พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1073 อารียาสลบ

บทที่ 1073 อารียาสลบ

เกียวโต คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

ในห้องนอนของอารียา

ดวงตาแดงก่ำทั้งสองของรพีพงษ์มองไปที่อารียาที่สลบไม่ฟื้นอยู่บนเตียง ถ้วยชาในมือถูกบีบขย้ำจนกลายเป็นผง กระจัดกระจายไปในอากาศ

“ทำไม? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้? ก่อนหน้าที่ฉันจะไปเธอยังดีๆ ทำไมตอนนี้เธอถึงสลบไม่ฟื้น?”

สีหน้าท่าทางของรพีพงษ์ค่อนข้างโกรธ ชลาธิปและท่านคทาทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆมองดูเขาด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะเป็นเพราะโกรธเกินไปทำเรื่องอะไรที่ไม่สามารถควบคุมได้

“รพีพงษ์ นายใจเย็นๆก่อน ตอนนี้อารียาแค่สลบไป ชีวิตไม่เป็นอะไรร้ายแรง พวกเราค่อยคิดหาทาง เธอจะฟื้นขึ้นมาเสมอ ”ชลาธิปปลอบใจ

รพีพงษ์สุดลมหายใจเข้าลึกๆ เดินไปข้างเตียง นั่งลงไป มือข้างหนึ่งจับของอารียาไว้

อารียาในเวลานี้หลับตาทั้งสองข้าง บนหน้าผาก เส้นเลือดสีดำขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา ริมฝีปากของเธอเริ่มกลายเป็นสีม่วง และมองแวบแรกก็รู้ว่าโดนวางยาพิษ

แต่ในตอนนั้นชลาธิปได้บอกกับเขาแล้วว่า พวกเขาได้ว่าเชิญแพทย์ชั้นนำของโลกให้ช่วยตรวจอารียาแล้ว แม้ว่าเธอจะโดนวางยาพิษ แต่พิษนี้ไม่ได้คร่าชีวิตของเธอ ทำให้เธอตกอยู่ในการหลับใหล ไม่ทางฟื้นขึ้นมาอีก

และขณะที่อารียาหลับใหล สารพิษเหล่านั้นในร่างกายของเธอก็จะสะสมลึกลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะคร่าชีวิตของเธอไป แต่กระบวนการนี้ใช้เวลานานมาก ตามการคาดการณ์ของแพทย์ สารพิษเหล่านี้ต้องการที่จะคร่าชีวิตของอารียา อย่างน้อยก็เป็นเวลาสิบปีขึ้นไป

ท่านคทาก็บอกกับรพีพงษ์ว่า พวกเขาได้ตรวจสอบผ่านกล้องวงจรปิด พบว่าปวัตรปวิชทั้งสองคนพี่น้องเป็นคนทำเรื่องนี้

สำหรับเหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนี้ ทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ต่างมึนงง แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินว่าปวัตรปวิชทั้งสองคนเป็นคนทำ ในใจก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ไม่ว่าอย่าง รพีพงษ์ก็คาดไม่ถึงว่า ชัชพิสิฐจะให้ปวัตรปวิชมาคุมกันความปลอดภัยของทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ในความเป็นจริงคือให้ทั้งสองคนมาเฝ้าติดตามคนของตระกูลลัดดาวัลย์

เมื่อชัชพิสิฐเกิดเรื่องทันที ปวัตรปวิชทั้งสองคนก็จะดำเนินการลงมือทันที

ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้ลงมือกับคนอื่นในตระกูลลัดดาวัลย์ เพียงแค่ให้อารียาทานยาพิษหนึ่งเม็ด ดังนั้นสามารถมองออกมาได้ว่า ชัชพิสิฐรู้จุดอ่อนของรพีพงษ์เป็นอย่างดี เขารู้ว่าควรทำอย่างไรให้รพีพงษ์เจ็บปวด

ทำแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์เจ็บปวดมากกว่าการฆ่าในทุกคนตระกูลลัดดาวัลย์

“ตรวจสอบเบาะแสของปวัตรปวิชทั้งสองพี่น้องเจอหรือยัง?”น้ำเสียงของรพีพงษ์เยือกเย็น กลิ่นอายแห่งการสังหารที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ถูกปลดปล่อยออกมา

“หลังจากวันนั้น พวกเราตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งเมือง รู้ว่าพวกเขาจากไปทางชานเมือง เบาะแสหลังจากนั้นก็ตรวจไม่พบ”ท่านคทาเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ว่าหลังจากที่ปวัตรปวิชทั้งสองพี่น้องทำเรื่องแบบนี้แล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ที่เกียวโต พวกเขาคงจะหลบซ่อนตัวอย่างแน่นอน รอโอกาสดำเนินการแก้แค้นรพีพงษ์อีกครั้ง

“ตอนนี้ช่วยฉันจับตาดูเบาะแสของทั้งสองคนอยู่เสมอ เกิดพบเบาะแสของพวกเขาสองคน รีบแจ้งให้ฉันทราบ ต่อให้พวกเขาจะหนีไปถึงวันสิ้นโลก ฉันก็จะหาตัวพวกเขาออกมาให้ได้อย่างแน่นอน!”

ทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ต่างพยักหน้า รู้ว่าในเวลานี้รพีพงษ์อยู่ในอาการโกรธ เขาได้ถือว่าปวัตรปวิชทั้งสองคนพี่น้อง กลายเป็นศัตรูของตัวเอง

แล้วจ้องมองดูอารียาที่นอนอยู่บนเตียงเวลานาน หลังจากที่พยายามลองปลุกเธอหลายวิธีก็ไม่ได้ผล รพีพงษ์ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง และลุกขึ้นจากข้างเตียง

“หนูลินล่ะ?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“สองวันนี้พี่สาเป็นคนเลี้ยงหนูลิน สองวันมานี้หนูน้อยคิดถึงแม่มาก มักจะร้องไม่หยุด”ชลาธิปเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นไปที่พี่สาเพื่อดูหนูลิน

เมื่อหนูลินเห็นรพีพงษ์เป็นอันดับแรก จึงยื่นมือออกไปให้รพีพงษ์ ให้รพีพงษ์อุ้ม

รพีพงษ์อุ้มเธอเข้ามาให้อ้อมกอด หนูน้อยก็ร้องไห้น้ำตาไหลพรากทันที

รพีพงษ์รีบปลอบเธอ ยื่นมือไปลูบหลังของเธอ

“หนูลินเป็นเด็กดี แม่จะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆนี้ พ่อขอสัญญากับลูก จะไม่ให้แม่ของลูกเป็นอะไรไปทั้งนั้น”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

หนูน้อยไม่สนใจ ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ รพีพงษ์ที่ได้ยินก็เจ็บปวดใจ

ในเวลาเดียวกันเขาก็โชคดีอยู่บ้าง แม้ว่าปวัตรปวิชสองพี่น้องจะน่ารังเกียจ แต่ยังก็ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเล็กน้อย ไม่ได้ลงมือกับหนูลิน

ถ้าหากหนูลินก็ถูกพวกเขาทั้งสองคนทำร้ายด้วย ต่อให้รพีพงษ์ต้องพลิกแผ่นดินตามหา ก็จะหาตัวพวกเขาสองคนออกมาฆ่าทิ้งให้ได้

หลังจากที่ปลอบหนูลินสักพัก รพีพงษ์ก็เดินออกจากคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ หาชุติเทพมา อยากจะดูว่าเขาวิธีที่จะรักษาอารียาหรือไม่

หลังจากที่ชุติเทพได้ทำการวินิจฉัยและรักษาอารียา สีหน้าค่อนข้างแน่วแน่ บอกกับรพีพงษ์ว่าเขาไม่เคยเห็นพิษแบบนี้ในโลกนี้มาก่อน สามารถทำให้คนสลบไม่ฟื้น แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายชีวิต ระยะเวลาออกฤทธิ์ของพิษจะนานถึงสิบปี สิ่งนี้สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

สำหรับวิธีการรักษา ชุติเทพก็ยิ่งไม่รู้จะรักษาอย่างไร เขาไม่สามารถบอกได้ว่าสารพิษอะไรอยู่ในร่างกายของอารียากันแน่

จากข้อมูลเชิงลึกของชุติเทพ เขาไม่เคยสัมผัสกับสารพิษแบบนี้มากก่อน ตามคำบอกเล่าของเขา เขาเดาว่าสารพิษแบบนี้ ไม่มีอยู่บนโลก

ในใจรพีพงษ์ค่อนข้างนับถือชื่นชมทักษะทางการแพทย์ของชุติเทพ คาดไม่ถึงเขาจะสามารถตัดสินออกมาได้ว่าสารพิษนี้ไม่มีอยู่บนโลก

รพีพงษ์ก็เดาได้พิษแบบนี้ชัชพิสิฐน่าจะนำมาจากในทวีปโอชวิน

ด้วยระดับทักษะทางการแพทย์ของโลก ต้องการจะถอนพิษ เป็นเรื่องยากมากจริงๆ

เขาแอบหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ในใจ สิ่งที่ชัชพิสิฐอยากเห็น ก็คงจะเป็นตัวเองมีความหวังอยู่ในใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้

แต่ต่อให้พิษที่อารียาโดนจะเป็นของทวีปโอชวิน รพีพงษ์ก็จะหายาถอนพิษมาให้ได้อย่างแน่นอน จะช่วยเธอกลับมา

ต่อให้ต้องบุกป่า ฝ่าดง รพีพงษ์ก็ไม่มีทางลังเลแม้แต่น้อย

ชุติเทพไม่มีวิธีรักษา รพีพงษ์ฝากความไว้ที่บนตัวธัชธรรมและธีรพัฒน์ที่มีความรู้และประสบการณ์มากมาย

หลังจากที่อยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์เป็นเวลาสองวัน รพีพงษ์ก็พาอารียา ไปยังเทือกเขาคุนหลุน หนึ่งคือพิจารณาถึงความปลอดภัยของสำนักงานใหญ่ของกลุ่มสิงโต อีกหนึ่งอย่างเพื่อให้ธัชธรรมและธีรพัฒน์สามารถรู้อาการตอนนี้ของอารียา

แน่นอนว่า หนูลินก็ถูกรพีพงษ์พาตัวมาด้วย ตอนนี้ ในใจของเขาสำนักงานใหญ่ของกลุ่มสิงโตเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ถ้าทิ้งหนูลิน ไว้ที่เกียวโต เขาไม่สบายใจ

หลังจากที่ธีรพัฒน์ทั้งสองคนดูอาการของอารียาเสร็จ ก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีวิธีถอนพิษได้

แต่ธีรพัฒน์กลับมองที่มาของยาพิษนี้ออก

“ถ้าหากฉันเดามาผิด สิ่งที่เธอทานลงไป น่าจะเป็นยาพันพิษ ยาพิษแบบนี้ เป็นของทวีปโอชวิน และยาถอนพิษมีแต่ที่ทวีปโอชวินมี นายต้องการถอนพิษให้กับเธอ คงต้องไปที่ทวีปโอชวินหนึ่งรอบ”ธีรพัฒน์ถอนหายใจแล้วพูด

เขาพูดแบบนี้ เพียงแค่ไม่อยากพูดมากเกินไป เนื่องจากเขาไม่สามารถทำให้รพีพงษ์ปล่อยวางไปได้ และตัวรพีพงษ์เองก็รู้ดี ไปทวีปโอชวินหนึ่งรอบ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ใบหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความผิดหวัง พึมพำว่า: “หรือว่า ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆเหรอ?”

ในขณะนี้ ธัชธรรมมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันรู้จักคนคนหนึ่ง บางทีเขาอาจจะรู้ว่าควรถอนยาพิษนี้ได้อย่างไร”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท