พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1215 เรื่องนี้ผมจัดการเอง

บทที่1215 เรื่องนี้ผมจัดการเอง

รพีพงษ์มองไปยังฝนสุดาที่มีท่าทางเขินอายอยู่ด้านหน้า

จินตนาการไม่ออก ตอนที่ตนเจอสาวญี่ปุ่นคนนี้ในตอนแรก เธอมีกลิ่นอายของความเย่อหยิ่ง แล้วก็ยังมีรูปที่เร่าร้อนเหล่านั้นบนมือถืออีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ กับฝนสุดาในปัจจุบันเกิดมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมด รพีพงษ์มองว่า ราวกับเนื่องจากตอนนั้นที่ตนถูกอนันยชโจมตีบาดเจ็บหนัก จนทั้งสองต้องไปอยู่กับชาวประมงครอบครัวหนึ่ง

ช่วงเวลานั้น พูดได้ว่าตอนนั้นฝนสุดาจริงใจอย่างไม่ต้องสงสัย ดูแลรพีพงษ์อย่างทั่วถึง แม้แต่ตัวรพีพงษ์เอง ก็ซาบซึ้งไปกับการกระทำของหญิงสาวคนนี้แล้ว

ถ้า……เจอเธอเป็นคนแรกในตอนนั้น บางที……

เมื่อนึกถึงจุดนี้ รพีพงษ์ก็ตกใจขึ้นมา

เขารีบเอารูป ที่ก่อนออกเดินทางอารียาให้กับตนไว้ขึ้นมาดู

เมื่อเห็นอารียาและหนูลินในรูป รพีพงษ์ก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

“มันคืออะไรเหรอ ขอฉันดูหน่อย” ฝนสุดาถาม

รพีพงษ์กำลังมองไปยังแม่ลูกในรูปภาพ ยิ้ม “นี่คือรูปของอารีและลูกสาวผม”

เมื่อพูดจบ รู้สึกเหมือนมีกลิ่นหอมบางๆเข้าไปในจมูกของตน

รพีพงษ์รีบหันกลับไป เกือบจะกระอักเลือดออกมา

ไม่รู้ว่าฝนสุดามาอยู่ด้านหลังของรพีพงษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่

ขณะนี้ เธอใช้ท่าทีคลุมเครือในความรักอย่างหนึ่ง ก้มหลัง แล้วไปซบที่ไหล่ของรพีพงษ์อย่างใกล้ชิด ใบหน้าห่างจากหน้าของรพีพงษ์เพียงไม่กี่เซนติเมตร

ถ้ารพีพงษ์ปฏิกิริยาโต้ตอบไม่เร็ว เมื่อกี๊ที่หันหน้าไป เกรงว่าจะจุ๊บเข้าให้แล้ว

“นี่คุณ……” รพีพงษ์รีบเลื่อนไปข้างๆ

“เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ”

ฝนสุดากำลังดูรูปภาพในมือของรพีพงษ์ นัยน์ตาเธอเต็มไปด้วยความชื่นชอบ ขณะเดียวกัน ก็อิจฉานิดๆ

“ให้ฉันดูหน่อยได้มั้ย?” ฝนสุดาถาม

เธอพูดพลาง ยื่นมือออกมา คิดจะแย่งรูปที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ไป

ปฏิกิริยาของรพีพงษ์เร็วมาก รีบเก็บรูป แล้วหลบไป

นัยน์ตาของเขามีความโกรธเคือง เป็นธรรมดา ที่จะไม่พอใจ กับการกระทำนี้ของฝนสุดาเป็นอย่างมาก

“ทำไม แค่ดูก็ไม่ได้เหรอ?” ฝนสุดาถาม เธอที่กำลังเบ้ปาก เหมือนกับจะน้อยใจอยู่บ้าง

“ครั้งนี้ผมมาทำธุระข้างนอก นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของผม มีเพียงอยู่ในมือของผมจึงจะปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าใครก็เอามันไปไม่ได้ทั้งนั้น ขอโทษนะ”

รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น

“ไม่คาดคิดว่าคุณจะขี้เหนียวขนาดนี้ ฉันก็แค่อยากดูว่าหนูลินเหมือนคุณมากกว่าหรือว่าเหมือนอารียามากว่าก็เท่านั้น” ฝนสุดากล่าว

รพีพงษ์ค่อยๆเอารูปใส่ไปในกระเป๋าของตัวเองอย่างระมัดระวัง “ขอโทษนะ ผมบอกแล้วว่ารูปนี้สำคัญกับผมมาก ภายภาคหน้าที่มีโอกาส ผมจะพาคุณไปเจอหนูลิน เธอ น่ารักมากจริงๆ”

ฝนสุดาพยักหน้า เดินไปอีกฝั่งอย่างเงียบๆ ดื่มไวน์ในแก้วกรึ๊บเดียวหมด

“รพีพงษ์ คุณรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงชอบคุณ?”

จู่ๆ ฝนสุดาก็ถามขึ้นมา

“ความคิดคุณ ผมจะรู้ได้ไง”

รพีพงษ์พูดออกมา

ฝนสุดายิ้มแหยๆ “คุณไม่มีทางเข้าใจแน่นอน ตอนเริ่มแรก ฉันมีความคิดที่จะล้อเล่นกับคุณ ดูว่าคุณแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นอย่างไร ไม่คาดคิด ว่าคุณจะรักเดียวใจเดียวกับอารียาขนาดนี้ นี่ทำให้ฉันตกใจมาก เมื่อก่อนฉันเจอผู้ชายมามาก แต่ไม่มีใครเหมือนคุณสักคน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ต้องคุณ……”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ นัยน์ตาของฝนสุดาสะท้อนความเจ็บปวดออกมา แต่ ไม่นานก็ยิ้มออกมา

“ชั่งเถอะ ตอนนี้พูดสิ่งเหล่านี้ ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยตอนนี้คุณอยู่กับฉัน ถูกมั้ย”

การเปลี่ยนอารมณ์แบบนี้ ทำให้รพีพงษ์เซ็ง จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “อ้อ อุเอสึงิ ฮารุละ? เธออยู่กับคุณไม่ใช่เหรอ?”

ฝนสุดามองบนใส่รพีพงษ์ “ทำไม? มีคนสวยอย่างฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณคนเดียวไม่พอ ยังคิดถึงอีกคน เมื่อกี๊เพิ่งพูดว่าใจเดียวนะ?”

“ผมก็ถามไปงั้นๆ”

รพีพงษ์ตอบ คิดในใจว่า ต่อให้ผมใจเดียว ก็ใจเดียวกับอารีคนเดียวเท่านั้น

“เอาหน่า! ฮารุออกไปทำธุระ เดี๋ยวกลับมา” ฝนสุดาหัวเราะ

“ธุระ ธุระอะไร?”

“คุณคิดว่าผมไม่สนใจเรื่องโรคระบาดในครั้งนี้จริงเหรอ?”

ฝนสุดากล่าว “ช่วงสองสามวันนี้ฉันให้ฮารุไปสืบแล้ว ฉันอยากเดาดูว่าความคิดของฉันนั้นถุกต้องมั้ย”

“คุณหมายถึง ที่คุณสงสัยว่ามีคนตั้งใจทำให้มันระบาด ถูกมั้ย” รพีพงษ์กล่าว

ฝนสุดาพยักหน้า ท่าทางตั้งใจขึ้นมาทันใด “คุณ……รู้จักสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมั้ย?”

“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ?”

รพีพงษ์ไม่สบอารมณ์ ก็วันนี้นี่แหละ เขาเพิ่งจะรู้จักกลุ่มนั้นจากปากของตนัส ไม่คาดคิด ว่าฝนสุดาก็รู้เช่นกัน

“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าวันนี้คุณเปิดโปงแผนการชั่วร้ายของตนัสต่อหน้าสาธารณชน ถูกมั้ย” ฝนสุดาถาม

ที่แท้ เมืองเล็กนี่เล็กจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไรวันเดียวก็ดังไปทั่วแล้ว

“คุณกำลังจะบอกว่า ตนัสคือคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ?” รพีพงษ์ยิ้ม “เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาเป็นคนในกลุ่มนั้นจริงๆ ก็ไม่มีทางทำยาปลอมหลอกลวงคนหรอกนะ”

“ยิ่งไปกว่านั้น เขาพูดกับผมเอง ว่าเขาถูกไล่ออกจากสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุตั้งนานแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

“แต่……”

ฝนสุดาพูดต่อไปว่า “เขา ยังมีอาจารย์”

“อาจารย์?”

“ใช่!” ฝนสุดาพูดอย่างแน่ใจ “แม้ตนัสไม่ใช่คนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ แต่อาจารย์เขานะใช่”

“คุณสงสัยว่า อาจารย์ของเขาร่วมอยู่ในขบวนการด้วย?” รพีพงษ์ไม่สบอารมณ์ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆละก็ อาจารย์ของตนัส สมควรตายจริงๆ!

“ดังนั้น ช่วงสองสามวันนี้ฮารุได้ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าตรวจเจออะไรบ้าง” ฝนสุดากล่าว

ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตรงทางเดินมีเสียงเดินเท้าดังขึ้น

“คุณชายรพีพงษ์ ใช่คุณมั้ย?”

เมื่อประตูเปิดออก รพีพงษ์เห็นหญิงสาวที่เงียบสงบที่ประตู

ไม่เจอกันนาน อุเอสึงิ ฮารุดูสดใสขึ้น ราวกับนิสัยก็เริงร่าขึ้นเช่นกัน

“คุณชาย คุณมาสักที ไม่ทำให้คุณฝนสุดารอโดยเปล่าประโยชน์ เป็นไปตามที่หวัง” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว

หน้าของฝนสุดาแดงขึ้นมาหน่อยนึง กล่าว “ยังจะพูดภึงฉันอีก แกก็เหมือนกันนั่นแหละ ทุกคืนกลับมาก็ถามว่ารพีพงษ์มาหรือยัง”

ความคิดของตัวเองถูกเปิดโปง อุเอสึงิ ฮารุจึงรู้สึกเขินขึ้นมาเช่นกัน

รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย ความหนักใจที่มีความสุขแบบนี้ ตนไม่มีวาสนาที่จะได้รับ

“พอละ ฮารุ คุยเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า”

ฝนสุดากล่าว “วันนี้มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมมั้ย”

“ยังไม่มี แต่ก็จะบอกว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่”

ฝนสุดากล่าว “ฉันรู้แล้ว ว่าอาจารย์ของตนัสชื่อพรต ปรากฏตัวที่เมืองเล็กๆของเรานี่จริงๆ เพียงแค่ ตำแหน่งของเขาลึกลับ ต่อให้ฉันระดมคนของโรงแรม ก็ยังคงหาเขาไม่เจอ”

“เหรอ?”

ฝนสุดาก็ค่อนข้างกังวล “ไม่งั้น ฉันเอาคนบางส่วนมาจากประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง คนเยอะทำงานสะดวก“

“แต่ ตอนนี้เป็นสภาวะฉุกเฉิน กลัวว่าคนญี่ปุ่นจะมาไม่ได้” อุเรสึงิ ฮารุกล่าว

เห็นทั้งสองค่อนข้างลำบาก รพีพงษ์ยืนขึ้นยิ้มแล้วมาที่ด้านหน้าของทั้งคู่

“เรื่องนี้ ผมจัดการเอง” รพีพงษ์กล่าว

“คุณชาย คุณจัดการได้เหรอ?ฉันหามาหลายวันแล้ว พรตคนนี้ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม

“คนอื่นไม่รู้ แล้วลูกศิษย์ของเขาก็ไม่รู้งั้นเหรอ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท