พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1076 ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

บทที่1076 ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

ลูกพี่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าขวางเขาไว้ หันหน้าไปมองด้านข้าง และพบว่าเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีก

“แม่งเอ๊ย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย? แม้แต่เรื่องของกูก็กล้ายุ่งเหรอ? ”

ใบหน้าของรพีพงษ์นิ่งสงบ เอ่ยปากพูดว่า: “ไม่มีใครบอกพวกแกเหรอ ปล้นกลางทางเป็นการทำที่ผิดกฎหมาย?”

หลังจากที่ลูกพี่ได้ยิน นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา แล้วตะโกนว่า: “ฉันแม่งไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย? ทำไม แกยังคิดจะห้ามพวกเราปล้นกลางทางเหรอ? เด็กน้อย ยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป ไม่มีจุดจบที่ดีนะ!”

ทุกคนในรถมองไปที่รพีพงษ์และหญิงสาวคนนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็รู้สึกว่ารพีพงษ์ยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไปก็คือกำลังรนหาที่ตาย เนื่องจากว่าอีกฝ่ายมีคนมากมายขนาดนี้ ที่สำคัญในมือยังมีอาวุธ แค่ไม่ระวัง มีความเป็นที่จะเสียชีวิตไป

แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดจาอะไร กลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน

“ฉันให้โอกาสพวกแกหนึ่งครั้ง ตอนนี้ไสหัวลงรถไป และไปมอบตัวที่สถานีตำรวจด้วยตัวเอง ฉันก็จะไม่สืบสวนอะไรอีก ไม่อย่างนั้น ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หลังจากที่ลูกพี่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที พูดกับลูกน้องเหล่านั้นของเขาว่า : “เมื่อกี้นี้พวกแกได้ยินว่าเขาพูดอะไรมั้ย? เขาให้พวกเราไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ นี่แม่งเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับคนที่เตือนพวกเราให้ไปมอบตัวแบบนี้! ”

ลูกน้องเหล่านั้นของเขาก็หัวเราะตามขึ้นมาทันที ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยรพีพงษ์

“ฉันว่าไอ้หมอนี่ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่ กล้าพูดแบบนี้กับพวกเรา เขาก็ไม่ดูอาวุธในมือของพวกเรา”

“ฉันเจอคนประเภทนี้มาเยอะมาก อายุยี่สิบกว่า กระฉับกระเฉงทรงพลัง ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน มักจะคิดว่าตัวเองเก่งกาจมาก รอเขาโดนตีแล้ว ก็จะรู้ว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน”

“ฮ่าๆ คนแบบนี้ เดี๋ยวโดนตี อาจจะคุกเข่าลงร้องขอความเมตตาจากพวกเรา”

หลายคนในรถก็เริ่มถอนหายใจ ทั้งหมดรู้สึกว่ารพีพงษ์บ้าบิ่นไปบ้างจริงๆ ถ้าหากเขาไม่ยุ่งเรื่องนี้ วันนี้คงจะไม่เดือดร้อนแล้ว อย่างมากก็แค่เรื่องเสียเงิน

หญิงสาวคนนั้นเห็นรพีพงษ์ออกหน้าแทนตัวเอง ในใจก็ซาบซึ้งอย่างฉับพลัน แต่เธอรู้ว่ารพีพงษ์ตัวคนเดียวก็คงจะไม่มีทางต่อสู้กับคนจำนวนมากที่มีอาวุธได้ ดังนั้นจึงรีบพูดกับรพีพงษ์ว่า: “พี่ชายท่านนี้ พี่อย่าหุนหันพลันแล่น พี่ตัวคนเดียวจัดการกับพวกเขาไม่ได้ ไม่งั้น พี่อย่าสนใจฉันเลย สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นชะตากรรมของฉัน ”

รพีพงษ์ยิ้มให้หญิงสาวคนนั้นเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า: “สบายใจได้ แต่กลุ่มนักเลงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต้องกลัว”

เมื่อลูกพี่คนนั้นได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ในแววตาก็ปรากฏความโหดเหี้ยมเล็กน้อย ด่าว่า: “แม่งเอ๊ย ไม่สั่งสอนแก แกยังคิดว่าตัวเองสำคัญจริงๆ คิดว่าฉันไม่กล้าลงมือจริงๆเหรอ!”

จากนั้น เขายกดาบในมือตัวเองขึ้นมา และฟันตรงไปที่หัวของรพีพงษ์

เมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นเช่นนี้ หวาดกลัวจนหลับตาของตัวเอง

อย่างไรก็ตามก่อนที่ดาบจะไปถึงหัวของรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเขาไว้

“ฉันให้โอกาสพวกแกแล้ว ถึงเวลาอย่ามาพูดเสียใจต่อหน้าฉัน”

จากนั้นเขาก็ใช้แรงที่มือ และหักแขนของลูกพี่คนนั้นทันที

เสียงร้องโอดโอยเหมือนคนฆ่าหมูดังขึ้นมาในรถอย่างฉับพลัน ทุกคนมองไปทางนี้ ด้วยมีสีหน้าท่าทางที่ตกใจ

เดิมทีพวกเขาคิดว่าคนที่ร้องโอดโอยจะเป็นรพีพงษ์ แต่ว่าใครก็คาดไม่ถึง รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิมไม่เป็นอะไร กลับเป็นลูกพี่คนนั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แขนของเขาอ่อนลงมาแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่ากระดูกด้านในหัก

ทุกคนหายใจเข้าลึกๆ และไม่คิดว่ารพีพงษ์จะมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้

ลูกน้องเหล่านั้นของลูกพี่ก็มีท่าทีตอบสนองเป็นเวลานานสักพัก หลังจากที่ตระหนักว่าเรื่องไม่ชอบมาพากล จึงได้พุ่งมาทางรพีพงษ์ จะจัดการกับเขา

แต่คนไม่เอาไหนเหล่านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ได้อย่างไร รพีพงษ์ใช้เพียงกี่ท่วงท่า ตีพวกเขาทั้งหมดลงกับพื้น

ที่สำคัญไม่มีข้อยกเว้น รพีพงษ์จับแขนข้างหนึ่งของพวกเขาแต่ละคน หักทันที

คนเหล่านี้ทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย ที่สำคัญไม่คว้าไขว่โอกาส รพีพงษ์เพียงแค่หักแขนข้างหนึ่งของพวกเขา ก็ถือได้ว่าเมตตาแล้ว

ยังมีหลายคนคนที่ดูต้นทางข้างล่างรถ พวกเขาทั้งหมดได้ยินเสียงโอดโอยภายในรถ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นทั้งหมดจึงวิ่งไปดูว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นที่นี่

รพีพงษ์เดินลงรถอย่างไม่รีบร้อน หลายคนนั้นไม่รู้ว่าเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น หนึ่งในนั้นเอ่ยปากถามว่า: “แกลงมาทำไม?”

“ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์”รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม

หลายคนก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเรื่องราวไม่ชอบมาพากล จะลงมือกับรพีพงษ์

น่าเสียดายพวกเขาเพิ่งมีความคิดนี้ รพีพงษ์ก็มาถึงตรงหน้าพวกเขา และหักแขนของพวกเขาโดยทันที

เมื่อคนบนรถเห็นรพีพงษ์จัดการกับทุกคนแล้ว ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นช่วยเอาคนที่ปล้นกลางทางทั้งหมดลงจากรถ

พวกเขามัดคนเหล่านี้ไว้กับต้นไม้ข้างถนนโดยตรง จากนั้นจึงโทรแจ้งตำรวจ

เพราะทุกคนรีบกลับบ้าน ดังนั้นหลังจากแจ้งความกับตำรวจ ทุกคนก็ให้คนขับรถรีบขับรถพาพวกเขาออกจากที่นี่ เดี๋ยวฟ้าก็จะมืดแล้ว สถานที่แบบนี้ ตอนกลางคืนจะมีสัตว์ป่าเดินออกมาตลอด

คนที่ปล้นกลางทางเหล่านั้นหักแขนไม่ก็ต้องพูดถึง ตกที่น่าลำบากไม่มีใครช่วยเหลือ ครั้งนี้พ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือของรพีพงษ์จริงๆ

ขณะที่เดินทางไปต่อ ทุกคนในรถต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อรพีพงษ์ และแสดงความขอบคุณต่อเขาทีละคน ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เขา พวกเขาคงจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน

ในบรรดานั้นคนที่รู้สึกขอบคุณรพีพงษ์มากที่สุดก็ต้องเป็นหญิงคนนั้นเป็นธรรมดา เธอแสดงความขอบคุณในใจของตัวเองต่อรพีพงษ์ไม่หยุด และบอกว่าจะต้องตอบแทนรพีพงษ์อย่างแน่นอน

รพีพงษ์บอกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เขาสามารถจัดการได้ย่างง่ายดายเท่านั้นเอง ไม่ต้องตอบแทน

แต่ว่าหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างจริงจังมาก รู้สึกว่ารพีพงษ์ช่วยชีวิตของเธอ ปฏิบัติต่อผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต เธอจะทำเป็นถูไถผ่านไปอย่างง่ายแบบนี้ได้อย่าง

ผ่านการสนทนา รพีพงษ์รับรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าเวทิดา เป็นหญิงสาวจากหมู่บ้านที่เชิงเทือกเขาฉินหลิง ครั้งนี้มาในเมืองเพื่อส่งจดหมายให้พ่อของเธอ

“พี่ชาย พี่ช่วยชีวิตของฉันไว้ ถ้าไม่มีพี่ ฉันคงจะถูกคนพวกนั้นทำลายย่อยยับไปแล้ว ดังนั้นฉันจะต้องขอบคุณพี่ บ้านพี่คือหมู่บ้านไหนเหรอ? ถึงเวลาฉันจะพาแม่ไปขอบคุณพี่พร้อมกัน”เวทิดามองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่จริงจัง

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “ฉันไม่ใช่คนที่นี่ ครั้งนี้ฉันมาท่องเที่ยวที่นี่”

เพราะขี้เกียจที่จะอธิบาย ดังนั้นรพีพงษ์บอกตรงๆว่าตัวเองมาท่องเที่ยว

เวทิดาลังเลสักพัก เอ่ยปากถามว่า: “ถ้าอย่างนั้นตอนกลางคืนพี่ชายมีที่พักหรือยัง?”

“เอ่อนี่ยังไม่มี”รพีพงษ์ตอบ

“ถ้าอย่างพี่ชายกลับไปกับฉันดีกว่า ฉันจะตอบแทนให้พี่พึงพอใจอย่างแน่นอน”เวทิดาเอ่ยปากพูด

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท