พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1088 สำนักบ้อเก๊ก

บทที่ 1088 สำนักบ้อเก๊ก

เรื่องของหญิงสาวในชุดแดง ทำให้รพีพงษ์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร แต่ผลสรุปโดยรวมของข้อมูลต่างๆออกมา ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าตัวเองอาจจะแค่ฝันแปลกประหลาดไป

ทำไมตัวเองถึงได้ฝันแบบนั้น รพีพงษ์ก็ไม่รู้ แต่ว่าในใจของเขาคาดเดาว่าอาจเป็นเพราะใต้ต้นไม้ที่เขานอนเมื่อคืนนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะฝังศพของหญิงสาวอยู่

เพราะเขาเคยสัมผัสกับผู้คนจากโลกอื่นมาก่อน เรื่องราวผีสางเทพเทวดาแบบนี้สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ทั้งหมด

เรื่องราวเหลือเชื่อแบบนี้มีอยู่จริงหรือไม่ เขาก็ไม่รู้ แต่ว่าเขาเข้าใจเหตุผลอย่างหนึ่ง เชื่อว่ามีอยู่ แต่ก็ไม่เชื่อว่าไม่มี

หญิงสาวในชุดแดงเมื่อวานนี้คนนั้น อาจเป็นเพราะถูกฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้นี้จริงๆ หรือว่าสถานที่อื่นๆ พอดีเมื่อคืนนี้ดวงจันทร์เต็มดวง ดังนั้นตัวเองถึงไปโดนเข้า

แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดาของรพีพงษ์ เรื่องที่ว่าจะมีผีจริงๆหรือไม่มี ยังพูดได้ไม่ชัดเจนจริงๆ

นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าสภาพแวดล้อมในภูเขานี้ทำให้ตัวของเขาเองมีความฝันเช่นนี้

ไม่ได้คิดมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอีกต่อไป รพีพงษ์ก็เก็บข้าวของของตัวเองเรียบร้อย และรีบออกเดินทางไปภูเขากับฐปนีย์พวกเขาทั้งสามต่อไป

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งวันกว่า รพีพงษ์มองเห็นบนยอดเขาในระยะไกล เขียนตัวหนังสือสองตัวที่ภาคภูมิกว้างโอ่อ่า

“บ้อเก๊ก!”

เขาหันหน้ามองไปที่ฐปนีย์พวกเขาทั้งสามคนแวบหนึ่ง เอ่ยปากถามว่า: “บ้อเก๊กสองคำนี้ เป็นชื่อสำนักของพวกเธอเหรอ?”

ฐปนีย์พูดด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ: “ถูกต้อง สำนักของพวกเรา ก็คือสำนักบ้อเก๊ก ในเวลาเดียวกันนี่ก็เป็นชื่อของอาจารย์พวกเรา เขาชื่อว่าจีรภัทร สำนักบ้อเก๊กตั้งชื่อตามชื่อของเขาด้วย”

“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านผู้อาวุโสเขาอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาฉินหลิง ไม่เคยออกไปมาก่อน ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงของสำนักบ้อเก๊กของพวกเรา ก็โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย คิดในใจว่าไม่ใช่ว่าอาจารย์ของเธอไม่อยากออกไป แต่เป็นเพราะเขาไม่สามารถออกไปได้

แต่ว่าจีรภัทรเป็นผู้มาจากทวีปโอชวิน ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือความแข็งแกร่ง ก็สูงกว่าคนของวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยมาก ดังนั้นถ้าหากไม่มีข้อตกลงกับธัชธรรม ไม่แน่สำนักบ้อเก๊กนี้อาจจะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจริงๆ

“ฉันจะบอกนายให้ ด้านหน้าก็สำนักของสำนักบ้อเก๊กของพวกเราแล้ว เดี๋ยวถึงแล้วนายช่วยทำตัวดีๆด้วย อาจารย์ของพวกเราไม่ใช่ว่านายอยากพบก็ได้พบ ต่อให้คุณสมบัติของนายไม่เลว ก็ต้องอยู่ให้บนภูเขาให้ครบเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันแล้วถึงจะสามารถพบอาจารย์ของพวกเราได้ เข้าใจมั้ย?”ฐปนีย์เขม็งตาใส่รพีพงษ์แล้วเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันที แล้วพูดว่า: “ฉันไม่ได้มาไหว้บูชาอาจารย์ ดังนั้นเงื่อนไขของเธอไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ถึงสำนักของพวกเธอ ฉันก็จะพบอาจารย์ของพวกเธอ”

ทันใดนั้นฐปนีย์ก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ: “นายคิดว่านายเป็นใคร ทำไมพวกเราต้องทำลายกฎเกณฑ์เพื่อนายด้วย ถ้านายไม่ต้องการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้ ตอนนี้ก็สามารถออกไปได้ ไม่มีใครบังคับให้นายไปที่สำนักของพวกเรา ”

หลังจากพูดแล้ว ฐปนีย์ก็ยังคงเดินไปด้านหน้า

รพีพงษ์ไม่สนใจคำพูดของเธอ และยังคงเดินตามพวกเขาไปด้านหน้า

อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็รู้อยู่แล้วสำนักของสำนักบ้อเก๊กอยู่ที่ไหน ฐปนีย์พวกเขาทั้งสามคนสำหรับรพีพงษ์แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

เดี๋ยวถึงในสำนักของพวกเขา ต่อให้ฐปนีย์พวกเขาทั้งสามคนไม่ให้จีรภัทรออกมาเจอเขา เขาก็มีวิธีมากมายนับไม่ถ้วนที่จะบีบคั้นให้จีรภัทรออกมา

ชายหนุ่มคนนั้นที่ผ่านการทดสอบมีตามมาด้วยเห็นว่าท่าทางของรพีพงษ์จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความสัมพันธ์ใดๆที่ดีกับฐปนีย์ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย

เขาก็เพิ่งจะมาที่นี่ ถ้าหากเพราะรพีพงษ์ ทำให้คนในสำนักบ้อเก๊กเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อเขา ถ้าอย่างนั้นในอนาคตเขาในสำนักบ้อเก๊กก็ถือได้ว่าจบเห่แน่ๆ

ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปที่ข้างๆรพีพงษ์ พูดโน้มน้าวว่า: “พี่ ผมรู้สึกว่าพี่น่าจะอ่อนข้อเถอะ เนื่องจากได้มาถึงที่สำนักของพวกเขาแล้ว ที่นี่เป็นถิ่นของคนอื่นทั้งหมด ถ้าพี่ยังพูดจาแบบเมื่อกี้นี้ ถึงเวลาคนที่จะโชคร้ายก็คือตัวของพี่เอง”

“ที่สำคัญพวกเราเป็นผู้มาใหม่ ต่อให้อาจารย์จะลงมือ คงจะช่วยพวกเขาอย่างแน่นอน พวกเราจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น ”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “อาจารย์ของพวกเขาจะลงมือฉันก็ไม่หวาดกลัวอะไรทั้งนั้น นับประสาอะไรกับพวกเขา นายก็ไม่ต้องเป็นกังวลแทนฉันแล้ว ”

เมื่อชายหนุ่มเห็นว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแต่ดื้อรั้น ที่สำคัญยังหลงตัวเองขนาดนี้ กล้าพูดว่าตัวเองไม่กลัวอาจารย์ของพวกเขา สิ่งนี้คือกำลังพูดจาโอ้อวด และในใจรู้สึกว่าเขาไม่มีเหตุผล ดังนั้นก็หยุดพูดโน้มน้าวรพีพงษ์

หลังจากนั้นไม่นาน คนทั้งกลุ่มก็มาถึงที่หน้าสำนักของสำนักบ้อเก๊ก มองไปทางด้านหน้า เป็นบันไดยาว ที่ปลายทางสุดของบันได จะเห็นดาดฟ้ากว้างใหญ่ที่คนสร้างขึ้นมา บนดาดฟ้า เป็นการก่อสร้างแบบย้อนยุคมาก

แม้ว่าที่นี่จะอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา แต่การวางแผนในสำนักของสำนักบ้อเก๊กกลับเป็นระเบียนเรียบร้อย และมีกลิ่นควันตลบอบอวลไปทั่ว

คิดๆดูแล้วจีรภัทรอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ต่อให้ทุกปีเขารับลูกศิษย์แค่คนเดียว ผ่านไปเป็นเวลานานขนาดนี้ สำนักบ้อเก๊กนี้ก็มีผู้คนหลายร้อยคนแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในบางครั้งโชคดี เจอกับคนมีความสามารถที่คุณสมบัติดีมากกว่า ต่อให้สำนักบ้อเก๊กนี้จะมีลูกศิษย์สองร้อยคน รพีพงษ์ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ

ดังนั้นพวกเขาสามารถสร้างสถานที่นี้ให้กลายเป็นแบบนี้ได้ ก็ไม่มีอะไรน่าแปลก

เมื่อเดินไปตามขั้นบันไดไปด้านหน้า คนกลุ่มหนึ่งมาถึงตำแหน่งที่ราบเรียบ รพีพงษ์เห็นว่าที่นี่บ้านมากมาย ซึ่งทั้งหมดได้รับการสร้างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่สำคัญต้นไม้บริเวณๆเขียวชะอมสวยงดงามก็ทำได้ดีมาก

ในขณะนี้อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จะเห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังฝึกชกมวย พวกเขามีทั้งชายและหญิง แต่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และเพศหญิงมีเพียงไม่กี่คน

หลังจากที่ฐปนีย์และคนอื่นๆมาถึงที่นี่ ฐปนีย์ก็ตะโกนใส่คนเหล่านั้นทันทีว่า: “ศิษย์พี่ชายศิษย์พี่สาวทุกคน!พวกเรากลับมาแล้ว!”

ทุกคนที่ฝึกชกมวยที่นั่นก็หยุดลงมาทันที และมองมาทางพวกเขา

ในไม่ช้า คนเหล่านั้นก็วิ่งมาถึงตรงหน้าฐปนีย์พวกเขาทั้งสามคน หนึ่งในนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ศิษย์น้องฐปนีย์ ผลเก็บเกี่ยวในครั้งนี้ไม่เลวนะ คาดไม่ถึงพากลับมาได้สองคน”

ฐปนีย์เหลือบมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ชายหนุ่มคนนี้พวกเราคัดเลือกกลับมา คนที่อายุยี่สิบกว่า คือคนที่หน้าด้านไร้ยางอายตามพวกเรากลับมา ไม่นับเขา”

ทุกคนต่างสงสัยเล็กน้อย หันหน้ามองไปที่รพีพงษ์ เริ่มมองดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ดูท่าทางอายุมากไปเล็กน้อยจริงๆ ดูเหมือนว่าคุณสมบัติก็ไม่น่าจะดีมาก ศิษย์น้อง ทำไมพวกเธอต้องพาเขากลับมาด้วย?”

ฐปนีย์ส่งเสียงเย็นชา พูดว่า: “ฉันก็บอกแล้วไง เขาหน้าด้านไร้ยางอายตามกลับมา”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดกับลูกศิษย์เหล่านั้นว่า: “ทุกคน ฉันมาพบอาจารย์ของพวกคุณ รบกวนช่วยแจ้งให้ด้วย”

เมื่อฐปนีย์ได้คำพูดของรพีพงษ์ หันหน้าเขม็งตาใส่เขาทันที เอ่ยปากพูดว่า: “นายฟังสิ่งที่ฉันบอกกับนายไม่เข้าใจเหรอ? ฉันบอกกับนายแล้วว่า อยู่ในภูเขาครบสี่สิบเก้าวัน นายถึงจะมีสิทธิ์พบอาจารย์”

เมื่อรพีพงษ์เห็นฐปนีย์ทำแบบนี้ ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อพวกเขาไม่แจ้งให้ตัวเอง ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ทำได้เพียงตะโกนเรียกจีรภัทรออกมา

เขาหมุนเวียนพลังวิเศษเสนทันที จากนั้นรวมพลังของตัวเองเข้าน้ำเสียง ตะโกนว่า: “จีรภัทร ออกมาพบกับฉันเร็วๆ!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท