บทที่ 1234 ครั้งแรก
“นี่คือ…….”
ปยุตยิ้มพูดว่า “ในความมืด จะเป็นการฝึกสมาธิของคุณได้ดี ในขณะเดียวกัน ยังสามารถให้ใจคุณไม่ฟุ้งซ่าน ถึงแม้จะเป็นยาระดับต่ำ แต่เนื่องจากระดับของผู้กลั่น ก็สามารถแบ่งระดับเป็นสูงกลางต่ำได้ รพีพงษ์ ต่อไปก็ที่ของคุณแล้วล่ะ”
วิธีการสอนของตาแก่นี่แปลกๆอยู่ แต่ที่ได้รู้จักกันมา รพีพงษ์รู้ว่า แต่ละขั้นตอนของปยุต ล้วนเป็นผลดีต่อตนเองทั้งนั้น
ลำดับของยาสมุนไพรบนโต๊ะ รพีพงษ์ได้จดจำไว้หมดแล้ว ส่วนวิธีการกลั่นยานั้น รพีพงษ์เห็นแล้ว ก็จดจำไว้ในใจหมดแล้วเช่นกัน
หายใจเข้าลึกๆ แล้วรพีพงษ์ก็หลับตา
ราวกับในโลกนี้มีการหยุดหายใจ หลังจากเข้าสู่แดนเทพครึ่งก้าว รพีพงษ์พบว่า เหมือนกับตนเองจะเอาจิตวิญญาณออกจากร่างตนเองไป
การค้นพบแบบนี้ ทำให้เขาตื่นเต้นดีใจไม่น้อย
ถ้าอยากจะกลั่นยาออกมาได้ระดับสูง จะต้องรีบค้นพบเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ให้เร็วที่สุด
คนธรรมดามักจะนึกออก แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะว่าประสาทสัมผัสของมือ ทำได้ไม่ละเอียดพอ
แต่ทว่า จิตวิญญาณเทพนั้นไม่เหมือนกัน มันเป็นตัวแทนของโลกจิตใจ บ่อยครั้งที่การรับรู้ของผู้คนเกี่ยวกับสิ่งต่างๆนั้นแม่นยำมาก
ด้วยเหตุนี้ จะมีพลังจิตหรือไม่นั้น ก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินว่าคนคนหนึ่งจะสามารถเป็นนักกลั่นยาได้หรือไม่
อย่างเช่นปยุตและจิรภัทร ล้วนมีพลังจิตสมาธิที่มากกว่าคนปกติทั่วไป
แต่ว่า เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว พวกเขายังห่างอยู่มาก
มีจิตวิญญาณเทพแต่กำเนิด ทำให้รพีพงษ์มีประสาทสัมผัสที่มากกว่าคนปกติหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่จิตวิญญาณเทพตื่นขึ้น แล้วตามด้วยวิชาบูโดระดับของรพีพงษ์ที่สูงขึ้น พลังของจิตวิญญาณเทพก็ยิ่งพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์ค่อยๆ ปลดปล่อยจิตวิญญาณเทพ แล้วสัมผัสกับยาสมุนไพรบนโต๊ะทุกชนิด
ถึงแม้จะอยู่ในความมืด แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว มันราวกับเป็นตอนกลางวันที่มีแสงจ้า
“โอเค เริ่มได้แล้ว”
หลังจากสัมผัสกับยาสมุนไพรทุกชนิดแล้ว รพีพงษ์ก็เริ่มกลั่นยาครั้งแรกในชีวิตของเขา!
“อันดับแรก เอาสมุนไพรไป่หลิงและฮัยโค่วไปบดในครกพร้อมกัน……”
รพีพงษ์ทำตามสิ่งที่ตนเองจดจำมา แล้วก็เริ่มลงมือ
การถอดจิตวิญญาณเทพ ทำให้เขาสามารถหยิบยาสมุนไพรบนแท่นหินได้อย่างถูกต้อง
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สำหรับจำนวนปริมาณ รพีพงษ์จัดการได้ไม่ขาดไม่เกินเลย
สองมือของเขาเร็วมาก ในขยับไปตามดวงจิต มือก็ขยับไปตามใจ
ถ้าตอนนี้เป็นช่วงกลางวันล่ะก็ ปยุตคงจะต้องอึ้งมากแน่ๆ
เนื่องจากท่าทางของรพีพงษ์ดูแล้วทะมัดทะแมงมาก ไม่มีการลังเลอะไรเลย ก็เลยทำตามสูตรยาเลยทั้งหมด อีกอย่าง แต่ละขั้นตอนก็สามารถทำได้พอดี
ถ้าคนปกติเห็นล่ะก็ ก็คงจะต้องชื่นชมว่า รพีพงษ์เป็นสุดยอดนักกลั่นยา
แต่จริงๆ แล้ว นี่เป็นเพียง ครั้งแรก ของยอดฝีมือกลั่นยาเท่านั้น
ผ่านไปประมาณ20นาที ในมือของรพีพงษ์ ก็ถือยาเม็ดแรกของเขาไว้ มันคือยาเม็ดตั้งสมาธิ
“ผมทำเสร็จแล้วครับ”
รพีพงษ์กล่าว
“งั้นหรือ เร็วงี้เลย?”
ครั้งนี้ปยุตไม่ได้หลับ เขาเปิดตะเกียงขึ้น แล้วพูดว่า “คุณจะทำเร็วอย่างเดียว แต่ไม่เน้นคุณภาพไม่ได้นะ ใจร้อนจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี”
รพีพงษ์ก็พูดนิ่งๆ ว่า “ผมรู้ครับ ผมทำช้าลงมากแล้ว แต่ไม่รู้ว่ายาเม็ดนี้ เป็นยาที่คุณต้องการหรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าสัดส่วนเป็นอย่างไรบ้าง”
“งั้นเอามาให้ผมดูหน่อย จะได้ลองตรวจดู”
พูดไป ปยุตก็เอายาเม็ดตั้งสมาธิเม็ดนั้นมาจากมือของรพีพงษ์
พอเห็นยาในมือเม็ดนั้น ปยุตก็นิ่งตาค้างไปเลย!
“นี่มัน………..”
“มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับ?” รพีพงษ์ถาม
ปยุตก็เม้มปากแล้วพูดว่า “ผมว่านะ คุณทำมันเร็วเกินไป ไม่ค่อยเน้นสัดส่วนปริมาณ ยาเม็ดตั้งสมาธิที่คุณทำออกมานี้ ไม่ผ่านเลย ไม่ได้เรื่องสักจุดเลย”
พูดไปดังนั้น ปยุตก็เอายาเม็ดตั้งสมาธิเม็ดนั้น ใส่ลงไปกระเป๋าเสื้อของตนเอง
รพีพงษ์ก็ไม่เข้าใจ “ในเมื่อมันไร้ประโยชน์ ทำไมไม่ทิ้งมันไปล่ะครับ?”
“ไม่ได้สิ จะทิ้งได้อย่างไรล่ะ!”
ปยุตก็รีบพูดว่า “เอ่อ…….เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลมันให้ก่อน เอาเถอะน่า บอกไว้ก่อนเลยแล้วกัน ว่าผมจะไม่เอาเปรียบคุณหรอก”
รพีพงษ์พยักหน้า “ดูเหมือนว่า วิชาการกลั่นยา จะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเสียแล้ว ยาระดับต่ำแบบนี้ยังทำออกมาไม่ดี ดูเหมือนว่า ผมจะทำให้จิรภัทรผิดหวังเสียแล้ว”
“ไม่หรอกน่า!”
ปยุตก็รีบพูดขึ้นมา
“แต่ว่า…..คุณก็บอกเองไม่ใช่หรือว่า ยาเม็ดตั้งสมาธิเม็ดนี้ไร้ประโยชน์” รพีพงษ์ถาม
“เอ่อ……ถึงแม้ว่าครั้งนี้คุณจะยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก แต่ฝึกบ่อยๆคุณจะทำมันออกมาได้ดีแน่นอน”
ปยุตพูดไป แล้วก็หยิบสูตรยาออกมาอีก
“ครั้งนี้พวกเราจะลองอันนี้ดู ดูสิว่าคุณจะทำได้ไหม แล้วก็ยาสมุนไพรต่างๆ คุณไปหาเอง จำไว้ว่า ตอนที่กลั่นยานั้น จะต้องดับไฟด้วยนะ” ปยุตกล่าว
“ครับ เดี๋ยวผมลองดู ครั้งนี้เป็นยาระดับต่ำอีกหรือเปล่า?” รพีพงษ์ถาม
“ใช่ เอ่อ……ด้วยพลังของคุณตอนนี้ ทำได้แต่ยาระดับต่ำ อย่าคิดมาก รีบจัดการให้เสร็จก็พอแล้ว”
ปยุตก็เดินออกจากถ้ำ
“เดี๋ยวผมออกไปธุระเสียหน่อย คุณก็อยู่ในถ้ำนี้แล้วกัน”
พูดจบ ปสเต๊กก็ออกไป
รพีพงษ์ก็หยิบสูตรยา แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่เหมือนกับเซียนสมุนไพรก่อนหน้านี้ ยาที่ต้องทำครั้งนี้ สมุนไพรที่ต้องใช้ ก็มีกว่า30ชนิด
“นี่น่าจะเป็นยาระดับต่ำอย่างดีสินะ” รพีพงษ์คิดในใจ
แต่ว่า พอนึกถึงตอนที่ปยุตมองดูถูกยาเม็ดตั้งสมาธิของตนเองนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ใจร้อนจะทำให้ออกมาไม่ดี
รพีพงษ์ปลอบใจตนเอง แล้วก็เดินเข้าถ้ำไปหาเอายาของตนเอง…..
“ไอจิรภัทร!ไอจิรภัทร!”
ศูนย์กลางของสำนักเทพยาเซียน ในห้องของจิรภัทร ด้านนอกมีเสียงผู้ชายเอะอะโวยวาย
“ไอจิรภัทร!ถ้าคุณยังไม่ออกมา ผมจะเข้าไปแล้วนะ!พอถึงตอนนั้น เข้าไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า ก็อย่าว่าผมก็แล้วกันนะ!” มีเสียงชายตะโกนดัง
ไม่นาน ด้านในห้องก็มีเสียงตวาดออกมา
“ให้ตายเถอะ ใครเอะอะโวยวายอยู่ด้านนอกเนี่ย!มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วห้ะ!”
“รีบออกมา เกิดเรื่องแย่แล้ว!” ฝั่งนั้นก็ตะโกนต่อไป โดยไม่สนใจจิรภัทรที่กำลังหัวร้อน
“เกิดเรื่องอะไรไม่ดี?”
จิรภัทรพูดในใจ แล้วก็รีบเปิดประตูออกมา
พอเห็นว่าที่ประตูมีปยุตยืนอยู่ จิรภัทรก็เข้าไปพูดว่า “ตาแก่นี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นห้ะ? ฉันให้คุณไปสอนวิชากลั่นยาให้กับรพีพงษ์ คุณวิ่งมาที่นี่ทำไมกัน?”
“ไอจิรภัทร เกิดเรื่องแย่แล้ว” ปยุตกล่าว
จิรภัทรได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนทันที
“ทำไม หรือว่าพวกสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมาอีกแล้วหรือ? ของดีในสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ถูกพวกมันจับจ้องอยู่หรือ?” จิรภัทรถาม
“ไม่ใช่เรื่องนี้ ผมหมายถึงรพีพงษ์…….เกิดเรื่องแย่แล้ว” ปยุตกล่าว
“รพีพงษ์หรือ? เขาทำไมล่ะ?”
จิรภัทรมองสเต๊กยุต แล้วก็ผลักเขาไปที่ต้นไม้ “ตาแก่นี่ ไปทำอะไรกับรพีพงษ์ห้ะ อาศัยช่วงสอนวิชากลั่นยา แล้วไปทรมานเขาใช่ไหม?”
“เปล่า!คุณเห็นผมเป็นคนอย่างไรกัน!อีกอย่าง ไอ้การทรมานต่างๆ ของผม ก็ใช้กับเขาไม่ได้ผลหรอก” ปยุตรีบตอบ
“งั้นก็ดี” จิรภัทรก็ปล่อยมือ แล้วพูดว่า “แล้วรพีพงษ์เป็นอะไรไป คุณร้อนรนแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
“ผมมีอะไรให้ดู”
พูดไป ปยุตก็หยิบยาเม็ดตั้งสมาธิที่รพีพงษ์เป็นคนทำ ออกมาจากกระเป๋า
จิรภัทรยื่นหน้าเข้าไปดู ภายใต้แสงจันทร์ ยาเม็ดตั้งสมาธิในมือของปยุตเม็ดนั้น ราวกับมีแสงสีม่วงปกคลุมไปทั้งเม็ด
“นี่คือ……ยาที่เขาทำขึ้นมาครั้งแรกงั้นหรือ?”
จิรภัทรก็พูดอย่างแปลก สายตาก็ไม่ละไปจากยาเม็ดตั้งสมาธิเม็ดนั้น