่งเทพอย่างพวกแกก็เคยฆ่ามาแล้ว อย่างแกอยากจัดการพวกเรา แค่คนปัญญาอ่อนเพ้อฝันจริงๆ”

“พวกเรากลายเป็นค่ายผูกวิญญาณแล้ว ต่อให้แกจะความสามารถที่มากมาย ก็อย่าได้คิดเข้าใกล้พวกเราได้แม้แต่ครึ่งก้าว!”

“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะประลองดูว่าพวกแกจะมีความแข็งแกร่งแค่ไหน?”

ในขณะที่รพีพงษ์พูดอยู่ มุรามาสะเปล่งแสงออกมาอย่างฉับพลัน ดูไปแล้วสามารถปลดปล่อยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ตลอดเวลา

จิรัสย์เห็นว่ารพีพงษ์สามารถทำให้ร่างของกระบี่เปล่งแสงได้ ในใจก็ตกใจ เดาได้ว่ารพีพงษ์ก็น่าเป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพคนหนึ่ง

เขาไม่กล้าละเลย จีบมือร่ายมนต์ในทันที ตะโกนเสียงดัง: “รวบรวม!”

ต่อจากนั้น แสงสีดำทั่วตัวทั้งสามคนหลอมรวมเข้ามาทางรพีพงษ์ในชั่วพริบตา จากนั้นบนพื้น ลวดลายที่คล้ายกับเวทมนตร์คาถาสะกดก็ปรากฏขึ้น ล้อมรอบรพีพงษ์เข้าไป

รพีพงษ์ชักมุรามาสะในมือออกมา ฟันไปที่บนลวดลาย บนพื้นปรากฏหลุมขึ้นมาหนึ่งบ่อ แต่ลวดลายกลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

จิรัสย์หัวเราะเยาะรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “เด็กน้อย ค่ายผูกวิญญาณของพวกเรามุ่งเป้าไปที่จิตวิญญาณของมนุษย์ แกใช้พลังทางกายภาพ ไม่สามารถทำลายกลยุทธ์ของพวกเราทั้งสามคนได้ แต่ยังมีบางอย่างที่เป็นไปได้ น่าเสียดายที่แกรอแต่ให้พวกเราออกท่วงท่ามาโดยตลอด ตอนนี้ก่อตัวเป็นรูปร่างแล้ว แกไม่มีโอกาสชนะแล้ว!”

เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็กำลังจะพุ่งเข้าหาพวกเขาทั้งสามคน แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว เวทมนตร์คาถาสะกดบนพื้นก็เปล่งแสงออกมา ต่อจากนั้น ในหัวของรพีพงษ์ก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาอย่างฉับพลัน

จากนั้นพลังสีดำก็โผล่ออกมาจากเวทมนตร์คาถาสะกดห่อหุ้มร่างกายของรพีพงษ์ไว้ พันรอบลำคอของเขาในทันที

แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่พันรอบลำคอของตัวเอง แต่กลับเกิดความรู้สึกที่หายใจไม่ออก

ความรู้สึกแบบนี้ก็เหมือนราวกับว่าทำให้ในหัวสมองของตัวเองเกิดภาพลวงตา หัวสมองจะคิดว่ามีคนกำลังบีบตัวเองอยู่ ร่างกายก็จะตอบสนองเองตามธรรมชาติ ถ้าหัวสมองคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ต่อให้ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บ คนก็จะมีอาการสมองตายเกิดขึ้น

ถ้าหากจิรัสย์พวกเขาทั้งสามคนจัดการกับยอดฝีมือแดนดั่งเทพคนอื่น พบกับอำนาจจิตที่อ่อน อาจถูกสิ่งที่เรียกว่าค่ายผูกวิญญาณของพวกเขาฆ่าตายแบบนี้จริงๆ แต่รพีพงษ์เป็นคนที่มีพลังจิต จิตวิญญาณ ในหัวสมองเขาให้ความระวังกับจิตใจของตัวเองอยู่เสมอ แล้วจะปล่อยให้วิธีการแบบนี้คุกคามชีวิตตัวเองได้อย่างไร

เมื่อรพีพงษ์มองผ่านจากข้างใน แวบเดียวก็มองเห็นว่าพลังสีดำปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา จิตวิญญาณในสมองของเขาลืมตาขึ้น และยื่นมือตรงออกไป คว้าพลังนั้นไว้ จากนั้นสะบัดเบาๆ คลื่นพลังนั้นก็สลายไป

จากนั้นมีแสงที่แผ่ออกมาจากบนตัวของจิตวิญญาณ ตรงเข้าไปแยกพลังสีดำทั้งหมดที่จะเข้าสู่ในสมองของรพีพงษ์อยู่ภายนอก

ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่เรียกว่าค่ายผูกวิญญาณ ก็จะสูญเสียผลกระทบต่อรพีพงษ์ไปโดยสิ้นเชิง

ในใจรพีพงษ์ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิตวิญญาณในหัวสมองของตัวเองกลับแข็งแกร่งขนาดนี้ ตามที่จิรัสย์บอก ค่ายผูกวิญญาณของพวกเขาก็เคยฆ่ายอดฝีมือแดนดั่งเทพมาก่อน คาดไม่ถึงว่าจะอ่อนขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตวิญญาณของรพีพงษ์

ตัวเขาเองเริ่มสงสัยว่า ไม้เทพแดงไม่ได้ให้พลังจิตกับเขา แต่ทำให้เขามีกลยุทธ์อัศจรรย์บางอย่างที่คนธรรมดาไม่มี

จิรัสย์พวกเขาทั้งสามคนคิดว่ารพีพงษ์อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาแล้ว บนใบหน้าต่างก็แสยะยิ้ม คิดในใจว่านักรบเหล่านี้จองหองเกินไปแล้ว มักให้เวลาให้การจัดตั้งค่ายกลกับพวกเขาตลอด

แต่ในวินาทีต่อมา พวกเขาก็เห็นรพีพงษ์เดินถือกระบี่มาทางพวกเขา

“เกิดอะไรขึ้น รีบควบคุมเขา!”

จิรัสย์ตะโกน ทั้งสามคนก็จีบมือร่ายมนต์พร้อมกัน พลังที่อยู่เหนือเวทมนตร์คาถาสะกดครอบคลุมไปบนตัวของรพีพงษ์อย่างไม่หยุด แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลต่อรพีพงษ์

รพีพงษ์เก็บมุรามาสะกลับเข้าไปในฝัก กลยุทธ์ของทั้งสามคนไม่มีผลกับตัวเอง ถ้าอย่างนั้นพวกเขาอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องใช้มุรามาสะมาจัดการพวกเขา

เมื่อเห็นว่าค่อยผูกวิญญาณไม่มีผล เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาที่หน้าผากของจิรัสย์พวกเขาทั้งสามคน

“ทำไม….ทำไมล่ะ? ค่ายผูกวิญญาณทำไมไม่มีผลกับเขา? ต่อให้เขาจะมีอำนาจจิตที่แข็งแกร่ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย?”

รพีพงษ์มาถึงตรงหน้าจิรัสย์ กระตุกยิ้มมุมปากให้เขา และเอ่ยปากพูดว่า: “ฉันไม่เคยบอกว่านอกจากศิลปะการต่อสู้แล้ว ก็ไม่มีกลยุทธ์อื่น”

หลังจากพูดจบ เขาก็ตบลงไปที่บนหน้าของจิรัสย์ทันที จิรัสย์ล้มลงกับพื้นโดยที่ต้านทานไม่ได้

ธรณินทร์และนิรวิทย์ทั้งสองคนเห็นสิ่งนี้ หันกลับมากำลังจะวิ่งหนี รพีพงษ์เตะออกไปสองทีอย่างรวดเร็ว ให้พวกเขาล้มลงเหมือนสุนัขกินอุจจาระ

พวกเขาทั้งสามล้มลงไป ค่ายผูกวิญญาณก็สลายไปในทันที จิรัสย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความหวาดกลัว อยากจะให้วิชาสะกดจิตมาถ่วงเวลา

อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาใช้วิชาสะกดจิต เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่มองไม่เห็นได้บุกเข้ามาในสมองของเขา ต่อจากนั้น จิรัสย์ก็ร้องโอดโอย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียวในทันที คลานอาเจียนฟองขาวออก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท