พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1181 มีทางรอด

บทที่ 1181 มีทางรอด

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เยี่ยมบุญก็ตกใจไม่น้อย!

ไม่นึกเลยว่าไอ้หมอนี่จะสามารถเรียกคนมาได้มากมายขนาดนี้จริงๆ สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ

แต่ในไม่ช้าเยี่ยมบุญก็สามารถเข้าใจได้ว่า เนื่องจากตระกูลณัฐรัชต์ ก็ถือได้เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตา ดังนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่จะมีภูมิหลังของกองกำลังอยู่ที่ด้านนั้นเล็กน้อย

“ดูเหมือนว่า ก่อนหน้านี้ฉันจะประเมินตระกูลณัฐรัชต์ของพวกแกต่ำไปจริงๆ ถึงจะตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อนจริงๆ!” เยี่ยมบุญตะคอกเบาๆ

“เยี่ยมบุญ ตอนนี้แกสามารถคืนกิจการเหล่านั้นที่ยึดมารวมกับของตนเองก่อนหน้านี้มาได้หรือยัง?”

น้ำเสียงของรพีพงษ์ราบเรียบมาก

“ฮ่าๆ แกอย่าคิดว่าแกสามารถพวกหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เหล่านี้มาได้ ฉันก็จะกลัวแก! คนพวกนี้ ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญเลย!” ใบหน้าของเยี่ยมบุญเต็มไปด้วยความอวดดีทันที

“ทหารเถื่อนเหรอ?”

เมื่อทหารมังกรทุกคนได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ดีขึ้นมาทันที

พวกเขาเป็นทหารมังกรที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ถูกส่งออกมาปฏิบัติภารกิจกับท่านวิทย์

แม้แต่อยู่ภายในทหารมังกร แต่ละคนก็สามารถเป็นหนึ่งในร้อยของผู้แข็งแกร่งได้ แม้ว่าจะออกจากทหารมังกร ก็สามารถเป็นบุคคลที่มีอำนาจอิทธิพลได้

ผลปรากฏว่าไม่นึกเลยจะถูกเยี่ยมบุญ ปฏิบัติถือว่าเป็นทหารเถื่อนเหรอ?

ถ้าหากพวกเขาก็เป็นทหารเถื่อน ทั้งเมืองฮัวกั๋วคงจะมีกองทหารไม่กี่กอง ที่เรียกได้ว่าเป็นทหารจริง!

“ต่อให้เงินทุนเล็กน้อย ก็ไม่ควรไร้เหตุผลมากขนาดนี้นะ สัญญาเหล่านั้นของพวกเราก็มีสถานะเท่าเทียมกันตามกฎหมาย!”

เยี่ยมบุญยกสัญญาบนโต๊ะขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ

“ไม่ใช่!” นลินพูดชี้แจงข้อเท็จจริง: “ไม่นึกเลยว่าพวกแกยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องเหล่านี้กับพวกเรา ทั้งๆที่พวกแกได้สัญญาเหล่านี้มาด้วยเล่ห์อุบาย พวกแกมันไร้ยางอาย!”

ในเวลานี้คนของทหารมังกรได้ควบคุมเยี่ยมบุญไว้แล้ว กำลังรอคำสั่งต่อไปของรพีพงษ์ “ลูกพี่ ต่อไปพี่ว่าจะจัดการอย่างไรดี”

ไม่นึกว่าเลยเยี่ยมบุญจะดิ้นรนขึ้นมาทันที ตะคอกด้วยความโกรธว่า

“หรือว่าพวกแกฟังสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจเหรอ? ตกลงว่าพวกแกเป็นของหน่วยงานไหน? เชื่อหรือไม่ว่าเดี๋ยวฉันโทรศัพท์สายเดียวพวกแกก็จะโดนไล่ออกไปทั้งหมด!”

“แกลองดูได้เลย” หนึ่งในทหารมังกรพูดอย่างเยือกเย็น

“ฉันไม่เพียงแค่จะลอง ฉันยังจะทำให้พวกแก ไม่ตายดีอย่างแน่นอน!” เยี่ยมบุญตะคอกด้วยความโกรธ

ดูเหมือนว่าความทะเยอทะยานของเยี่ยมบุญมีไม่สิ้นสุดจริงๆ ก็ควรให้เขาเข้าใจว่าการกระทำของตัวเองโง่มากแค่ไหน

“ปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้!”

รพีพงษ์ออกคำสั่งทันที เยี่ยมบุญยังคิดว่าเป็นเพราะสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้นี้ทำให้รพีพงษ์หวาดกลัว

“ตอนนี้แกรู้ว่ากลัวแล้วใช่มั้ย? ฉันจะบอกแกให้ รีบคุกเข่าขอโทษให้กับกูเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้แกต้องแบกรับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน!”

ในปากของเยี่ยมบุญเต็มไปด้วยคำหยาบ ไม่มีท่าทางของความเป็นนายใหญ่แม้แต่น้อย

ทหารมังกรทุกคนกลับรู้สึกตลกอย่างฉับพลัน ดูเหมือนว่าเยี่ยมบุญจะรนหาที่ตายเกินไปแล้ว แม้แต่ชายหนุ่มที่น่าสะพรึงกลัวตรงหน้านี้เป็นใครก็ไม่รู้จัก ก็กล้าปล่อยการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเต็มที่ขนาดนี้เลยเหรอ?

รพีพงษ์เดินไปที่ถึงด้านหน้าของเยี่ยมบุญ กระโดดเตะเขาจนบิน ต่อจากนั้นทหารสองนายก็จับเยี่ยมบุญกลับมาอีกครั้ง กดค้างไว้ให้คุกเข่าตรงหน้ารพีพงษ์

“เอาละ ในเมื่อแกคุกเข่าให้ฉันแล้ว ถ้านั้นตอนนี้แกก็ขอโทษฉันซะ!”

รพีพงษ์ก้มหน้าลง จ้องมองเยี่ยมบุญที่อยู่ตรงหน้า: “ก่อนหน้านี้แกบอกไม่ใช่เหรอว่า มีเงินมีอำนาจ ก็สามารถทำตามอำเภอใจได้? ตอนนี้ ถึงตาฉันแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้เยี่ยมบุญก็โกรธมากทันที ทั้งๆที่เมื่อกี้นี้เขาให้รพีพงษ์คุกเข่าลงขอโทษตัวเอง ผลปรากฏว่าตัวเองกลับถูกควบคุม

“เด็กเวรอย่างแก แกรอเดี๋ยวเถอะ!”

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากอ้อมแขน และโทรออกไป

“คุณรพี คุณไม่ขัดขวางเหรอ?”

นลินขมวดคิ้ว แม้ว่าเธอจะรู้ว่ารพีพงษ์แข็งแกร่งมาก แต่ตระกูลกุลก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

เกิดมีลู่ทางเอาตัวรอด ตัวเองและรพีพงษ์ก็ตกอยู่ในสภาวะที่ถูกครอบงำด้วยอิทธิพล

ท้ายที่สุด ที่นี่เป็นถิ่นฐานของศัตรู!

ในความคิดของเธอรพีพงษ์สามารถที่จะเรียกกองกำลังมาได้ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่ากองทหาร แม้ว่าจะไม่ใช่ทหารเถื่อนอย่างที่ปากพูด แต่ว่าความจริงก็ต่างกันไม่มาก

ในไม่ช้าปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ก็รับสาย ได้ยินเพียงขี้เกียจดังออกมา

“เยี่ยมบุญ จู่ๆโทรศัพท์มาหาฉันประสบกับปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เยี่ยมบุญก็เลิกคิ้วขึ้น: “ท่านผู้นำ รบกวนท่านจริงๆ ผมก็ประสบกับปัญหาถึงได้โทรหาท่าน ตอนนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีคนของกองกำลังมาจับตัวผมไว้ ท่านได้โปรดช่วยผมด้วย”

“บังอาจมากเกินไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะกล้าลงมือกับนายเหรอ? เห็นได้ชัดว่าไม่ให้เกียรติฉัน!”

เสียงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในทันที ซึ่งนั้นหมายความว่าเหมือนกับ รพีพงษ์ตีสุนัขไม่ได้ดูเจ้าของ!

“ฉันจะจัดให้ผู้บังคับบัญชาของที่นี่ไปเดี๋ยวนี้”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ในมือแล้ว เยี่ยมบุญก็รู้สึกสบายใจอย่างฉับพลันทันที ตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธว่า

“คนอย่างพวกแกคืออะไร ฉันจะขอพวกแกให้ พวกแกอย่าได้คิดที่จะหนี เดี๋ยวฉันจะทำให้ทหารเถื่อนเหล่านี้อย่างพวกแก คุกเข่าลงขอความเมตตาต่อหน้าฉันทั้งหมด!”

เรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ แต่รพีพงษ์กลับรู้สึกตลกเล็กน้อย

เขาย้ายเก้าอี้ตัวเล็ก นั่งอยู่ตรงหน้าเยี่ยมบุญ: “เอาสิ ฉันกลับจะดูว่า ใครกล้าที่ช่วยแกกันแน่?”

เมื่อเวลาผ่านไป เยี่ยมบุญยิ่งอยู่ก็ยิ่งตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าคนที่เรียกมาทำไมยังไม่ปรากฏตัว หรือว่าจะละทิ้งเขาไปแล้วเหรอ?

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ก็มีรถจอดอยู่นอกบ้านของตระกูลกุล และชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบก็ลงจากรถ

“มาแล้ว ในที่สุดคนของผู้บังคับบัญชาเขตภาคใต้ก็มาแล้ว!”

ก็มีคนของตระกูลกุลคนหนึ่ง ตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“นายใหญ่ ผู้ช่วยให้รอดมาแล้ว!”

ในที่สุดเยี่ยมบุญก็พยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดผู้บังคับบัญชาของเขตภาคใต้ก็มาแล้ว ในที่สุดเขาก็มีทางรอดแล้ว ตระกูลของพวกเขามีทางรอดแล้ว!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท