พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่994 ขโมยชีวิต

บทที่994 ขโมยชีวิต

บทที่994 ขโมยชีวิต

หลังจากที่ผู้ลี้ลับเห็นธัชธรรมปรากฏตัวแล้วนั้น ก็หน้าเคร่งเครียด และสายตาหวาดระแวง

“แกคือผู้กล้าของแดนครึ่งอาถรรพ์คนจีนคนนั้น?” ผู้ลี้ลับจ้องไปที่ธัชธรรมแล้วถาม

ธัชธรรมมองเขา แล้วกล่าว “อาถรรพ์? แกหมายถึงแดนเทพหรือเปล่า?”

ผู้ลี้ลับเยาะเย้ย ดูแคลนแล้วกล่าว “ก็นะ ลืมไปว่าสภาพอากาศของพวกแกมันแย่ ไม่สามารถฝึกฝนผู้กล้าได้แล้ว แดนอาถรรพ์ของพวกแกที่นี่ กลายเป็นเทพไปแล้ว ตลกชะมัด”

ธัชธรรมได้ยินคำพูดของผู้ลี้ลับ ก็เดาออกว่าคนนี้มาจากไหน สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมเข้าไปอีก

“แกเป็นคนของทวีปโอชวิน!”

ผู้ลี้ลับหัวเราะ กล่าว “ใช่ เดาถูกแล้ว”

“แกมาที่นี่เพื่ออะไร?” ธัชธรรมถามต่อ

“เรื่องนี้ แกไม่คู่ควรที่จะรู้!”

ผู้ลี้ลับไม่อย่าพูดพร่ำทำเพลง ในมือปรากฏดาบยาว ฟาดไปที่ธัชธรรม

ธัชธรรมก็ไม่อ่อนข้อ ในมือทั้งสองข้างปรากฏลูกไฟขึ้นมา จับดาบยาวของผู้ลี้ลับนั่นไว้

รพีพงษ์เห็นดาบยาวของผู้ลี้ลับถูกลูกไฟของธัชธรรมเผาไหม้ เริ่มมีวิธีแก้ขึ้นทีล่ะนิดแล้ว

ผู้ลี้ลับดูแคลน แล้วสลายดาบในมือของตัวเอง แล้วถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็เอาตราที่ซับซ้อนออกมา

ค่ายกลปรากฏขึ้น พลังกระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาอยู่ต่อหน้าของผู้ลี้ลับ เปล่งความแข็งแกร่งและความน่ากลัวออกมา

ธัชธรรมเห็นดังนี้ ก็ไม่เชื่องช้า รอบๆกายปรากฏลูกไฟรวมกันเป็นดอกบัว พลังมหาศาลปรากฏอยู่บนดอกบัวไฟ อุณหภูมิทั้งลานจัตุรัสเริ่มสูงขึ้นอย่างมาก

รพีพงษ์เห็นท่าที่ทั้งคู่ปล่อยออกมา ก็ตะลึง เขาไม่คาดคิด ว่าฝีมือของธัชธรรม จะน่ากลัวได้ขนาดนี้

เขากัดฟันยืนขึ้นจากพื้น แล้วรีบวิ่งไปไกลๆ

การต่อสู้ระดับนี้ เขาอยู่ใกล้ขนาดนี้ เหมือนรนหาที่ตายชัดๆ

ผู้ลี้ลับเปลี่ยนท่าต่อสู้ พลังของค่ายกลดาบยาวพุ่งไปที่ธัชธรรมทันใด

ลูกไฟดอกบัวของธัชธรรม ชนเข้ากับค่ายกล พลังอันน่าสะพรึงสั่นสะท้านไปรอบๆ แม้คนที่อยู่รอบนอกของลานจัตุรัส ก็รับรู้ถึงแรงสะท้านนี้ได้ คนจำนวนไม่น้อยล้มลงกับพื้นโดยตรง

รพีพงษ์ที่กำลังหนีตายถูกแรงสะท้านนี้เข้าถึงกับล้มลงไปอยู่กับพื้น แล้วกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

พลังของดอกบัวไฟสะท้านออกมาอย่างมหาศาล ได้กลืนค่ายกลกระบี่เข้าไปทั้งหมด สุดท้าย ธัชธรรมก็ชนะในนัดนี้

การที่กระบี่ของผู้ลี้ลับถูกกลืนกินไปนั้น สำหรับผู้ลี้ลับแล้วถือเป็นความเสียหายอย่างมหันต์ เลือดไหลออกมาจากปากของเขา สายตาเคร่งเครียดขึ้น

เขามองธัชธรรมอย่างแค้น กัดฟันแล้วกล่าว “ถ้าช่องนั้นรับได้แค่คนที่เป็นแดนธรรมวิสุทธิ์ชั้นยอดเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่แกจะมายโสโอหัง!”

แดนธรรมวิสุทธิ์ชั้นยอด คือแดนดั่งเทพชั้นยอด ผู้ลี้ลับนี้คือแดนดั่งเทพชั้นยอด

ธัชธรรมอีกครึ่งหนึ่งจะเข้าแดนเทพ ความสามารถเก่งกว่าแดนดั่งเทพชั้นยอดอยู่แล้ว

แม้ผู้ลี้ลับจะดูถูกยอดฝีมือของประเทศจีน แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของธัชธรรมอยู่ดี

ธัชธรรมมองเข้าอย่างเลือดเย็น กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “หยุดพูดไร้สาระ แล้วแกจะมีชีวิตอยู่นานอีกนิด”

ผู้ลี้ลับดูแคลน หันไปมองที่บนเวทีนั้น จากนั้นก็กล่าวว่า “แม้ฝีมือของฉันจะด้อยกว่าแกอยู่หนึ่งขั้น แต่จะชนะฉัน ก็ไม่ได้ง่าย แล้วถ้าฉันหนีไป แกก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว!”

พูดจบ ผู้ลี้ลับก็พุ่งไปที่เวทีนั้นอย่างเร็ว

ธัชธรรมเห็นดังนั้น ก็รีบตามไป

ผู้ลี้ลับพูดไว้ไม่ผิด แม้ฝีมือของธัชธรรมจะเก่งกว่าเขาหนึ่งขั้น แต่ถ้าคิดจะฆ่ายอดฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอด พูดได้ว่ายากยิ่งกว่ายากเสียอีก ถ้าผู้ลี้ลับหนี เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ

แว็บเดียว ผู้ลี้ลับก็พุ่งไปถึงเวที เขาแบกกล่องที่มีคนนั้น แล้วรีบไปที่เส้นขอบ ที่มีคนหมู่มากอยู่

แม้จะไม่รู้ว่าผู้ลี้ลับจะทำอะไร แต่ธัชธรรมรู้ดีว่าเขาไม่มีจุดประสงค์ดีแน่ๆ ดังนั้นจึงใช้ความเร็วที่สุดของตน ไล่ตามผู้ลี้ลับนั้นไป

“ห้ามให้มันเข้าไปในกลุ่มคนโดยเด็ดขาดนะ ถ้ามันดูดพลังชีวิตของคนพวกนั้นเข้าไป มาเพิ่มพลังให้คนนั้น เมื่อพลังของคนนั้นมากพอ เกรงว่าจะกลายเป็นสงครามที่น่ากลัวเลยล่ะ!” รพีพงษ์ตะโกนใส่ธัชธรรม

ธัชธรรมเคร่งเครียด ไม่คิดว่าผู้ลี้ลับจะทำแบบนี้

ผู้ลี้ลับได้ยินเสียงตะโกนของรพีพงษ์ ก็หันไปมองเขา ยิ้มอย่างดูแคลน กล่าว “ต่อให้พวกแกรู้ว่าฉันจะทำอะไรแล้วไง! วันนี้ถึงแม้ต้องเสี่ยงชีวิต ฉันก็จะทำให้คนนี้ตื่นภวังค์ให้ได้ ฝีมือของเขาเป็นระดับแดนเทพ ถึงตอนนั้นทุกคน จะต้องตายด้วยน้ำมือของเขา!”

เพิ่งพูดจบ ผู้ลี้ลับกัดนิ้วตัวเอง ให้เลือดไหลออกมา ผู้ลี้ลับวาดรูปที่ซับซ้อนตรงที่ที่เขาแบกคนนั้นไว้ จากนั้น เขาก็เริ่มปล่อยพลังออกมา

ประโยชน์ของท่านี้ คือดูดพลังชีวิตของคนมา

แต่ถ้าเทียบกับตอนที่ดูดยาคอฟ ท่านี้ ผู้ลี้ลับได้แลกกับความเจ็บปวดปล่อยออกมา แน่นอนว่าผลลัพธ์ดีกว่าเดิมเป็นพันเท่า

เขาคิดจะใช้วิธีนี้ ดูดพลังชีวิตของทุกคน เพราะเวลาจำกัด ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้เท่านั้น

กลิ่นอายการดูดพลังที่แข็งแกร่งได้ล้อมรอบคนจำนวนมากไว้ เวลาเดียวกันรูปที่ผู้ลี้ลับแบกคนนั้นไว้แล้วเขียนก็เริ่มมีแสงออกมา

จากนั้น ผู้ลี้ลับก็ตะโกน พลังดูดนั้นแข็งแกร่งขึ้น ดูดพลังชีวิตของคนเหล่านั้นที่อยู่บบริเวณนั้นไปโดยตรง

“ดูด!”

แว็บเดียว ผุ้คนมากมายที่อยู่เส้นขอบ ก็กลายเป็นศพแห้ง

เพราะผู้ลี้ลับแบกภาระไว้เยอะ จึงกระอักเลือดออกมา เขากัดฟัน แล้วใช้ตราอีกครั้ง

ธัชธรรมปล่อยไฟดอกบัวไปที่ผู้ลี้ลับอีกครั้ง คิดจะหยุดการดูดชีวิตของคนเหล่านั้นลง

แต่ผู้ลี้ลับกระทำอย่างเร็ว ขัดขวางตอนนี้ก็ช้าไปเสียแล้ว

ไฟดอกบัวชนเข้าไปกับผู้ลี้ลับ ผู้ลี้ลับทำต่อไปไม่ได้ ตัวเขากลายเป็นคนที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ คนหมื่นคนที่มาร่วมงานเลี้ยง เกือบครึ่ง ได้กลายเป็นศพแห้งไปแล้ว

“แม้จะไม่ได้ตามที่คิดไว้ แต่ระดับนี้ ก็เพียงพอแล้ว”

“พวกแกรอความตายได้เลย!”

ผู้ลี้ลับตะโกน จากนั้นก็กดไปที่กลางคิ้วของคนนั้น

ดวงตาของคนนั้นเปิดขึ้นทันใด มีพลังมหาศาลพุ่งขึ้นมา กดธัชธรรมไว้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท