บทที่958 กูเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพ
หล้งจากที่ยืนถนัดในสนามแล้ว ฐานยินหลับตามองรพีพงษ์ ท่าทาง ปรากฏความตะลึงออกมา
“เด็กน้อย ทำไมมึงแปลกประหลาดขนาดนี้ กำลังถืออาวุธอยู่แท้ๆ แต่กลับมีพลังแดนดั่งเทพ มึงไม่รู้จักเน่ยจิ้งหรอวะ?” ฐานยินถาม
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “กูเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพ ดังนั้นจึงต้องใช้อาวุธเข้ามาช่วยในการปล่อยพลัง”
ฐานยินตาโต นี่เป็นครึ่งแรกที่เขาได้ยินแดนครึ่งดั่งเทพ
ในขณะเดียวกันในใจของเขาได้ตะลึงกับพรสวรรค์และของรพีพงษ์ เด็กนี่ดูๆไปอายุราวๆยี่สิบกว่าปี คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอะไรนั่นแล้ว ชั่งน่ากลัวจริงๆ
แต่ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ที่เก่งกาจ รพีพงษ์ก็ยังไม่ถึงขั้นแดนดั่งเทพจริงๆ สำหรับฐานยิมแล้ว ไม่มีความน่ากลัวใดๆ
เพียงแค่เขาฆ่ารพีพงษ์ตั้งแต่ตอนนี้ พรสวรรค์และพลังทั้งหมด ก็แค่หายไปกับอากาศเท่านั้น
“เด็กน้อย มึงพรสวรรค์ดีขนาดนี้ ยังจะมาหาที่ตายอีก สมองมีปัญหาจริงๆ มึงคิดว่าพรสวรรค์มึงดี และจะมาต่อกรกับแดนดั่งเทพได้งั้นหรือ?” ฐานยินเยาะเย้ยแล้วถาม
รพีพงษ์ยิ้ม แลเวกล่าว “บางทีกูอาจจะพึ่งพรสวรรค์นี้ชนะมึงก็ได้นะ”
“ฝันไปเถอะ” ฐานยินกล่าวอย่างไม่เกรงใจ
พรภวิษย์ที่ล้มลงกับพื้นส่ายหน้าอย่างเซ็ง แล้วพึมพำ “เสียดายจริงๆ ด้วยพรสวรรค์ของเขา จะเป็นแดนดั่งเทพ ก็เป็นแค่ปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น ถ้าเขาสามารถอดทนได้ อนาคตสามารถล้างแค้นฐานยินได้แน่นอน ตอนนี้ออกมา ก็เหมือนหาที่ตาย”
รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถือมุรามาสะแล้วเดินออกไปข้างนอก ในร่างกายไหลเวียนพลังวิเศษเสน อยู่รอบๆกระบี่
ฐานยินเห็นดังนี้ ก็ไม่พูดอะไรต่อ บนฝ่ามือ ดาบนั้นโผล่ขึ้นมาอีกครั้งในมือของเขา
“จากนี้ไปกูจะให้มึงลิ้มลอง แดนดั่งเทพของจริง ฝีมือเป็นยังไง!”
เมื่อพูดจบ ลำแสงของดาบได้ฟาดไปที่รพีพงษ์ พลังมหาศาล สะเทือนฟ้าดิน
รพีพงษ์ไม่เชื่องช้า ใช้พลังทั้งหมดที่มีทันที รวบรวมไปที่กระบี่ แล้วฟันไปด้านหน้า
มุรามาสะกับลำแสงดาบชนเข้าด้วยกัน ทั้งสองเกิดการสั่นสะเทือนที่น่ากลัวเกิดขึ้น กระจายไปรอบๆ
กระจกที่คฤหาสน์ที่อยู่ด้านหลังรพีพงษ์แตกเป็นเสี่ยงๆ คนที่ยืนอยู่ในคฤหาสน์ถูกแรงดันนี้ทำให้ล้มลงไป
แม้ท่าที่จะกินแรงรพีพงษ์ แต่ก็ได้ทำลายพลังของฐานยินสำเร็จ
ฐานยินเห็นเหตุการณ์นี้ ก็คิ้วกระตุก ราวกับไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะตั้งรับท่านี้ของเขาได้
เพราะพลังทั้งหมดของแดนดั่งเทพขั้นกลางของเขา ไม่ใช่คนที่เป็นแดนครึ่งอย่างเขาจะรับได้
ความจริงรพีพงษ์ก็ยังสงสัยกับความสามารถของเขาในตอนนี้อยู่เช่นกัน แม้เขาจะหยุดอยู่ที่แดนครึ่งดั่งเทพ แต่ด้วยเวลา พลังวิเศษเสนที่อยู่ในร่างกายของเขาได้เพิ่มขึ้นตลอด
ตามที่เขาได้วิเคราะห์ว่าตัวเองเป็นแดนครึ่งดั่งเทพนั้น คือตัวเองยังไม่เป็นพลังวิเศษเสนชั้นยอด แต่จนถึงปัจจุบันนี้ ราวกับว่าพลังเกินจากแดนดั่งเทพขั้นต้นไปแล้ว
ตอนนี้ความแตกต่างของรพีพงษ์กับแดนดั่งเทพ ไม่สามารถแยกจากพลังวิเศษเสนได้ อย่างอื่นรพีพงษ์ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะแตกต่างจากแดนดั่งเทพซักเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้รพีพงษ์คิดมาตลอดว่าพลังวิเศษเสนคือขั้นสูงกว่าของเน่ยจิ้ง ลำดับเลื่อนขั้นแดนของทั้งสองก็น่าจะไม่ต่างกัน แต่จากการพัฒนาพลังของตัวเอง รพีพงษ์ก็ได้พบความแตกต่างของทั้งสองอย่างช้าๆ
เน่ยจิ้งเสร็จสมบูรณ์ คือปรมาจารย์ แต่รพีพงษ์ห่างจากพลังวิเศษเสนพลังวิเศษเสนชั้นยอดอีกหนึ่งขั้น ก็จะมีฝีมือแดนดั่งเทพ
ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างค่อนข้างมากอยู่
รพีพงษ์คิดว่าถ้าตัวเองเป็นพลังวิเศษเสนชั้นยอด พลังน่าจะไม่ธรรมดาเหมือนแดนดั่งเทพขั้นต้นแบบนั้นแน่นอน
ไม่คิดอะไรมาก หลังจากที่รพีพงษ์ได้รับท่านั้นของฐานยินแล้ว ก็ได้ลอยไปที่ป่าละเมาะที่อยู่ทางนั้นโดยเร็ว เดี๋ยวคนในคฤหาสน์จะได้ไม่โดนลูกหลงจากการประลอง
ฐานยิงเห็นดังนี้ ก็รีบตามไปอย่างเร็ว พร้อมกับลำแสงดาบในมือได้ฟาดลงไปอีกครั้ง
รพีพงษ์รีบหลบ ให้ลำแสงนั้นผ่าไปที่ต้นไม้ ต้นไม้จำนวนมากล้มลง
ทุกคนในคฤหาสน์เห็นทั้งสองไปต่อสู้กันด้านหน้า ก็โล่งอกไป
ทัตดามองไปที่ยังที่ๆรพีพงษ์พุ่งไปอย่างเคร่งเครียด ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“รพีพงษ์ คุณจะต้องไม่เป็นไรนะ”
แดนของรพีพงษ์ห่างจากฐานยินหนึ่งแดน แต่เขามีพลังจิต สามารถเข้าใจกิริยาทุกย่างก้าวของฐานยินได้ เตรียมพร้อมตั้งรับท่าของฐานยินล่วงหน้าได้
แบบนี้รพีพงษ์ก็ไม่ต้องรับท่าของฐานยินอย่างยากลำบากอีก ถ้าต้องหลบก็จะได้หลบไปก่อน
ฐานยินรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงเดาจากโจมตีของเขาได้ทุกครั้ง
เขาคือยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นกลาง คู่ต่อสู้เป็นเพียงเด็กแดนครึ่งดั่งเทพ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแพ้หรือชนะ
ฐานยินที่ร้อนรนเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมา พลังในมือเริ่มดุดันขึ้นอย่างมาก
ในสถานการณ์แบบนี้ แม้รพีพงษ์มีพลังจิตเข้ามาช่วย ก็ยากที่จะต่อกรได้ เพราะพลังของทั้งสองมีความแตกต่างกันมาก
เมื่อนึกถึงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปตัวเองอาจจะถูกฐานยินบีบจนไม่สามารถโต้กลับได้ รพีพงษ์ได้ใช้วิธีลับเพิ่มพลังตัวเอง
จนกระทั่งตอนนี้ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้รพีพงษ์ต่อกรกับฐานยินได้อย่างทัดเทียมกัน
ในขณะเดียวกันนี้ ดวงจิตที่อยู่ในสมองของรพีพงษ์กำลังทำท่าซับซ้อน รอบๆตัวมีออร่าสีทองปรากฏอยู่ ดูๆไปค่อนข้างแปลกประหลาด
แต่ฉากนี้ปรากฏแค่ในสมองของรพีพงษ์เท่านั้น ฐานยินมองไม่เห็น
หลังจากที่ใช้วิธีลับแล้ว พลังของรพีพงษ์ก็เพิ่มขึ้นทันใด ด้วยเหตุนี้รอบๆข้างเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา
ฐานยินหลับตาลงเช่นกัน ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ เริ่มระมัดระวังมากขึ้น
รพีพงษ์ได้ถือกระบี่พุ่งไปที่ฐานยินอีกครั้ง ครั้งนี้ พลังในการจู่โจมของเขา ไม่น้อยไปกว่าฐานยินเลย
ทั้งสองแลกท่ากัน ฐานยินรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียการควบคุมรพีพงษ์ รพีพงษ์ในขณะนี้เหมือนกับเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลางที่แท้จริงไม่ด้อยไปกว่าฐานยินสักเท่าไหร่
“เด็กน้อย อะไรของมึงวะ ทำไมพลังของมึงจึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้?” ฐานยินจ้องรพีพงษ์แล้วถาม
รพีพงษ์เบะปากยิ้ม กล่าว “ทำไมกูต้องบอกมึงด้วย?”
พูดจบ เขาได้ใช้กระบี่ฟันไปที่ฐานยิน
ทุกคนที่กำลังเฝ้ามองการประลองอยู่ในคฤหาสน์ล้วนตกใจ
จากมุมมองของพวกเรา การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และฐานยิน ฝึมือไล่เลี่ยกัน
คนหนึ่งเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอีกคนคือแอนดั่งเทพขั้นกลางต่อสู้กันด้วยฝีมือไล่เลี่ยกัน นี่มันค่อนข้างเหนือความคาดหมายของพวกเขา
“ไม่แปลกที่เขาออกหน้า ที่แท้ก็มีฝีมือที่พวกเราจินตนาการไม่ถึงนั่นเอง การต่อสู้ครั้งนี้ถ้าเขาสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ อนาคตจะต้องเป็นบุคคลแนวหน้าของวงการบู๊ประเทศจีนอย่างแน่นอน!”