พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่936 เนรคุณ

บทที่936 เนรคุณ

บทที่936 เนรคุณ

คฤหาสน์ตระกูลตรีศาสตร์ ในห้องของนลินี

ขณะนี้ในห้องเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากเมธีรา นลินีธีรนุชสามคน ยังมีระดับสูงของตระกูลตรีศาสตร์อีกหลายคน

ตอนนี้พวกเขาได้ล้วนดูไปที่รพีพงษ์ที่สีหน้าเคร่งเครียดที่กำลังปิดตาอยู่ กำลังปรึกษากันว่าจะช่วยรพีพงษ์หรือรอให้บรรพบุรุษตระกุลตรีศาสตร์สิงร่างรพีพงษ์แล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาดี

“คุณท่าน เพื่อการฟื้นคืนชีพในครั้งนี้ บรรพบุรุษได้เตรียมการไว้ตั้งห้าร้อยปีเลยนะ เพียงแค่บรรพบุรุษสามารถคืนชีพมาได้ ตระกูลตรีศาสตร์ของเราก็จะสามารถมีโอกาสกลับมาเจริญรุ่งเรืองได้ แม้จะเสียดายเด็กน้อยคนนี้ แต่เพื่อธุรกิจของตระกูลตรีศาสตร์ของเรา เสียสละเข้าไปสักคน ก็ไม่เป็นไรหรอก” ผู้เฒ่าท่านหนึ่งของตระกูลตรีศาสตร์กล่าว

“พูดถูก เรื่องที่บรรพบุรุษจะฟื้นคืนชีพนั้นเป็นเรื่องใหญ่ สำคัญสำหรับพวกเราตระกูลตรีศาสตร์ แล้วโอกาสแบบนี้ก็รอมาห้าร้อยปี ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป กว่าจะมีโอกาสก็ยากแล้ว” มีคนพูดขึ้นอีก

หลังจากที่นลินีและธีรนุชได้ยนิคำพูดนี้แล้ว ก็ไม่พอใจ

“หนูไม่ยอม รพีพงษ์จะช่วยหนูเลยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พวกคุณคิดที่จะทำร้ายเขา ให้เขาเป็นตัวเสียสละของตระกูลตรีศาสตร์ นี่มันไม่เป็นธรรมกับรพีพงษ์เลยนะ” กล่าวอย่างมีสัจธรรม

ธีรนุชที่ยืนอยู่ข้างๆก็พอจะรู้เหตุการณ์โดยคร่าวๆจากคำพูดของนลินี เธอแค่เป็นห่วงพี่สาวของเธอ ไม่สนเรื่องบรรพบุรุษตระกูลตรีศาสตร์ฟื้นคืนชีพ

ยิ่งไปกว่านั้นบรรพบุรุษคนนี้เดิมทีคิดที่จะสิงร่างของนลินี เพราะจิตวิญญาณเทพนลินีไม่ตื่นภวังค์ จึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

นี่ก็เหมือนกับรพีพงษ์ได้ช่วยชีวิตนลินี ดังนั้นธีรนุชรู้สึกซาบซึ้งต่อรพีพงษ์

บวกกับบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์น่าจะจิตไม่ปกติ แม้จะฟื้นคืนชีพ ก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ดี ดังนั้นเธอและนลินีคิดเหมือนกัน คือปฏิเสธให้บรรพบุรุษยืมร่างรพีพงษ์คืนชีพ

“หนูไม่เห็นด้วย ที่รพีพงษ์ตอบรับช่วยพี่สาวก็เมตตาและรักษาสัจจะแล้ว ตอนนี้พวกเรากลับจะทำร้ายเขา แบบนี้พวกเราตระกูลตรีศาสตร์ก็เป็นคนที่เนรคุณแล้วล่ะสิ? ธีรนุชจ้องไปที่ผู้เฒ่าทั้งหลายของตระกูลตรีศาสตร์แล้วกล่าว

ผู้เฒ่าทั้งหลายได้ยินสองพี่น้องคัดค้าน ก็โมโหขึ้นมา หนึ่งในนั้นกล่าว “นังหนูไร้เดียงสาทั้งสองจะรู้อะไร นี่เกี่ยวข้องกับการเจริญก้าวหน้าในอนาคตของตระกูลตรีศาสตร์ของเรานะ พวกเราอยู่อย่างเงียบๆมาหลายปีแล้ว แม้จะเป็นตระกูลนนท์สัจทัศน์ที่ไม่ได้เรื่อง ก็มีฐานะทางสังคมมากกว่าตระกูลตรีศาสตร์ของเราอีก หรือพวกแกอยากให้ตระกูลตรีศาสตร์เป็นแบบนี้ต่อไปหรือไง?”

“ท่านนั้นเป็นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ พวกเรากลายเป็นคนเนรคุณได้ไงกัน? พวกแกต่างหาก เด็กนี่มันก็แค่คนนอก มันจะเป็นจะตายเกี่ยวข้องอะไรกับเรา บรรพบุรุษฟื้นชีพมาได้ นี่สิถึงจะเป็นความหวังของตระกูลตรีศาสตร์” ผู้เฒ่าอีกคนกล่าวอีก

นลินีและธีรึนุชทั้งสองร้อนรน ไม่คาดคิดว่าระดับสูงของตระกูลตรีศาสตร์พวกนี้จะหน้าด้านได้ขนาดนี้ ตอนนี้เริ่มพูดว่ารพีพงษ์จะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว

ทั้งสองมองไปที่เมธีรา ด้วยสายตาอ้อนวอน

“คุณปู่ เมื่อก่อนตระกูลตรีศาสตร์ของเราไม่เคยมีแผนเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพอะไรนี่เลยนะ ปู่ให้รพีพงษ์มา ก็เพื่อช่วยพี่สาวเท่านั้น ตอนนี้พี่สาวตื่นเข้ามาแล้ว ถ้าพวกเราเฝ้ามองรพีพงษ์ถูกบรรพบุรุษสิงร่าง งั้นคุณธรรมของตระกูลตรีศาสตร์ ก็ไม่เหลือแล้วนะ!” ธีรนุชกล่าวอย่างวิงวอน

“ใช่คุณปู่ ตั้งแต่เล็กคุณปู่ได้สอนพวกเราได้รับพระคุณหนึ่งหยดพึงพรุยลำธารชดใช้ ถ้าตอนนี้เห็นรพีพงษ์จะตายแล้วยังไม่ช่วย ก็ทำผิดต่อกฏระเบียบในการประพฤติตนของพวกเราแล้วนะ?” นลินีก็พูดขึ้นมา

“ศีลธรรม กฏระเบียบอะไรนั่น เทียบกับการใหญ่ของตระกูลตรีศาสตร์ ไม่สำคัญอะไรเลย” ผู้อาวุโสของตระกูลตรีศาสตร์ต่อต้าน

เมธีราถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขาก็ลังเลมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ไม่มีใครรู้การสลบของนลินี ว่าเกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนชีพของบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์

ตอนนี้นลินีตื่นมาแล้ว พวกเขากลับเผชิญกับความยากลำบากว่าจะช่วยรพีพงษ์มั้ย

ถ้านับจากการสะสมประสบการณ์หลายปีของตระกูลตรีศาสตร์นี้ จะช่วยรพีพงษ์ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ตระกูลตรีศาสตร์อยู่ในระดับปานกลางมานาน เมธีราก็อยากเห็นตระกูลตรีศาสตร์เจริญก้าวหน้า

ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ข้างเตียงปิดตาสนิทอยู่นั้นได้เกิดการเคลื่อนไหวจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นมา ทุกคนในห้องล้วนรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ รีบจับของที่อยู่ข้างๆไว้ ตัวเองจะได้ไม่ล้มลง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมีพลังเก่งกาจเข้าไปในหัวอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งของตระกูลตรีศาสตร์ตะโกนออกมา

“บรรพบุรุษจะฟื้นคืนชีพแล้ว! ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ตอนนี้พวกเราไม่ต้องถกเถียงกันแล้ว นี่เป็นเป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลกอะไรไม่ได้อีกแล้ว ตระกูลตรีศาสตร์ของเขากำลังจะลุกขึ้นแล้ว!” เป็นอีกคนที่ตะโกนอย่างตื่นเต้นขึ้นมา

นลินีกับธรนุชสองพี่น้องหน้าซีด ดูออกชัดเจนว่าพลังที่ได้ระเบิดออกมากะทันหันนี้ทำให้พวกเธอรับไม่ไหว

เมธรากำลังมองรพีพงษ์อย่างเหม่อลอย ด้วยความซับซ้อน

พวกเขายังไม่ทันตกลงว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยรพีพงษ์ บรรพบุรุษก็สิงร่างรพีพงษ์สำเร็จแล้ว?

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ลืมตาขึ้น นัยน์ตาเป็นประกาย ดูสง่าผ่าเผย

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางถูกบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์สิงร่างได้ ชัยโรจน์ได้ตายด้วยน้ำมือของกระบี่สยบเซียนแล้ว ตอนนี้ที่ลืมตา เป็นรพีพงษ์เอง

ที่ปรากฏเหตุการณ์นี้ได้ เพราะรพีพงษ์ได้ดูพลังจิตวิญญาณที่ชัยโรจน์ทิ้งไว้อีกครั้งเข้าไปแล้ว จิตวิญญาณเทพแข็งแกร่งหลายเท่า เมื่อกี้เป็นอาการของจิตวิญญาณรพีพงษ์ทะลวงออกมาทั้งหมด

แม้ฝีมือของเขาในตอนนี้เทียบไม่ได้กับตอนที่ชัยโรจน์ยังมีชีวิตอยู่ แต่เก่งกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก

เมื่อก่อนพลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ใช้ได้เพียงรัศมีไม่เกินห้าเมตรโดยประมาณ ขอบเขตเท่านี้มีไม่มีก็ได้ มีประโยชน์ในการต่อสู้ขึ้นมาหน่อยเท่านั้นเอง

แต่พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ในตอนนี้รัศมีครอบคลุมไปถึงหนึ่งร้อยเมตรแล้ว

ในคฤหาสน์ตระกูลตรีศาสตร์ทั้งหลังขณะนี้กำลังแสดงภาพอยู่ในสมองของรพีพงษ์ ทุกๆรายละเอียด จะไม่คลาดสายตาของรพีพงษ์ไปได้

เพราะพลังจิตวิญญาณเทพอีกครึ่ง กระบี่สยบเซียนจึงฟื้นฟูอย่างมาก แม้รอยบนกระบี่จะเปลี่ยนไปไม่มาก แต่พลังมากกว่าเมื่อก่อนอย่างแน่นอน

การสนทนาในห้องนี้เมื่อกี้ รพีพงษ์ใช้พลังจิตวิญญาณเทพ ฟังอย่างชัดเจน เขาไม่คิดว่าคนของตระกูลตรีศาสตร์จะให้เขาพลีชีพ ให้บรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์คืนชีพขึ้นมา เขาให้เกียรติคนของตระกูลตรีศาสตร์เกินไป

นลินีสองพี่น้องถือว่ายังให้ความสำคัญต่อกันและกัน แต่ผู้เฒ่าพวกนั้นของตระกูลตรีศาสตร์ รพีพงษ์ไม่มีทางปล่อยไว้แน่

พวกเขาอยากจะให้ตนพลีชีพ แล้วรพีพงษ์จะเกรงใจพวกเขาอยู่ทำไมกัน

หลังจากที่เก็บพลังจิตวิญญาณเทพของตนกลับมาแล้ว รพีพงษ์ก็ยืนขึ้น มองไปที่ผู้เฒ่าเหล่านั้นของตระกูลตรีศาสตร์

ผู้เฒ่าเหล่านั้นเห็นสายตาเยือกเย็นของรพีพงษ์ ก็ตัวสั่น จากนั้นก็คุกเข่าให้รพีพงษ์

“บรรพบุรุษ ที่ท่านฟื้นคืนชีพมาได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง! พวกเราตระกูลตรีศาสตร์มีท่านอยู่ อนาคตจะต้องสดใสอย่างแน่นอน!”

รพีพงษ์ดูแคลน แล้วบีบคอหนึ่งในนั้น

“บรรพบุรุษของพวกมึงตายไปแล้ว กูคือรพีพงษ์! ในเมื่อพวกมึงคิดถึงบรรพบุรุษของพวกมึงเสียขนาดนี้ งั้นก็ไปอยู่เป็นเพื่อนมันซะ!”

พูดจบ รพีพงษ์ไม่ลังเล หักคอคนนั้นทิ้งซะ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท