พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1166 แกกล้าไล่ฉันออกเหรอ

บทที่ 1166 แกกล้าไล่ฉันออกเหรอ

“แม่ง ผู้ชายที่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินอย่างแกไม่นึกเลยว่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับฉัน เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่ แกใกล้จะตายไม่ในช้านี้แล้ว!”

ก่อนหน้าที่เขาจะถูกลากออกไป ฉู่ซาปี่ยังตะคอกอย่างเจ็บปวด แต่กลับรพีพงษ์ไม่มีความตั้งใจที่จะสนใจเขาแม้แต่น้อย ความคิดทั้งหมดของเขามุ่งอยู่ที่บนยาสมุนไพรเหล่านั้น

เพราะยาสมุนไพรเหล่านี้มีหลากหลายชนิดตกอยู่ในอาการใกล้ตาย ถ้าหากไม่รีบดำเนินการรักษาพวกมัน คงจะไม่มีทางช่วยชีวิตกลับมาได้อย่างแน่นอนแล้ว เขาก็พูดกับเลขานุการในทันที

“รีบเสริมสร้างสารละลายธาตุอาหาร ยังมี รดน้ำโดยเร็วที่สุด”

“รับทราบ!”

เลขานุการตอบรับอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าภายใต้การชี้นำของรพีพงษ์ พวกเขาตกอยู่ในมาตรการฉุกเฉิน ยาสมุนไพรเหล่านี้ค่อยๆหยุดส่งสัญญาณของการเหี่ยวเฉา และร่องรอยของความมีชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้นมาอย่างคลุมเครือ

เมื่อเห็นฉากนี้ เลขานุการก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่น่าแปลกใจที่รพีพงษ์จะให้ความสนใจกับยาสมุนไพรเหล่านี้ขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่ายาสมุนไพรเหล่านี้จะมีความสามารถในการเกิดต้นใหม่ที่ทรงพลังมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นประสิทธิผลของพวกมันก็คงจะหาพบได้น้อยในโลกอย่างแน่นอน

และเมื่อมองดูฉากนี้ ในที่สุดรพีพงษ์ก็ปล่อยวางหัวใจหนึ่งดวง ต้องรู้ว่ายาสมุนไพรเหล่านี้ ซึ่งหาพบได้ยากเป็นอย่างมาก สำหรับสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตนั้นก็ต้องเคร่งครัดมากเป็นธรรมชาติ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันก็ถูกตัวเองปลูกถ่ายมาจากสถานที่ต่างๆ ต่อให้สถานที่ที่เขาเลือกก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก แต่ถ้าการเพาะเลี้ยงยาสมุนไพรเหล่านี้ไม่ดี ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเหี่ยวเฉา

มองดูยาสมุนไพรเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดก็ส่งสัญญาณของการฟื้นคืนชีพ ในที่สุดหัวใจที่ห้อยอยู่ของเลขานุการก็ปล่อยวางลงมา หันหน้าไปพูดกับรพีพงษ์

“คุณรพี ฉันเป็นคนฉู่ซาปี่อบรมสั่งสอนออกมากับมือ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะพูดคำพูดแบบนี้กับคุณ นี่เป็นปัญหาทั้งหมดของฉันคุณได้โปรดลงโทษฉันด้วย”

แต่รพีพงษ์ก็พึงพอใจกับความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆของเลขานุการคนนี้เป็นอย่างมากมาโดยตลอด ที่สำคัญยาสมุนไพรเหล่านี้ยังไม่ได้สูญเสียถึงแก่นแท้อะไร เนื่องจากถูกตัวเองช่วยฟื้นคืนมาแล้ว ดังนั้นก็จึงไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิ เพียงแค่เอ่ยปากพูดอย่างราบเรียบ

“ครั้งนี้เว้นให้ครั้งต่อไปทำไม่ได้อีกแล้ว”

ในขณะนี้ คนในครอบครัวของจารุดากำลังจัดงานเลี้ยงในห้องวีไอพีของโรงแรมแห่งหนึ่ง แรกเริ่มเดิมที หลังจากที่ออกจากการประชุมแลกเปลี่ยน จารุดาก็พัวพันกับวิลเลียมอย่างรวดเร็ว

และวิลเลียมก็ทำตัวครึ่งๆกลางๆ ก็รับปากคำเชิญของจารุดา มาถึงในงานเลี้ยงของครอบครัวพวกเขา เนื่องจากตอนนั้นจารุดาก็ช่วยเขาด่าเด็กผู้ชายคนนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างหน้าตาของจารุดาก็ถือได้ว่าไม่ได้แย่ ผู้หญิงแบบนี้เข้าหาถึงที่ เขามีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมรับ?

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจการเร่งรีบของในตระกูลที่มีต่อตัวเอง แต่ว่าสิ่งนี้ก็ถือได้ว่าจารุดาค่อนข้างมีฝีมือ คาดไม่ถึงเลยว่าภายในเวลาอันสั้น ก็สามารถมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขนาดนี้กับวิลเลียมได้

และในเวลาในใจของซูโก๋พ่อของจารุดาก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เอ่ยปากพูดว่า

“ถ้าหากตระกูลวอลบิลของพวกคุณสามารถแต่งงานกับตระกูลของพวกเราได้ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นพรที่บรรพบุรุษของเราสั่งสมมาจริงๆ”

ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดคุยกับวิลเลียมมาก่อน ก็รู้ซีเป่ยของตระกูลวอลบิลอยู่แล้วเป็นธรรมดา นั่นคือตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จารุดาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

ในครั้งนี้จารุดาทำได้ดีมากจริงๆ และในเวลานี้วิลเลียมที่ได้ยินคำพูดของซูโก๋ ในใจก็รู้สึกเพียงน่าขำ สำหรับจารุดาแล้วเขาเพียงแค่เล่นๆสนุกชอบเท่านั้นเอง

ไม่นึกเลยว่าตระกูลแบบนี้ยังเพ้อฝันว่าจะได้แต่งงานกับตระกูลของพวกเขา นี่เทียบเท่ากับคนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน!

แม้ว่าในใจของวิลเลียมจะดูถูกตระกูลของพวกเขา แต่เขากลับไม่ได้แสดงออกมาแม้แต่น้อย เนื่องจากที่นี่ก็ไม่ใช่ถิ่นของเขา ถ้าตระกูลของพวกเขาสามารถที่จะมีเพื่อนเหล่านี้อยู่ที่นี่ ก็คงจะดีเป็นอย่างมาก

หรือว่าพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นสุนัขไม่กี่ตัว

และสำหรับจารุดา เขาเล่นเสร็จก็จะโยนทิ้งอย่างแน่นอน ไม่มีทางมีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

ในขณะนี้ บนใบหน้าของจักรินพี่ชายของจารุดาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และพูดคุยกับวิลเลียมไม่หยุด

“น้องเขยคุณดื่มเหล้าสิ”

ต้องรู้ว่า อายุของวิลเลียม ยังมากกว่าจักรินห้าถึงหกปี แต่ตอนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจักรินจะไร้ยางอายเรียกวิลเลียมว่าน้องเขย นี่เทียบเท่ากับว่าไม่มีความละอายแม้แต่น้อย

ในขณะนี้ไม่มีใครที่ภูมิใจมากไปกว่าจารุดา การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้สามารถทำให้เธอตกปลาได้ใหญ่แบบนี้ ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สิ่งนี้อดไม่ได้ที่จะทำให้เธอรู้สึกโชคดีเป็นมาก

โชคดีที่ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่ได้มองหาผู้ชายคนอื่น นี่เทียบเท่ากับว่าฉลาดเกินไปแล้ว

“พ่อในเมื่อเป็นงานเลี้ยงรวมตัวของครอบครัว แม้ว่าจะกะทันหันไป แต่ว่าพวกเราก็ควรจะชวนคนในครอบครัวของรพีพงษ์มาด้วยไม่ใช่เหรอ?”

จารุดาเอ่ยปากพูดในทันที ในเวลาในใจของจารุดารู้ดี ยังไม่พูดวิลเลียมก็สามารถพอที่จะเหยียบย่ำรพีพงษ์ให้อยู่ใต้เท้าอย่างรุนแรงได้แน่นอน

แค่รูปภาพเหล่านั้นของรพีพงษ์ ถ้าหากวันนี้สามารถพอที่จะเรียกครอบครัวของรพีพงษ์มาที่นี่ทั้งหมด ต่อจากนั้นประกาศทุกอย่างต่อหน้าทุกคน ถ้าหน้าอย่างวันนี้ทุกคนในทั้งครอบครัวของพวกเขาก็จะขายขี้หน้าทั้งหมดอย่างแน่นอน

เธอสามารถจินตนาการได้ว่าท่าทางของรพีพงษ์ที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าของตัวเองและขอร้องเธออย่างไม่หยุด

ในไม่ช้า ในบ้านของอารียา ศักดาก็ได้รับโทรศัพท์จากซูโก๋ ตอนที่เขารับสายโทรศัพท์ เขายังคิดแน่นอนว่าครั้งก่อนครอบครัวของพวกเขาแสดงอำนาจที่น่าเกรงขามออกมา ครั้งนี้จากครอบครัวของซูโก๋ต้องการจะมาประจบสอพลอพวกเขา

และในเวลานี้โสรญาเอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ฮ่าๆ ตอนนี้รู้ถึงความก้าวหน้าของครอบครัวพวกเราแล้ว ครอบครัวใครก็อยากจะมาประจบสอพลอพวกเราแล้ว!”

และมองดูที่อยู่ตรงหน้า พ่อแม่ที่ดีใจจนลืมตัว ใบหน้าของอารียาก็เต็มไปด้วยความจนใจ เธออดไม่ได้ที่จะโทรหารพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า

“ครอบครัวของซูโก๋พวกเราจัดงานเลี้ยงครอบครัว เชิญพวกเราไป”

เมื่อได้ยินโทรศัพท์ที่ไม่นึกเลยว่าอารียาจะโทรหารพีพงษ์ โสรญาก็เอ่ยปากด่าว่าด้วยความโกรธ

“ลูกโทรหาไอ้หมอนั่นทำไม? พาไอ้หมอนั่นไปทุกด้วยทุกครั้ง ขายหน้าครอบครัวพวกเราจริงๆ!”

ในน้ำเสียงของโสรญาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ถูกต้อง เขาจะถูกขับไล่ออกจากบ้านของพวกเราในไม่ช้าก็เร็ว นี่เป็นงานเลี้ยงครอบครัวของพวกเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้หมอนั่น?”

ศักดาเอ่ยปากพูดเห็นด้วยในทันที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท