พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1094 เฮลิคอปเตอร์มารับ

บทที่ 1094 เฮลิคอปเตอร์มารับ

เมืองซีนี่อยู่ใกล้กับเทือกเขาฉินหลิงที่สุด

รพีพงษ์มาถึงที่หน้าประตูอาคารใหญ่หลังหนึ่ง เมื่อกี้นี้เขาได้ดำเนินการติดต่อกับคนของเทือกเขากิสนาแล้ว ให้พวกเขาส่งเฮลิคอปเตอร์มารับตัวเอง

คนของเทือกเขากิสนาได้บอกตำแหน่งที่ตั้งของลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ใกล้กับรพีพงษ์ให้รพีพงษ์ และให้รพีพงษ์ไปรอที่นั่นก่อน พวกเขาจะจัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์ไปรับรพีพงษ์ทันที

ตำแหน่งที่ตั้งของลานจอดเครื่องบินนี้ ก็อยู่บนยอดตึกด้านหน้าของรพีพงษ์

อาคารนี้เป็นอาคารพาณิชย์ระดับหรูหราหลังหนึ่ง เป็นสถานที่สามารถติดตั้งลานจอดเครื่องบินได้ ก็ต้องไม่ธรรมดา

และที่นี่ก็คืออุตสาหกรรมแห่งหนึ่งที่ไม่อยู่ในสายตาของเทือกเขากิสนา

ในการเข้าออกจากอาคารนี้จำเป็นต้องใช้การ์ดพิเศษ คนนอกอยากจะเข้าไป จำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบที่ซับซ้อนมาก

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ รพีพงษ์ได้ปลดพลังจิตของตัวเองออกมา ใช้พลังจิตวิญญาณเทพ“บดบัง”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนที่ทางเข้าอาคาร

แบบนี้ก็จะไม่มีใครเห็นรพีพงษ์เดินเข้าไปในอาคาร

สัญญาณเตือนภัยที่ทางเข้าอาคารดังขึ้นมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนมองไปอย่างรวดเร็ว โดยคิดว่ามีคนต้องการจะบุกเข้าไป แต่ในเวลานี้ที่ทางเข้าอาคาร

มีเพียงพวกเขาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กี่คน และไม่เห็นมีคนอื่น

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“น่าแปลกจริงๆ ทั้งๆที่ไม่มีใคร ทำไมสัญญาณเตือนนี้ถึงได้ดังขึ้นมา? เป็นไปได้ไหมว่าเครื่องจะขัดข้องเหรอ?”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพึมพำ

รพีพงษ์ยิ้มแล้วมองดูท่าทางตกตะลึงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนนั้น จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน

ตลอดทางจนถึงด้านบนอาคาร รพีพงษ์สังเกตเห็นว่าประตูที่ปลายบันไดเปิดอยู่ และดูเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ชั้นบน

เขาเดินออกไปนอกประตู แวบแรกก็เห็นลานจอดเครื่องบินชั้นบนนั้น จากนั้นเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ พบว่าในมุมหนึ่ง ชายและหญิงกำลังกอดกัน เสื้อผ้าของผู้หญิงไม่เรียบร้อย ผู้กำลังเร่งรีบจะทำให้เสร็จโดยเร็ว และ รีบร้อนอย่างทนไม่ไหว

ดูจากเสื้อผ้าของทั้งสองคนสวมใส่ น่าจะเป็นพนักงานในอาคารนี้ ท่าทางของผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นหัวหน้า ส่วนผู้หญิงน่าจะเป็นเลขาคนหนึ่ง

เมื่อเห็นฉากนี้ รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ไม่คาดคิดว่าจะมีคนวิ่งมาทำเรื่องแบบนี้ที่สถานที่แบบนี้

พอดีว่าผู้หญิงคนนั้นหันหน้าไปทางรพีพงษ์ ในไม่ช้าเธอก็สังเกตเห็นชั้นบนของอาคารมีคนเพิ่มมาหนึ่งคน ตกใจจนรีบผลักชายคนนั้นออกไป พูดด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก: “ประธานณยศ มีคนมา”

ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าประธานณยศก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นหันมองมาทางรพีพงษ์

หลังจากที่พบว่าไม่ใช่คนที่ตัวเองรู้จัก ในใจของเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาจ้องมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่าละเอียด เห็นรพีพงษ์ดูไม่เหมือนคนที่ทำงานในอาคารนี้ จึงเอ่ยปากถามว่า: “นายเป็นใคร ใครให้นายขึ้นมา?”

รพีพงษ์ ยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ขอโทษด้วย ฉันมาที่นี่เพื่อรอคนมารับฉัน คาดไม่ถึงจะเจอกับเรื่องของพวกคุณ แต่ว่าพวกคุณอย่าได้ถือสา ฉันไม่รบกวนพวกคุณ พวกคุณ ทำต่อไปได้”

ประธานณยศก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ด่าว่า: “แกอยู่ที่นี่ฉันแม่งจะทำต่อไปยังไง ฉันว่าแกจงใจมาก่อกวนใช่มั้ย?”

รพีพงษ์ยักไหล่ แล้วพูดว่า: “ฉันรอคนมารับฉันจริงๆ”

“แกหลอกใคร? ใครจะวิ่งมารับแกชั้นบนอาคารนี้? ฉันว่าแกจงใจมาก่อกวนใช่มั้ย?”ประธานณยศพูดอย่างโกรธ ๆ

ในตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นได้ใส่เสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นควงแขนของประธานณยศด้วยใบหน้าที่คับแค้นใจ แล้วพูดว่า: “ประธานณยศ คนคนนี้มองดูก็เหมือนยาจก เมื่อกี้นี้คนอื่นเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ ก็ถูกเขาขัดจังหวะแบบนี้ น่าโมโหจริงๆ”

ประธานณยศปลอบใจผู้หญิงคนนั้นทันทีว่า: “ที่รัก คุณอย่าใจร้อน ฉันจะสั่งสอนยาจกคนนี้แทนคุณเดี๋ยวนี้ ว่างไม่มีอะไรทำกลับวิ่งมาชั้นบนของอาคาร หาเรื่องจริงๆ”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ดูจากที่แกสวมใส่แล้ว น่าจะไม่ใช่พนักงานของที่นี่ใช่มั้ย? แต่ในเมื่อแกสามารถเข้ามาในอาคารได้ แสดงว่าแกก็ทำงานอยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันเดาไม่ผิด แกน่าจะเป็นพนักงานทำความสะอาดของอาคารใช่มั้ย?”

“ฉันจะบอกแกให้ ฉันรู้จักกับผู้จัดการของพวกแก ตอนนี้แกรีบขอโทษพวกฉันซะ จากนั้นก็รีบไสหัวออกไป ไม่อย่างนั้น ตอนนี้ฉันก็จะโทรหาผู้จัดการของพวกแกให้เขาไล่แกออก”

รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คาดไม่ถึงตัวเองก็แค่มารอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่นี่ กลับยังเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตั้งใจจะถือสาทั้งสองคนนี้ คำนวณเวลาดูแล้ว เวลาที่เทือกเขากิสนาส่งคนมาน่าจะมาเร็วๆนี้แล้ว ตอนนี้เขาแค่อยากจะรีบไปที่เทือกเขากิสนา

เขาไม่สนใจประธานณยศ และเดินตรงไปที่ลานจอดเครื่องบิน

เมื่อประธานณยศเห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่สนใจเขา ในใจก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างฉับพลัน ก้าวไปข้างหน้าและตะโกนว่า: “แกไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดเหรอ? หรือว่าแกอยากถูกไล่ออกจริงๆเหรอ?”

รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่เขาแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันบอกแล้ว ฉันแค่มาที่นี่เพื่อรอคนมารับฉัน ที่สำคัญพวกคุณสองคนมาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกันที่นี่ ทำไมฉันต้องขอโทษพวกคุณด้วย?”

เมื่อประธานณยศได้ยิน ก็มีความใจร้อนอยากพุ่งไปต่อยตีรพีพงษ์ทันที

ในเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นดึงตัวประธานณยศไว้ เอ่ยปากพูดว่า: “ประธานณยศ ช่างมันเถอะ อย่าไปถือสาคนอย่างเขาเลย ดูท่าทางของเขา สมองน่าจะมีปัญหา ไม่แน่เขาอาจจะมากระโดดตึกที่นี่ ถึงเวลาอย่ามาโทษพวกเรา ”

ประธานณยศถึงได้ไม่พุ่งไปหาเรื่องรพีพงษ์

เขาตะโกนใส่รพีพงษ์ และพูดว่า: “คนสมองมีปัญหาจริงๆ ใครจะมารับแกในสถานที่แบบนี้ หรือว่ายาจกอย่างแกยังหวังว่าเฮลิคอปเตอร์จะมารับแกเหรอ?”

ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงของเครื่องบินก็ดังขึ้นใกล้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากนั้น เฮลิคอปเตอร์ก็ปรากฏขึ้นชั้นบนและลงจอดบนพื้นลานจอดเครื่องบิน

ประธานณยศและผู้หญิงคนนั้นมองดูอย่างเหม่อลอย อย่างไรก็ตามพวกเขาก็คาดไม่ถึง จะมีเฮลิคอปเตอร์บินมาจริงๆ

ลานจอดเครื่องบินด้านบนของอาคารพวกเขาไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานานมากแล้ว โดยทั่วไปไม่เคยมีใครเห็นเฮลิคอปเตอร์มาจอดที่นี่ คาดไม่ถึงปรากฏขึ้นมาไม่ง่ายครั้งหนึ่ง ก็ถูกพวกเขาทั้งสองคนพบเข้า

รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่ประธานณยศและผู้หญิงคนนั้นแล้วยิ้ม จากนั้นก็หันหลังไปที่เฮลิคอปเตอร์

ประธานณยศและผู้หญิงคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์ที่จากไปด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง และก็ไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน

“คาด คาดไม่ถึงจะมีคนมารับเขาที่นี่จริงๆด้วย นี่ก็เหลือเชื่อเกินไปแล้ว? ตกลงว่าเขาเป็นใครกันแน่ ต้องมีภูมิหลังแบบไหน ถึงสามารถทำให้เฮลิคอปเตอร์มารับได้?”หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง

ประธานณยศขมวดคิ้วในเวลานี้ ในหัวของเขาก็นึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ลานจอดเครื่องบินชั้นบนอาคารนี้ ดูเหมือนจะสร้างขึ้นมาเพื่อเจ้าของของอาคารนี้โดยเฉพาะ

มีข่าวลือว่าเจ้าของอาคารนี้เป็นคนรวยอันดับต้นๆของโลก และมีอุตสาหกรรมของตัวเองอยู่ทั่วโลก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วลานจอดเครื่องบินจะไม่ได้ใช้งาน แต่เวลาที่จะใช้ก็ต้องมี ดังนั้นลานจอดเครื่องบินถึงได้ถูกสร้างขึ้นที่ชั้นบนอาคาร

ผู้ชายเมื่อกี้นี้ คงจะไม่ใช่เจ้าของของอาคารนี่นะ?!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท