พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1155 เธอกำลังฝัน

บทที่ 1155 เธอกำลังฝัน

เดิมทีจารุดาคิดว่าสมุนไพรจะตกมาอยู่ในมือของตัวเอง เหมือนเธอถูกน้ำสาดใส่หน้า เธอโมโหจนตัวสั่นไปหมด

เธอคิดไม่ถึงว่าเมื่อรพีพงษ์ฟังจบ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัว แถมยังทำท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอีกด้วย นี่ทำให้เธอหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ชายชรากับหญิงสาวคนนั้นคิดว่ารพีพงษ์จะยอมทำตามที่จารุดาบอกและจะขายสมุนไพรให้กับเขา จึงพูดกับรพีพงษ์ว่า

“พ่อหนุ่ม นายยอมขายสมุนไพรให้ฉัน พวกเราสามารถคุยเรื่องราคากันได้”

“คุยราคาเหรอ ในเมื่อคุณรู้จักหญ้าบริสุทธิ์ คุณน่าจะรู้แก่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน คุณจะมาคุยเรื่องราคาอะไรกับผมอีก เรามีอะไรต้องคุยกันอีกเหรอ”

ตอนนี้รพีพงษ์รู้สึกหงุดหงิด หลังจากที่เขาพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ก็หันหลังเดินออกไปทางอื่นทันที

“ให้ตายเถอะ น่าโมโหจริงๆ นี่มันอะไรกัน ทำไมมันถึงไร้มารยาทอย่างนี้”

หญิงสาวคนนั้นโมโหคำพูดของรพีพงษ์จนแผดเสียงออกมา

“คิดไม่ถึงจริงๆ พ่อหนุ่มคนนั้นอายุยังน้อยแต่รู้จักสมุนไพรแล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเราสบประมาทเขามากไป”

เมื่อชายชราได้ยินรพีพงษ์พูดชื่อของหญ้าบริสุทธิ์ เขาก็รู้ทันทีว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่ไม่มีความรู้ แต่เขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีฝีมือ

ขนาดตัวเขาเองยังต้องเปิดตำราหลายต่อหลายตำรากว่าจะรู้จักสมุนไพร น้อยมากที่เขาจะรู้จักคนแบบรพีพงษ์

ถึงจะเป็นโพธิสุทธิ์ก็ไม่สามารถแยกแยะสมุนไพรออกได้ในเวลาอันสั้น

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง ปู่ให้ราคาสูงเป็นล้าน แต่เขาซื้อมาในราคาแค่900 กว่าหยวน”

น้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความโมโห

“แล้วจะทำไมล่ะ เขามีความสามารถ เขามีความรู้ สามารถเห็นของแท้ท่ามกลางของปลอมภายในพริบตาเดียว แถมยังจับพิรุธได้ด้วย”

ชายชราอดที่จะถอดถอนใจไม่ได้

“อย่าบอกนะว่าสมุนไพรนั่นมีราคาจริงๆ”

หญิงสาวคนนี้เรียนรู้วิชาแพทย์มาจากปู่ของตัวเองอย่างมากมาย เธอมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับสมุนไพรพื้นฐาน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าสมุนไพรในมือของรพีพงษ์คืออะไร และไม่เข้าใจว่ามันมีประโยชน์อะไร

“หญ้าบริสุทธิ์เป็นสมุนไพรที่ถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณของบรรพบุรุษตระกูลเรา ว่ากันว่ามันสามารถยืดชีวิตได้ และเป็นของหายากบนโลกใบนี้”

น้ำเสียงของชายชราเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ

“อะไรนะ”

เมื่อหญิงสาวได้ยินสิ่งที่ชายชราพูด เธอถึงกับตกใจและหันไปมองแผ่นหลังของรพีพงษ์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่ทว่ารพีพงษ์เดินไปไกลแล้ว

“ไม่งั้นฉันจะยอมอ่อนข้อแล้วพูดจาดีๆ กับเขาทำไมล่ะ ถึงตระกูลตระกูลจนกวีของเราจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง”

น้ำเสียงของชายชราเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ

“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีคะคุณปู่ หรือว่าเราจะต้องให้ราคาสูงขึ้นไปอีก เพื่อที่จะให้เขายอมขายให้เรา”

ตอนนี้สีหน้าหลานสาวของชายชราเต็มไปด้วยความตึงเครียด ที่นี่เป็นถิ่นของโพธิสุทธิ์ และงานเสวนาครั้งนี้เขาก็เป็นคนจัดมันขึ้นมา

“หรือว่าเราจะยอมอ่อนข้อ แล้วไปขอร้องให้เขาช่วยเรา”

ชายชราถอนหายใจแล้วพูดออกมา

“ใช่แล้ว เราให้โพธิสุทธิ์ช่วยเราเถอะค่ะ อีกอย่างความสัมพันธ์ของปู่กับโพธิสุทธิ์นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว เขาไม่ปฏิเสธคำขอร้องของปู่อย่างแน่นอน ขอแค่เขาช่วยเราพูด ฉันไม่เชื่อว่าไอ้หมอนั่นจะปฏิเสธเรา”

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าหลานสาวของชายชรา

“ถึงเขาจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่ว่าเมื่อโพธิสุทธิ์เอ่ยปากด้วยตัวเอง เขาต้องเกรงใจโพธิสุทธิ์แน่นอน”

“นาถินี ถ้าถึงตอนนั้นเธออย่าไปพูดเย็นชากับเขาแบบนั้น ในเมื่อเขารู้เกี่ยวกับหญ้าบริสุทธิ์ แสดงว่าเขาต้องมาจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งอย่างแน่นอน อีกทั้งอายุของเขายังน้อย ต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”

ชายชราพูดออกมาตรงๆ และนาถินีที่เขาพูดถึงก็คือผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ

“หนูว่าไอ้หมอนั่นมันก็แค่โชคดีเท่านั้น ปู่ดูเสื้อผ้าที่มันใส่สิ ก็แค่เสื้อผ้าตามตลาด คนแบบนี้จะมาจากตระกูลใหญ่ได้ยังไง”

นาถินีพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ ตอนนี้เธอโมโหเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เล็กจนโตเธออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อม อยากได้อะไรก็ต้องได้

ก่อนหน้านี้เธอให้ราคาเป็นแสน เป็นราคาที่สูงหลายเท่า เพื่อที่จะซื้อสมุนไพรนั่นมา ขนาดปู่ของเธอยังต้องยอมลดศักดิ์ศรีลงมา สุดท้ายไอ้หมอนั่นกลับไม่ไว้หน้าพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว เราไปปรึกษาโพธิสุทธิ์กันก่อนดีกว่า”

ชายชราเอ่ยขึ้น

เมื่อมาถึงชั้นสอง รพีพงษ์พบว่าสมุนไพรบนนี้ดีกว่าชั้นหนึ่งเยอะมาก อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ผสมปนเปไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอมเหมือนชั้นหนึ่ง ร้านบนนี้แทบจะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงเกือบทุกร้าน สินค้าที่นำออกมาขายจึงเป็นของดี

แน่นอนว่ามีพวกพ่อค้าเร่ แต่สมุนไพรก็ยังเป็นของแท้

คุณภาพของสินค้าบนนี้ดีกว่าชั้นหนึ่งเยอะมาก แน่นอนว่าราคาก็สูงด้วยเหมือนกัน เพราะมันได้ผ่านการรับประกันมาแล้ว

พวกคนรวยแทบจะไม่สนใจของที่ชั้นหนึ่ง พวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองทันที ร้านค้าที่ชั้นสองนับว่าเป็นร้านค้าที่มีชื่อเสียง

พวกเขาเอาสินค้าล้ำค่าของร้านตัวเองมาขายที่นี่ ถึงมันจะเป็นสินค้าที่ไม่มีตำหนิ แต่พวกสินค้าพิเศษๆ กลับไม่มีที่นี่

พวกสมุนไพรที่เหมือนหญ้าบริสุทธิ์ไม่มีทางขายในร้านยาที่นี่อย่างแน่นอน เพราะว่าคนที่เปิดร้านไม่มีทางรู้จักสมุนไพรแบบนี้ ถึงจะรู้จักก็ไม่มีคนเอามาขายแน่นอน มันน่าจะถูกขายให้พวกคนที่รู้เรื่องพวกนี้ในราคาสูงลิบลิ่วอย่างแน่นอน

แต่เมื่อมีหญ้าบริสุทธิ์อยู่ในมือ ถือว่าคุ้มแล้วที่รพีพงษ์มาที่งานเสวนา และแสดงให้เห็นว่างานเสวนาที่โพธิสุทธิ์จัดขึ้น บรรลุเป้าหมายที่รพีพงษ์วางไว้

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะขับรถกลับบ้าน เขาก็มีอะไรติดไม้ติดมือกลับไป ดังนั้นเขาจึงหันไปมองพวกร้านพ่อค้าเร่ เพราะเขาซื้อหญ้าบริสุทธิ์มาจากชายคนที่อยากจะหลอกเขาโดยบังเอิญ ถ้าอยากจับพิรุธก็ต้องหาจากคนพวกนี้นี่แหละ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท