พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1083 หินทดสอบทิพย์

บทที่ 1083 หินทดสอบทิพย์

ปีนี้ไม่มีคนมีความสามารถที่มีคุณสมบัติดีในหมู่บ้านนี้ คนเหล่านี้ก็ทดสอบกันเสร็จหมดแล้ว ก็มีเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติ ปีที่แล้วยังดีมีสองคน ปีหนึ่งไม่ดีเท่าปีหนึ่งจริงๆ”ศิษย์พี่ใหญ่ปวีณวัชพูด

“ใช่ แต่คุณสมบัติที่ดีเหมือนกับพวกเราเดิมทีก็มีไม่มาก สถานการณ์แบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติ”ศิษย์พี่รองเมทนีเอ่ยปากพูด

ศิษย์น้องฐปนีย์ก็ดูเบื่อหน่าย แล้วพูดว่า: “ฉันรู้สึกว่าเหตุผลหลักคืออาจารย์ให้พวกเรารับแต่ลูกศิษย์ในหมู่บ้านไม่กี่แห่งนี้ ไม่ให้ไปที่อื่น โลกภายนอกกว้างใหญ่ขนาดนี้ คนที่มีคุณสมบัติที่ดีคงจะมีอยู่มากมาย ก็ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ไม่ให้ออกไป”

“เกรงว่าพวกเราก็ทำได้เพียงหาคนในหมู่บ้านห่วยแตกหลายแห่งนี้ น่าจะเบื่อจะตายอยู่แล้ว”

“นีย์ เธอก็ออกมาจากในหมู่บ้านห่วยแตกนี้ ตอนนี้รังเกียจขึ้นมาแล้ว”ปวีณวัชยิ้มแล้วพูด

“คนเราก็ต้องเดินไปในที่สูง แม้ว่าเมื่อก่อนฉันจะเป็นคนในหมู่บ้าน แต่ว่าฉันก็ไหว้บูชาเข้ามาเป็นศิษย์สำนักของอาจารย์แล้ว สิ่งนี้ก็หมายความว่าชะตากรรมของฉันไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่ในหมู่บ้านห่วยแตกเล็กๆนี้”ฐปนีย์พูดอย่างไม่สนใจ

อีกสองคนก็ไม่ได้โต้ตอบคำพูดนี้ของเธอ เห็นได้ชัดว่าในใจก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เอาหมู่บ้านของที่นี่ไว้ในสายตาแล้ว ดังนั้นปฏิบัติต่อชาวบ้านอย่างโอหังอวดดี

“แต่ว่าการทดสอบในครั้งนี้จบลงสักที อาจารย์ก็ไม่ให้พวกเราไปที่อื่น ถ้าสามารถออกไปดูได้จะดีมาก”ฐปนีย์พูดอยู่ ก็จะเก็บก้อนหินบนโต๊ะนั้น

ในขณะนี้ รพีพงษ์เดินมาถึงตรงหน้าพวกเขา

ทั้งสามคนหันหน้ามองไปทางรพีพงษ์ หลังจากที่ฐปนีย์เห็นท่าทางของรพีพงษ์ ขมวดคิ้วทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า: “นายฟังกฎการคัดเลือกไม่เข้าใจเหรอ? คนที่อายุเกินยี่สิบปีไม่สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ หรือว่านายคิดว่าคุณสมบัติของตัวเองก็ไม่เลว อยากจะมาลองดูเองเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ แล้วพูดว่า: “ฉันไม่ได้มาเข้าร่วมการคัดเลือก ฉันอยากพบอาจารย์ของพวกเธอ”

ทั้งสามคนนิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม

“ดูท่าทางของนาย น่าจะไม่ใช่คนในหมู่บ้านใช่มั้ย? คาดไม่ถึงว่าจะมีคนจากโลกภายนอกวิ่งมารอพวกเราที่นี่อีก ที่สำคัญเมื่อเอ่ยปากก็จะพบอาจารย์ของพวกเรา น้ำเสียงก็ไม่สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน”ฐปนีย์พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก

ปวีณวัชและฐปนีย์ก็มองไปที่รพีพงษ์ตั้งหัวจรดเท้าแวบหนึ่ง เห็นว่ารพีพงษ์ไม่เหมือนกับคนที่มีคุณสมบัติ บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย

ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในแดนปรมาจารย์ เป็นไปไม่ได้ที่มองออกว่ารพีพงษ์มีคุณสมบัติหรือไม่

“ขอโทษด้วยจริงๆ ปีนี้อาจารย์ของพวกเรามีคำสั่งใหม่ จากนี้ไปไม่รับคนต่างถิ่น รับแต่คนในหมู่บ้าน ดังนั้นนายกลับไปเถอะ”ปวีณวัชพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย: “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ได้มาเข้าร่วมการคัดเลือก ฉันมาพบอาจารย์ของพวกนาย ถ้าหากพวกนายกลับไป พาฉันไปด้วย”

ฐปนีย์ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เอ่ยปากพูดว่า: “นายฟังความหมายของพวกเราไม่เข้าใจใช่มั้ย พวกเราพูดแบบนี้ ก็คือไม่อยากให้นายพบอาจารย์ของพวกเรา อาจารย์ของพวกเราสูงส่งมากขนาดนั้น ใช่ว่าคนอย่างนายบอกว่าจะพบก็สามารถพบได้”

“นายรีบไสหัวออกไปให้พ้นหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจนาย!”

รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าท่าทีของพวกเขาจะแย่มากขนาดนี้ ก็ขมวดคิ้ว

ครั้งนี้เขามาหาผู้คุมกันคนที่สี่ เพื่อภรรยาของตัวเอง แล้วจะมีกะจิตกะใจมาเสียเวลากับพวกคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะนี้ได้อย่างไร

“ฮ่าๆ เดิมทีฉันก็อยากจะพูดจากับพวกเธออย่างเกรงใจ แต่ถ้าพวกเธอมีท่าทีแบบนี้ ฉันก็จะไม่เกรงใจพวกเธอเช่นกัน”รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น

เมื่อปวีณวัชและฐปนีย์ทั้งสองคนได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ แววตาก็แน่วแน่ คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะใช้ท่าทีแบบนี้พูดจากับพวกเขา สีหน้าก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาทัน

พวกเขาไม่ได้เอารพีพงษ์ไว้ในสายตา ตั้งใจจะลงมือกับรพีพงษ์

ในขณะนี้ ฐปนีย์กลอกตาไปมา เอ่ยปากพูดว่า: “นายอยากจะพบอาจารย์ของพวกเราก็ได้ แต่ว่าถ้ามีคนอยากจะพบอาจารย์ของพวกเรา พวกเราก็พาเขาไปเจอ ถ้าอย่างนั้นสำนักของพวกเราคงจะถูกคนเบียดเสียดแน่นไปนานแล้ว ”

“ดังนั้นนายอยากเจออาจารย์ของพวกเรา ก็ต้องบรรลุเงื่อนไขบางประการ”

เมื่อปวีณวัชและเมทนีทั้งสองคนได้ยินคำพูดของฐปนีย์ ถึงได้ไม่ลงมือต่อรพีพงษ์

“เงื่อนไขอะไรเหรอ?”รพีพงษ์ถาม

“สิ่งนี้คือหินทดสอบทิพย์คุณสมบัติของสำนักของพวกเรา เพียงแค่วางมือลงไป หินทดสอบทิพย์สามารถรับรู้คุณสมบัติของคนคนนี้ คนที่คุณสมบัติไม่เหมือนกัน ทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงที่ไม่เหมือนกันออกมา”

“คนที่คุณสมบัติแย่ที่สุด ไม่สามารถทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงได้ แต่คนที่มีคุณสมบัติเล็กน้อย จะทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีขาวออกมา คุณสมบัติที่ดีมาก จะทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีแดงออกมา คนที่คุณสมบัติที่สูงที่สุด จะทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีม่วงออกมา ”

“ตราบใดที่นายสามารถทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีม่วงออกมาได้ พวกเราก็จะรับปากพานายไปพบอาจารย์ของพวกเรา”

ฐปนีย์อธิบายหินทดสอบทิพย์ให้รพีพงษ์ จากนั้นจ้องมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

“แต่ถ้าหากนายไม่สามารถทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีม่วงได้ จะต้องคุกเข่าก้มกราบยอมรับผิดกับพวกเรา และจากนี้ไปสัญญาว่าจะไม่เกิดความคิดที่อยากจะไปพบอาจารย์ของพวกเราอีก”

“นายกล้ารับปากเงื่อนไขนี้มั้ย?”

หลังจากที่ปวีณวัชและเมทนีทั้งสองคนได้ยินคำพูดของฐปนีย์ บนใบหน้าก็ปรากฏรอยเยาะเย้ย เข้าใจว่าทำไมฐปนีย์ต้องทำเช่นนี้

พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า คนที่สามารถทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีม่วงออกมาได้ มันไม่มีอยู่เลย

พวกเขาทั้งสามคนถือได้ว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติค่อนข้างดี แต่ว่าทดสอบในตอนนั้น ก็แค่ทำให้สีขาวของหินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง แม้แต่แสงสีแดงก็ไม่ปรากฏขึ้น

ดังนั้นพวกเขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่สามารถทำให้หินทดสอบทิพย์เปล่งแสงสีม่วงออกมาได้ ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะไม่มีคุณสมบัติอะไร แม้แต่แสงสีขาวก็ไม่มีด้วยซ้ำ

ตราบใดที่รพีพงษ์รับปาก ถึงเวลานั้นเขาก็มีเพียงทางเลือกเดียวคือคุกเข่าก้มกราบแต่โดยดี

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของฐปนีย์ เพราะมีความสนใจต่อหินทดสอบทิพย์นั้นอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงพยักหน้าให้เธอ แล้วพูดว่า: “ได้ ฉันรับปากเธอ”

เมื่อฐปนีย์เห็นรพีพงษ์รับปาก แสยะยิ้ม คิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ทึ่มโง่จริงๆ นี่ก็แสดงให้ชัดเจนว่าต้องการจะคุกเข่าให้กับคนอื่น

เธอก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระ วางหินทดสอบทิพย์กลับไปบนโต๊ะ

“วางมือของนายไว้บนหินทดสอบทิพย์ก็พอแล้ว”ฐปนีย์เอ่ยปากพูด

บนใบหน้าของปวีณวัชและเมทนีทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ในแววก็ปรากฏความคาดหวังออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่า พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่ารพีพงษ์จะทดสอบแสงสีม่วงออกมาได้หรือไม่ แต่คาดหวังว่ารพีพงษ์จะคุกเข่ายอมรับผิดกับพวกเขา

รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล วางมือของตัวเองลงด้านบนหินทดสอบทิพย์ก้อนนั้น

เพิ่งจะสัมผัส รพีพงษ์ก็รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ส่งออกมาเล็กน้อย ต่อจากนั้นก็มีพลังแปลกประหลาดติดอยู่ที่บนฝ่ามือของตัวเอง

รพีพงษ์ก็มีความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย ด้วยคุณสมบัติของตัวเอง ถือว่าอยู่ในระดับไหน

แต่ผ่านไปไม่นาน หินทดสอบทิพย์ก้อนนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไม่เปล่งแสงใดๆออกมาทั้งนั้น

“ฉันขำจะตายอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่ไม่มีคุณสมบัติอะไรทั้งนั้น แบบนี้ก็อยากพบอาจารย์ของพวกเรา ฝันไปเถอะ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท