พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1158 หนึ่งแสน

บทที่ 1158 หนึ่งแสน

“ฉันให้นายหนึ่งหมื่น เพราะฉันเห็นหินก้อนนี้ก่อน ฉันไม่ยอมให้นายขายให้เขา”

ตอนนี้สีหน้าของอาจารย์โอภาสเต็มไปด้วยความโอหัง รพีพงษ์ไม่สามารถเทียบความร่ำรวยกับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงให้ราคาหนึ่งหมื่น

เมื่อพ่อค้าเร่ได้ยินคำพูดของอาจารย์โอภาส เขาตื่นเต้นจนน้ำตาจะไหลออกมา เงินตั้งหนึ่งหมื่นเชียวนะ ถึงเขาจะเอาสมุนไพรขายออกไปทั้งหมด ก็ได้แค่หนึ่งถึงสองหมื่นเท่านั้นเอง แต่ทว่าตอนนี้ก้อนหินเพียงก้อนเดียวมีราคาเป็นหมื่น

มีคนค้าขายอยู่รอบๆ เป็นจำนวนมาก เจ้าของร้านยาต่างได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างพากันเข้ามามุงดูสิ่งที่น่าสนใจ

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาแย่งหินแค่ก้อนเดียวในงานเสวนาด้านสมุนไพรแบบนี้ นี่พวกเขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

“เหอะๆ คุณพูดออกมาซะใหญ่โต พ่อค้า ถ้าเขาให้หนึ่งหมื่น ผมให้สองหมื่น”

รพีพงษ์ไม่มีท่าทีที่จะถอยให้ เขาพูดออกมาทันที

“สองหมื่นงั้นเหรอ”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์โอภาสหรือพ่อค้าเร่ รวมไปถึงคนรอบๆ ต่างพากันตกตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ

คนจนๆ แบบรพีพงษ์ให้เงินถึงสองหมื่นเลยเหรอ นี่มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ แม้แต่อาจารย์โอภาสก็คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะน่ากลัวขนาดนี้

ถึงเขาจะแกะสลักหินก้อนนี้และนำออกมาขาย ราคาไม่น่าจะไม่กี่แสน และต้องอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนต้องการซื้อด้วย

และเงินที่ใช้ในกระบวนการทั้งหมดก็ต้องคำนวณด้วยตัวเอง กำไรจริงๆ แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น

แต่ในเมื่อเดินมาถึงจุดนี้ เขาจะไม่ยอมให้รพีพงษ์ตอกหน้าเขาเด็ดขาด รพีพงษ์แค่สวะคนหนึ่งเท่านั้น

“อาจารย์โอภาสว่ายังไงครับ”

ตอนนี้สีหน้าของพ่อค้าเร่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาหันไปถามอาจารย์โอภาส เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้สองคนนี้ทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีก

“ฉันให้สามหมื่น!”

ถึงแม้อาจารย์โอภาสจะหงุดหงิดใจ แต่เขาก็ทุ่มสุดตัวแล้ว การใช้เงินสามหมื่นซื้อหินก้อนนี้เป็นจุดต่ำสุดที่เขาจะรับได้แล้ว

เขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะให้ราคาสูงขึ้นอีก นี่เงินตั้งสามหมื่นเชียวนะ คนธรรมดาปีนึงไม่สามารถมีเงินเหลือถึงสามหมื่นหรอก เขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะไปต่อได้อีก

“โอ้พระเจ้า นี่มันราคาสามหมื่นแล้วเหรอ งานเสวนาสมุนไพรเปลี่ยนเป็นงานซื้ออัญมณีตั้งแต่เมื่อไรกัน”

ผู้คนรอบๆ ต่างพากันพูดขึ้นด้วยความอิจฉาตาร้อน

“อาจารย์โอภาสลงมือทำอย่างเด็ดขาดจริงๆ ราคามันพุ่งไปที่สามหมื่นภายในพริบตา ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะหมดหวังแล้วสิ”

พ่อค้าเร่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด

สามหมื่นนี่ทำให้เขารวยได้เลย หินที่หยิบมาตามข้างทางขายได้ในราคาสามหมื่น โลกนี้มันเป็นบ้าไปแล้ว

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอาจารย์โอภาส เขาจึงไม่อยากจะเล่นโดยเพิ่มราคาทีละหมื่นอีกแล้ว เพราะเขาคิดว่าการได้หินก้อนนี้มาคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงพูดออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“งั้นผมให้หนึ่งแสน”

เมื่อรพีพงษ์พูดจำนวนเงินหนึ่งแสนออกมา คนรอบๆ ถึงกับเอามือปิดปาก จู่ๆ ที่นี่ก็เต็มไปด้วยความเงียบ ทุกคนคิดว่ารพีพงษ์กำลังพูดเล่น หินก้อนนี้จะมีราคาเป็นแสนได้ยังไง ที่นี่ไม่ใช่งานเสวนาด้านอัญมณีสักหน่อย

ถึงมันจะเป็นงานเสวนาด้านอัญมณี หินเก่าๆ แบบนี้จะขายเป็นแสนได้ยังไงกัน

“หนึ่งแสนอย่างนั้นเหรอ นายบ้าหรือเปล่า หินก้อนนี้จะราคาเป็นแสนได้ยังไง ถึงฉันจะแกะสลักหินก้อนนี้ออกมาราคาของมันก็แค่ไม่กี่แสน สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า”

เมื่ออาจารย์โอภาสได้ยินรพีพงษ์ให้ราคาเป็นแสน เขาถึงกับงงไปหมด ตอนนี้เขาหงุดหงิด จึงตวาดใส่รพีพงษ์

“ใช่ เงินเป็นแสนเชียวนะ นายบ้าไปแล้วหรือไง”

คนรอบๆ ได้ยินบทสนทนาของรพีพงษ์กับอาจารย์โอภาส เพราะพวกเขาซื้อหินนั่นมาแกะสลักเท่านั้น

ทุกคนต่างพากันพูดขึ้นมา ส่วนพ่อค้าเร่ตะลึงไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหินก้อนนี้จะราคาเป็นแสน หรือว่าสองคนนี้บ้าไปแล้ว

ต่อจากนี้เขาไม่ต้องขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอีกแล้ว หาเก็บหินเอาตามข้างทางก็พอแล้ว ถ้าวันนี้เขาขายหินได้ในราคาเป็นแสน งั้นเขาก็รวยภายในพริบตาแล้วล่ะสิ

“คุณจะจ่ายเป็นเงินสดหรือรูดบัตรครับ”

เขากลัวว่ารพีพงษ์จะเปลี่ยนใจ จึงรีบพูดออกมาทันที

“รูดบัตร”

น้ำเสียงของรพีพงษ์ราบเรียบ ไม่นานรพีพงษ์ก็จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย

หลังจากที่ใส่รหัสเรียบร้อย ทุกคนได้ยินเสียงการจ่ายเงินสำเร็จก็อึ้งไปทันที นี่มันราคาเป็นแสนจริงๆ

“ให้ตายเถอะ ทำไมฉันต้องออกจากบ้านมาเจอคนโง่แบบนายด้วย”

ตอนนี้อาจารย์โอภาสโมโหเป็นอย่างมาก เขาหันหลังและเดินออกไป เขาคิดว่าการซื้อก้อนหินด้วยเงินเป็นแสน มันบ้าไปแล้วจริงๆ

เขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่น่าจะเสียเงินเป็นแสนเพื่อซื้อหินก้อนนั้น รพีพงษ์ควรจะไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล

ส่วนรพีพงษ์ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้ว เพราะในมือของเขามีทั้งหญ้าบริสุทธิ์และก้อนหินที่ล้ำค่า

สำหรับเงินแสนที่เพิ่งเสียไปเมื่อครู่ มันเป็นแค่เศษเงินในสายตาของรพีพงษ์ เพราะความร่ำรวยของเขาไม่มีใครสามารถเทียบได้อยู่แล้ว

ถึงหินก้อนนี้จะอยู่ในงานประมูล อย่างน้อยๆ เขาต้องใช้เวลานานกว่าจะได้มันมา เพราะของแบบนี้ใช่ว่าใครจะเจอได้

รพีพงษ์กะว่าจะไปทักทายโพธิสุทธิ์ และจะถามโพธิสุทธิ์ว่ายังมีสมุนไพรล้ำค่าอะไรอยู่ที่นี่อีกบ้าง ถ้าไม่มี เขาจะได้กลับก่อน

โพธิสุทธิ์กำลังนั่งดื่มชาอยู่ภายในห้องที่อยู่ชั้นบนสุด และกำลังพูดคุยกับคนที่อยู่ตรงข้าม เขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนาถินีกับท่านปุณยธร

“โพธิสุทธิ์ ฉันเห็นสมุนไพรชนิดหนึ่งในงานนี้ ฉันหาสมุนไพรชนิดนี้มานานแล้ว เดี๋ยวนายช่วยฉันพูดได้ไหม ฉันอยากซื้อมันมาจากใครบางคน แค่นายยอมช่วยฉัน แค่เขายอมขาย ราคาเท่าไรฉันก็ยอม!”

ตอนนี้สีหน้าของท่านปุณยธรเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องนี้ผมจะพยายามดูครับ แต่ผมไม่รับรองนะว่าจะทำสำเร็จ”

โพธิสุทธิ์มีสีหน้ายิ้มแย้ม

“โพธิสุทธิ์ ชื่อเสียงของคุณที่นี่ มีหรือที่จะทำไม่สำเร็จ คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว”

นาถินีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“แต่ก็ไม่แน่นะครับ ผมอาจจะไม่สามารถทำให้เขาขายให้คุณก็ได้”

โพธิสุทธิ์ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันไม่สนหรอก โพธิสุทธิ์นายต้องช่วยพวกเราให้ซื้อสมุนไพรนั่นให้ได้นะ”

เมื่อนาถินีได้ยินที่โพธิสุทธิ์พูด จู่ๆ เธอก็พูดอ้อนเขาขึ้นมาทันที

“พอแล้วๆ ผมจะพยายามช่วยพวกคุณอย่างเต็มที่”

เมื่อโพธิสุทธิ์ได้ยินดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ เพราะความสัมพันธ์ของเขากับทั้งสองคนดีมาก รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ถ้าเขาสามารถช่วยได้เขาก็จะช่วย

แต่เขาไม่รู้ว่าสมุนไพรที่คนพวกนี้ต้องการซื้อคือสมุนไพรที่อยู่ในมือของรพีพงษ์

ตอนนี้รพีพงษ์กำลังมาหาโพธิสุทธิ์ รพีพงษ์เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของชายคนที่โดนเขาทำร้ายก็ดังขึ้นมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท