พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1098 เตรียมตัวเข้าสู่ช่องทางใต้ดิน

บทที่ 1098 เตรียมตัวเข้าสู่ช่องทางใต้ดิน

จี้หยกชิ้นนั้นเป็นสีขาวล้วนทั้งชิ้น ใสเป็นประกายสวยงาม เริ่มแรกมีความรู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้น หลังจากที่รพีพงษ์วางลงบนมือของตัวเอง ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดที่กระจายออกมาจากจี้หยก

“หรือว่านี่ก็คือจี้หยกชิ้นนี้กำลังปราบไอพิฆาตใต้เกาะเหล่านี้เหรอ?”รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง

เขาใช้พลังจิตห่อหุ้มจี้หยกชิ้นนี้ขึ้นมา ตรวจจับการมีอยู่ของจี้หยกชิ้นนี้ไม่ได้ แม้กระทั่งในมือของเขาถือจี้หยกอยู่ เขาก็ไม่สามารถตรวจจับมือของตัวเองออกมาได้

จี้หยกนี้ดูเหมือนจะมีผลบางอย่างในการหลบเลี่ยงพลังจิต สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากตัวเองพกจี้หยกชิ้นนี้ไว้บนร่างกาย ก็จะไม่ถูกค้นพบด้วยพลังจิตของคนอื่นใช่มั้ย

ในเวลาเดียวกันรพีพงษ์ยังความรู้สึกว่าเหมือนราวจะมีพลังมหาศาลพลุ่งพล่านในจี้หยกนี้ พลังแบบนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าใช้มาทำอะไร เขาพยายามลองคิดจะระดมพลังในจี้หยก แต่ว่าก็ไม่มีผลใดๆ

หลังจากศึกษาจี้หยกนี้อย่างถี่ถ้วนเป็นเวลานาน และไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รพีพงษ์ก็นำจี้หยกนั้นไปหานนทภู

ในห้องหนังสือของนนทภู

“ลูกว่าอะไรนะ?! ลูกต้องการจะไปช่องทางใต้ดินเหรอ?”นนทภูมองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดในสิ่งที่ทำให้เขาตกใจขนาดนี้

ตอนนี้ไอพิฆาตในร่างกายของเขาไม่มีแล้ว ได้กลายเป็นคนปกติโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเขาสามารถออกจากเทือกเขากิสนาได้แล้ว

เดิมทีเขายังคิดที่จะกลับไปที่เกียวโตพร้อมกับรพีพงษ์ ไปดูหลานสาวของตัวเอง ปรากฏว่ารพีพงษ์กลับต้องการเข้าไปที่ช่องทางเดินใต้ดิน ในความคิดของเขา ก็เป็นการกระทำที่รนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง

“พ่อไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกจะไปที่นั่น ไอพิฆาตของที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูกสามารถจินตนาการได้ ไปที่นั่นแล้ว ลูกจะกลับมาไม่ได้อีก ตอนนี้ไอพิฆาตของพ่อก็ไม่มีแล้ว ใต้พื้นดินมีอะไรกันแน่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรสนใจ พ่อไม่อยากให้ตัวเองหายแล้ว ลูกชายกลับถูกไอพิฆาตทำให้ตาย”นนทภูเอ่ยปากพูดด้วยความตื่นเต้น

รพีพงษ์รีบเอาจี้หยกชิ้นนั้นที่หาพบในวันนี้ออกมา พูดกับนนทภูว่า: “ผมค้นพบจี้หยกชิ้นนี้ในวันนี้ ผมสงสัยว่าสาเหตุที่ที่นี่มีประสิทธิผลในการปราบต่อไอพิฆาต ก็เป็นเพราะจี้หยกชิ้นนี้ ตราบใดที่ผมสวมใส่จี้หยกชิ้นนี้ไว้ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

นนทภูจ้องมองจี้หยกชิ้นนั้นแวบหนึ่ง และพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ว่า: “ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ใต้พื้นดิน แค่ไอพิฆาตนี้ก็ทำให้คนเพียงแค่เห็นก็หวาดกลัว ที่นี่คงจะยังมีอันตรายอย่างอื่นอย่างแน่นอน พ่อไม่สามารถให้ลูกไปเสี่ยงกับอันตรายนี้ได้ ”

ภายใต้เกาะศูนย์กลาง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นดินแดนลึกลับ มีเพียงสถานที่แบบนี้เท่านั้นที่มีเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่จีรภัทรที่กล่าวไว้ รพีพงษ์จะพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร

“พ่อ เชื่อใจผม ไม่มีปัญหาใดๆทั้งนั้น จี้หยกชิ้นนี้เพียงแค่สามารถปราบไอพิฆาตได้ ถ้าหากข้างล่างยังมีอันตรายนอกเหนือจากไอพิฆาต พ่อจะอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีได้อย่างไร”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด “ที่สำคัญผมจำเป็นต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมคิดไว้แบบนั้นหรือเปล่า ผมมีสิ่งของสำคัญที่จำเป็นต้องไปตามหาที่นั่น ผมไม่สามารถปล่อยโอกาสใดๆผ่านไปได้”

เมื่อนนทภูได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นมองไปที่จี้หยกในมือของรพีพงษ์แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ลูกต้องการไปที่ช่องทางนั้นก็ได้ แต่ว่าต้องแน่ใจว่าจี้หยกนี้สามารถปราบไอพิฆาตนี้ได้จริงหรือเปล่า”

รพีพงษ์ก็แสดงสีหน้ามีความสุขทันที พยักหน้าให้กับนนทภู

แม้ว่าจะรู้ว่าอาจมีความยากลำบากและอันตรายมากมายที่ซ่อนอยู่ในช่องทางนี้ แต่ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่จะกลัวหัวหดเมื่อเจอกับความยากลำบาก

ถ้าหากไม่สามารถหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นได้ ถ้าอย่างนั้นให้เขาไปตายเสียยังจะดีกว่า

วิธีการการทดสอบว่าจี้หยกนี้สามารถปราบไอพิฆาตได้หรือไม่ของรพีพงษ์ง่ายดายมาก ตามที่นนทภูกล่าว น้ำในทะเลสาบที่ความลึกสิบเมตร ก็จะเริ่มมีปรากฏไอพิฆาตขึ้นอย่างช้าๆในน้ำ ดังนั้นรพีพงษ์หาปลามาหนึ่งตัว และนำจี้หยกมาใส่ไว้บนตัวปลา จากนั้นให้ปลาตัวนั้นดำดิ่งลงไปที่ระดับความลึกสิบกว่าเมตร

เมื่อปลาถูกเอาขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากปลายังมีชีวิตรอดอยู่ ก็จะพิสูจน์ได้โดยธรรมชาติว่าจี้หยกมีผลในการปราบไอพิฆาตจริงๆ

และข้อเท็จจริงเป็นเช่นเดียวกับที่รพีพงษ์คิด เมื่อปลาตัวนั้นถูกจับขึ้นมา ยังมีชีวิตชีวาอยู่และไม่มีปัญหาใดๆ

เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องไม่คาดคิด รพีพงษ์ก็หาสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆมาทดสอบ ในที่สุดก็พบว่าหลังจากที่พวกมันสวมจี้หยกไปยังสถานที่ที่มีไอพิฆาต ก็มีชีวิตปลอดภัยรอดมา

นนทภูถึงได้เชื่อว่าด้านบนของเกาะศูนย์กลางปราบไอพิฆาตได้ ก็คือจี้หยกนี้

หลังจากที่แน่ใจเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็เริ่มเตรียมตัวเรื่องที่จะเดินทางไปที่ช่องทางทันที

เพราะถ้ารพีพงษ์นำจี้หยกนี้เข้าไปในช่องทางใต้ดิน ก็เป็นไปได้มากว่าจะก่อให้บนพื้นดินไม่มีสิ่งของที่จะปราบไอพิฆาตเหล่านี้ได้ และไอพิฆาตเหล่านั้นก็จะค่อยๆซึมออกมา

ดังนั้นรพีพงษ์จึงให้นนทภูย้ายทุกคนที่อยู่บนเกาะศูนย์กลางอพยพออกไป และแม้กระทั่งภายในระยะสิบลี้ของทะเลสาบ ก็ไม่สามารถมีการเคลื่อนไหวใดๆ จนกว่ารพีพงษ์จะออกมาจากด้านใน

แน่นอนว่า ตัวของนนทภูเองก็ไม่สามารถอยู่ในเกาะศูนย์กลางต่อไปได้ เขาพร้อมกับผู้คนในเทือกเขากิสนา จำเป็นต้องถอยห่างจากนอกเกาะศูนย์กลางไปเป็นระยะทางสิบลี้

รพีพงษ์และนนทภูได้ตกลงกันไว้ว่า เขาจะเข้าไปเพียงหนึ่งอาทิตย์ หลังจากหนึ่งอาทิตย์ ไม่ว่าเขาจะหาสิ่งของที่ต้องได้หรือไม่ ก็ต้องออกมาจากด้านใน

ถ้าหากรพีพงษ์ไม่ออกมาตามเวลาที่ตกลงไว้ นั่นหมายความว่าเขาตายอยู่ข้างในแล้ว หรือว่าติดอยู่ข้างใน

ในเวลานั้นนนทภูก็ต้องไปสถานที่ที่รพีพงษ์บอกไว้ หาธัชธรรม ให้พวกเขาคิดหาทางเข้าสู่ไปใต้ดิน ไปยืนยันสถานการณ์ของตัวเอง

เหตุผลที่รพีพงษ์จัดเตรียมการไว้แบบนี้ เป็นเพราะธัชธรรมและธีรพัฒน์เป็นชายชราที่มีชีวิตมาหลายร้อยปี ประสบการณ์คงจะมากมายกว่าเขา น่าจะมีวิธีต้านทานไอพิฆาตเหล่านั้น ต้องการเข้าสู่ในช่องทางเพื่อยืนยันสถานการณ์ของตัวเองน่าจะยังง่ายมาก

ที่สำคัญไอพิฆาตของที่นี่น่ากลัวมากขนาดนี้ รพีพงษ์ก็ควรจะบอกสถานการณ์ที่นี่ให้กับธัชธรรมพวกเขา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด

หลังจากเตรียมการเรียบร้อยแล้ว นนทภูและรพีพงษ์ก็เริ่มงานอพยพพนักงาน

นนทภูได้อพยพพนักงานทั้งหมดภายในรัศมีสิบลี้ออกไปข้างนอก และประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่า เทือกเขากิสนาจะหยุดการทำธุรกิจชั่วคราว คนเหล่านั้นที่จะมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดก็ถูกขับไล่ออกไป

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ รพีพงษ์ก็ตรวจสอบของที่ตัวเองจะนำเขาไป หลังจากที่เตรียมการทุกอย่างแล้ว รพีพงษ์ส่งนนทภูไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้ด้วยตัวเอง

นนทภูมองไปที่ลูกชายของตัวเองอย่างทุกข์ใจ หลังจากนั้นไม่นาน ถึงค่อยๆพูดว่า: “ต้องมีชีวิตรอดกลับมานะ!”

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมา แล้วพูดว่า: “วางใจได้ครับพ่อ ผมโชคดีดวงแข็ง ไม่ได้ตายง่ายๆหรอก”

นนทภูตบไหล่ของเขา และไม่พูดอะไรอีก

รพีพงษ์ไม่ลังเลอีกต่อไป หันหลังแล้วดินไปที่เกาะศูนย์กลาง

นนทภูบอกตำแหน่งที่ตั้งของช่องทางใต้ดินนั้นให้รพีพงษ์อย่างละเอียด รอถึงเกาะศูนย์กลาง เขาก็สามารถเข้าสู่ช่องทางได้แล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท