พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1127 แกล้งเป็นผี

บทที่ 1127 แกล้งเป็นผี

สองทุ่มตอนกลางคืน รพีพงษ์กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ในห้อง

ในเวลานี้ด้านนอกสวนลานมีเสียงฟู่ๆดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาปลดปล่อยพลังจิตออกมาตรวจสอบ จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้น เดินไปที่หน้าต่าง และหายตัวไปจากที่เดิม

ในเวลานี้ด้านนอกสวนลาน ธีรเดชกำลังพาคนรับใช้หลายคนของตระกูลณัฐรัชต์ ยืนอยู่ตรงมุมกำแพง หลบๆซ่อนๆ กำลังปรึกษาหารืออะไรกัน

ในมือของหลายคนถือหน้ากากและผมยาวที่ใช้มาแกล้งเป็นผีแบบนั้นไว้ มีหนึ่งในนั้นที่ยังคงสวมใส่ชุดแดง และดูเหมือนกำลังจะแกล้งเป็นผีหลอกคน

“พวกแกฟังให้ดี เดี๋ยวฉันจะตัดไฟฟ้าในสวนลานนี้ของเขา ถึงเวลาในห้องมืดสนิท พวกแกก็ขึ้นไปหลอกเขา ได้ยินมั้ย?”ธีรเดชเอ่ยปากพูดกับลูกน้องหลายคนของตัวเอง

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลูกน้องหลายคน และหัวหน้าคนนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า: “วางใจเถอะคุณชาย เรื่องแกล้งเป็นผีแบบนี้ พวกเราทำมาหลายครั้งแล้ว รับประกันไม่ว่าจะบรรยากาศหรือว่าระดับการหลอกคน ก็จัดเตรียมให้เขาอย่างสบายๆ ถ้าไอ้หมอนั้นที่อยู่ข้างในไม่ถูกพวกเราหลอกจนหนีออกจากตระกูลณัฐรัชต์ของพวกเรา คุณก็หักเงินเดือนของพวกเราได้”

ธีรเดชพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ตอนนี้ฉันจะตัดไฟในห้องของเขาแล้ว พวกแกเข้าไปเถอะ”

หลังจากที่พูดจบ ธีรเดชดึงสวิตช์ในเบรกเกอร์บนกำแพงลงมาทันที ห้องที่รพีพงษ์อยู่ก็กลายเป็นมืดสนิทอย่างกะทันหัน หลายคนนั้นก็เดินเข้าไปที่สวนลานของรพีพงษ์

ธีรเดชก็วิ่งไปที่หน้าประตูของสวนลานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โผล่หัวออกมา และตั้งใจที่ดูท่าทางที่ถูกหลอกจนวิ่งของรพีพงษ์

แต่เมื่อเขาจะโผล่หัวของตัวเองออกมา มองเข้าไปที่ในสวนลาน แต่กลับพบว่าหลายคนที่เพิ่งเข้าไปหายไปไม่เห็นแล้ว

แม้ว่าสวนลานที่รพีพงษ์อยู่จะมืดสนิท แต่หากมองดูดีๆ ยังสามารถเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน

ความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที คิดในใจว่าต่อให้ความเร็วของพวกเขาจะรวดเร็วมาก ก็ไม่น่าจะเข้าไปในห้องของรพีพงษ์ทันทีถึงจะถูก

หรือว่าพวกเขาหลายคนหลอกคนจนมีประสบการณ์ออกมา แม้แต่เขาที่เป็นบงการก็รู้สึกอึมครึมขึ้นมา

เขายืมอยู่ที่ตำแหน่งทางเข้า ต้องการดูว่าเดี๋ยวในห้องของรพีพงษ์จะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าผ่านไปสักพัก ภายในก็ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ที่สำคัญในเวลานี้เขารู้สึกว่าด้านข้างของตัวเองเริ่มมีลมกระโชกแรงพัดผ่านมา ขนบนร่างกายของเขาก็ลุกซู่

เขาหันหน้ามองไปที่รอบๆ พบว่าไม่มีอะไรเลย ที่สำคัญสิ่งที่แปลกคือ ทุกอย่างรอบตัวเงียบอย่างน่าประหลาด ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เย็ดแม่ง คนพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปที่ไหนกันหมด ทำเหมือนอย่างกับว่าบริเวณใกล้เคียงฉันมีผีสิงอยู่” ธีรเดชพึมพำ

ในขณะนี้ มีใครบางคนมาตบไหล่ของเขาอย่างกะทันหัน ธีรเดชคิดว่าเป็นคนใช้พวกนั้น จึงหันหน้ามองไปที่ด้านหลังของตัวเอง ยังด่าว่า: “แม่งพวกแกวิ่งไปที่ไหนกันหมด ให้พวกแกไปหลอกไอ้หมอนั้นในห้องไม่ใช่เหรอ?”

แต่ตอนที่เขาหันหลังกลับมา แต่กลับไม่เห็นมีใครอยู่ข้างหลังของตัวเอง

เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นด่าว่า: “เย็ดแม่ง ใครกล้าหลอกกู รีบไสหัวออกมาเดี๋ยว!”

ไม่มีการตอบรับใดๆ

ในเวลานี้เขาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังตบไหล่ของเขา เขารีบหันหลังมา ยังคงไม่เห็นใครอยู่ข้างหลังของตัวเอง

ที่สำคัญไม่รู้ทำไม เขาก็รู้สึกว่าแสงรอบๆของตัวเองทั้งหมดก็มืดลงมา และเสียงทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เงียบจนน่ากลัว

ในใจของธีรเดชก็กลายเป็นเต้นเร็วขึ้นมากในทันที เขารู้สึกว่าตัวเองเจอกับสิ่งไม่ดีจริงๆ

เขาฟังเสียงรอบๆตัวเอง ในขณะนี้ก็มีเสียงเล็กน้อยดังมาจากด้านหลัง ไหวพริบของเขารวดเร็ว จับตรงไปที่บนไหล่ของตัวเอง และคว้ามือข้างหนึ่งได้จริงๆ

“แม่งเอ๊ย กูจับตัวได้สักที ถ้าหากฉันรู้ว่าแกเป็นใคร ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

หลังจากที่พูดจบ ธีรเดชก็หันหลังมองไปที่ข้างหลังของตัวเอง

ข้างหลังมีมืออยู่ข้างหลังหนึ่งข้างจริงๆ แต่ว่าที่แปลกคือเขามองเห็นแต่มือนั้นเพียงข้างเดียวเท่านั้น เมื่อมองไปตามแขน สิ่งที่เหลือคือความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด และเขามองไม่เห็นอะไรเลย

ธีรเดชคิดในใจของตัวเองว่าจับมือของคนคนนั้นไว้แล้ว เขาคงจะไม่สามารถวิ่งหนีได้ ดังนั้นก็เดินไปข้างหน้าสองก้าวต้องการดูเจ้าของมือข้างนี้เป็นใครกันแน่

ขณะตอนที่เขาเข้าใกล้ความมืดข้างหน้า ใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งเน่าเปื่อย ดวงตาอีกข้างหนึ่งกลายเป็นหลุมเลือด ปากเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคม และในลำคอยังมีเสียงกรีดร้องปรากฏขึ้นตรงหน้าธีรเดช

เพราะเมื่อกี้นี้ความสนใจของธีรเดชจดจ่อเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเขาคิดว่าระยะห่างของคนคนนั้นน่าจะอยู่ห่างไกลพอสมควร ดังนั้นสายตาจึงมองไปที่ไกล

ตอนนี้ตรงหน้าเขาปรากฏหน้าผีแบบนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก ร่างกายของเขาก็กระโดดไปข้างหลัง และแหกปากร้องขึ้นมา

ร่างของผีสาวในชุดแดงปรากฏขึ้นในความมืด ก็คือหน้าผีเมื่อกี้นี้ ธีรเดชเห็นว่าผีสาวตนนั้นกำลังยิ้มให้เขา

เขาตกใจจนหันหลังวิ่งหนี ในปากก็ตะโกนว่า: “ผีอ๊ากกกกกก!”

ภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที ธีรเดชก็หายตัวไปจากที่นี่

ผีหญิงสาวตนนั้นเดินไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นถอดผมและหน้ากากออกจากบนหัวของตัวเองลงมา เปิดเผยออกมาให้เห็น คือใบหน้าของรพีพงษ์

ในขณะนี้ตำแหน่งด้านหลังของรพีพงษ์มีหลายคนที่หมดสติล้มนอนอยู่บนพื้น ก็คือหลายคนที่ธีรเดชส่งไปหลอกเขา

รพีพงษ์มองไปที่รอยฉี่รอยหนึ่งบนพื้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า คิดไม่ถึงคนคนนั้นจะถูกหลอกจนฉี่ราดกางเกง

เมื่อกี้นี้ตอนที่เขาหลอกธีรเดช ใช้วิทยากลบางอย่าง ทำให้ผีหญิงสาวของตัวเองดูสมจริงมากขึ้น ดังนั้นจึงสามารถหลอกธีรเดชจนกลายเป็นแบบนี้

หลังจากโยนของในมือใส่บนร่างกายของหลายคนที่หมดสติอยู่ รพีพงษ์ไม่ได้กลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่หันหลังไปที่สวนลานข้างๆ

ในตอนกลางวันตอนที่เขาใช้พลังจิตตรวจสอบคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลณัฐรัชต์ ค้นพบสิ่งผิดปกติในที่ของนลิน ดังนั้นต้องการดูว่าที่ของเธอมีอะไรกันแน่

ขณะตอนที่กำลังตรวจสอบคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลณัฐรัชต์ รพีพงษ์ได้ยินธีรเดชพูดแผนการที่จะหลอกตัวเอง ดังนั้นเขาถึงหันกลับมาหลอกธีรเดชครั้งหนึ่ง

เดินมาถึงที่หน้าประตูห้องของนลิน คิดว่าตอนนี้เวลาเช้าอยู่ นลินน่าจะยังไม่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่เคาะประตู และผลักประตูตรงเข้าไป

ทันทีที่เข้ามาในห้อง รพีพงษ์ก็ได้หอมแปลกประหลาดอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้นเขารู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องดูสูงไปเล็กน้อย ราวกับว่ามีคนกำลังอาบน้ำอยู่

เขามองเข้าไปให้ห้องแวบหนึ่ง พบว่าในเวลานี้นลินกำลังนอนเปลือยกายอยู่ในอ่างอาบน้ำ กำลังแช่ตัวในอ่างน้ำร้อน คนทั้งคนก็ตกตะลึงนิ่งไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท