พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1261 รพีพงษ์ลงจากเขา

บทที่ 1261 รพีพงษ์ลงจากเขา

เช้าวันรุ่งขึ้น รพีพงษ์สวมชุดอันเรียบง่ายที่จิรภัทรเตรียมไว้ให้และเดินออกมาจากสำนักเทพยาเซียน

นี่เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ลงมาจากบนเขาหลังจากที่อยู่ในสำนักเทพยาเซียนมาเป็นเวลานาน

ซึ่งหลังจากที่รพีพงษ์ใช้เวลาอยู่บนเขามาสักพัก เขาก็ได้ดูดซับพลังทิพย์จำนวนมาก ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงเดินออกจากสำนักเทพยาเซียนได้เร็วว่าครั้งก่อนๆ

ในเวลาเพียงสองชั่วโมง รพีพงษ์ก็ได้เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ ที่เป็นปากทางขึ้นสำนักเทพยาเซียน

“มีใครสนใจยาสมุนไพรไหม!”

“ยาเซียนจากสำนักเทพยาเซียน รักษาได้ทุกโรค!”

……

ในตีนเขานั้นมีเสียงโห่ร้องอย่างไม่รู้จบ

ที่นี่เป็นเชิงเขาของสำนักเทพยาเซียน เนื่องจากอยู่ใกล้กับสำนักเทพยาเซียนมาก ดังนั้น ยาหลากหลายชนิดที่ขายอยู่จึงมีคุณภาพดีกว่ายาในตลาดมาก

แต่อย่างไรก็ตาม สำนักเทพยาเซียนนั้นอยู่ในหุบเขาที่สูงชัน ซึ่งนอกจากคนที่มีทักษะอย่างรพีพงษ์แล้ว คนทั่วไปก็ไม่อาจไปถึงที่นั่นได้

ด้วยเหตุนี้ พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยในหมู่บ้านแห่งนี้จึงไม่มียาที่เป็นพลังทิพย์ที่แท้จริงไว้จำหน่าย

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ซื้อวัสดุยาจากทั่วประเทศมาที่นี่เพื่อหาซื้อวัสดุยาเหมือนกัน

รพีพงษ์มองไปรอบๆ เขาอยู่ในสำนักเทพยาเซียนมาเป็นเวลานาน ดังนั้นยาที่ว่าดีในที่นี้ก็ยังเป็นของธรรมดาสำหรับเขา

ในขณะที่เขารู้สึกเฉยๆ และเตรียมตัวจะออกไปซื้อเสื้อผ้าในเมือง ทันใดนั้น ตะกร้าไม้ไผ่ในมือของหญิงชราคนหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของรพีพงษ์

หญิงชราคนนี้แตกต่างจากผู้ขายรายอื่นมาก ใบหน้าของเธอค่อนข้างเหี่ยวย่น เธอสวมเสื้อผ้าเก่าๆ และเดินโซเซไปข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นก็นั่งลงบนโขดหิน

ตะกร้าไม้ไผ่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว แต่สายตาของรพีพงษ์นั้นดีมาก เขาสามารถมองเห็นสิ่งของข้างในผ่านช่องว่างในตะกร้าไม้ไผ่นั้นได้

“โสม!”

รพีพงษ์พูดในใจ และคิดในใจว่าของในตะกร้าของหญิงชราคนนี้ต้องเป็นโสมที่มีอายุไม่น้อยอย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงคำพูดของจิรภัทรที่เคยบอกว่าส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของยาเม็ดวิญญาณชี่ก็คือโสม และถ้าโสมมีอายุเก่าแก่มากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของยาเม็ดวิญญาณชี่ก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินตรงเข้าไปหาหญิงชราคนนั้น เธอไม่ได้นั่งเบียดกับพ่อค้าคนอื่นๆ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าเธอขายอะไร ดังนั้นจึงไม่มีใครไปยืนมุมเธอ

ในเวลาเดียวกัน ชายคนหนึ่งที่สวมแว่นตาดำ แต่งตัวโดดเด่นและคาบบุหรี่ในปากแล้วเดินออกมาจากรถเบนซ์จีคลาสของเขา

“คุณป้า อะไรอยู่ในตะกร้าของคุณป้าเหรอ ซุกซ่อนไว้แบบนี้ยังอยากขายอยู่ไหม?”

ชายคนนั้นเดินเข้าไปที่หญิงชราแล้วดึงผ้าขาวบนตะกร้าขึ้น

“เถ้าแก่ท่านนี้ทำไมหยาบคายจัง ของฉันเป็นมรดกตกทอดจากครอบครัวเชียวนะ ถ้าไม่ใช่เพราะความลำบาก ฉันไม่มีวันขายมันหรอก”

หญิงชราพูดด้วยความเศร้า

“มรดกตกทอด? ป้ายากจนขนาดนี้ยังมีมรดกตกทอดดีๆ ด้วยเหรอ?”

ชายคนนั้นพูดจาดูถูก แต่หลังจากที่เขาเหลือบมองเข้าไปในตะกร้าไม้ไผ่นั้น สายตาของเขาก็ขยับไปไหนไม่ได้อีกเลย

ชายคนนั้นรีบถอดแว่นกันแดดออกแล้วนั่งลง

เขามองไปรอบๆ เพื่อดูให้มั่นใจก่อนว่าไม่มีใครยื่นอยู่ใกล้เขาแล้ว จากนั้นถามอย่างรวดเร็วว่า “คุณป้า นั่นอะไรเหรอ?”

“ก็โสมไงล่ะ” หญิงชราพูดต่อ “นี่เป็นมรดกตกทอดจากครอบครัวของป้า แต่ลูกชายป้าไปก่อเรื่องไว้ คู่กรณีต้องการเงิน 3 แสน ไม่อย่างนั้นลูกชายป้าก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นป้าจึงเอามันออกมาเพื่อลองดูว่าจะขายมันได้สักเท่าไหร่”

“3 แสน?”

ชายคนนั้นกลอกตาและพูดว่า “ในเมื่อป้าบอกว่าโสมนี้เป็นสมบัติจากครอบครัวของป้า แล้วมีใครเคยบอกป้าไหมว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่?”

“ไม่เคยมีใครบอกหรอก แต่ป้าคิดๆ แล้ว อย่างน้อยมันก็คงขายได้สักสองสามแสนอยู่แล้ว มันเป็นของดีคุณก็เห็นแล้ว” หญิงชราพูดตามความจริง

“สองสามแสน?”

ชายคนนั้นยิ้มและส่ายหัว “ป้าคิดมากไปแล้วครับ โสมของป้าถ้าเอาไปขายในตลาดได้สักสามสี่พันก็ถือว่าบุญแล้ว”

“หา? นี่มัน……มันเป็นไปได้ยังไง? คุณอย่าคิดว่าป้าแก่แล้วจะหลอกได้ง่ายๆ นะ!” หญิงชราพูดอย่างตกใจ

โสมนี้เป็นความหวังทั้งหมดในการช่วยลูกชายของเธอ ถ้าต้องขายราคานี้จริงๆ เธอคงต้องหมดหวังอย่างแน่นอน!

“จริงๆ นะครับ ผมก็เป็นพ่อค้าเหมือนกัน ผมมาซื้อวัสดุยาที่นี่มากกว่าสิบปีแล้ว โสมแบบนี้ดูก็รู้ว่าเป็นโสมที่ปลูกเอง มันไม่ใช่โสมป่าแท้หรอกครับ ดังนั้น ราคาของมันยังไงก็ไม่เกินสามสี่พันหรอก”

ชายคนนั้นจุดบุหรี่แล้วเหล่ตามองหญิงชราและพูดกับเธอ

“ปลูก……ปลูกเอง?” หญิงชราขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นโสมที่ปู่ของป้าเก็บมาจากบนยอดเขาสูงในสมัยก่อนเลยนะ”

“คิดไปเองครับ ป้าดูสีมันสิ มันเป็นสีเหลืองนะครับ ดูก็รู้ว่ามันผ่านการรมควันด้วยกำมะถันมาแล้ว”

ชายคนนั้นพูดไปด้วยแล้วยื่นสามนิ้วออกมาด้วย “เอางี้นะป้า ผมเข้าใจว่าป้ากำลังลำบากอยู่ ผมจะเสนอราคาให้ป้าละกัน ถ้าป้ารับได้ก็ขายให้ผม ถ้ารับไม่ได้ก็เก็บไว้ขายให้คนอื่น ผมให้ป้าสามหมื่น โอเคไหม”

“สามหมื่น?”

หญิงชราได้แต่กะพริบตา ซึ่งราคานี้ต่างจากที่เธอคิดไว้มาก

“ผมให้ป้าเยอะแล้วนะ เอางี้ เพื่อเป็นน้ำใจของผม ผมเพิ่มให้ป้าอีกหนึ่งหมื่น ทั้งหมดสี่หมื่น ถ้าป้าไม่ขายผมไปละนะ!” ชายหนุ่มเริ่มพูดอย่างเหลือทน

หญิงชราลังเลอยู่พักหนึ่ง สำหรับโสมต้นนี้เธอรู้เพียงว่าผู้เฒ่าของเธอเป็นคนส่งต่อมาให้ลูกหลาน ส่วนมันจะเป็นโสมบ้านหรือโสมป่านั้นเธอก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

“นี่มัน……” หญิงชราเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ

ก่อนจะมาที่นี่เธอได้สังเกตโสมของผู้ขายรายอื่นแล้ว อย่างที่เขาบอกกัน โสมของเธอนั้นมีขนาดใหญ่กว่าโสมของพ่อค้าเจ้าอื่นๆ มาก

“คุณเพิ่มให้อีกสักหมื่นได้ไหม? ห้าหมื่นไหวมั้ย?” หญิงชราพูด

“ห้าหมื่นเหรอ? คุณป้า ถือว่าวันนี้เป็นวันโชคดีของป้าก็แล้วกัน ผมจะไม่เรื่องมากกับป้าอีกนะ ห้าหมื่นก็ห้าหมื่น!”

ชายคนนั้นเบ้ปากแล้วพูด “บอกตรงๆ นะป้า ถ้าผมไม่ได้สงสารป้าน่ะ ผมไม่ยอมจ่ายถึงห้าหมื่นหรอก เฮ้อ ตอนนี้ผมขาดทุนแล้วนะป้า ค่าน้ำมันของผมยังไม่พอเลย”

หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็หันกลับไปหยิบแบงค์ร้อยสีแดงออกมาจากรถปึกหนึ่ง

“อ่ะ ห้าหมื่นหยวน จะนับก่อนไหม”

หญิงชราที่เป็นคนยากจนมาทั้งชีวิต จึงไม่เคยเห็นเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

“ไม่ต้องนับ ไม่ต้องนับ ป้าเชื่อใจคุณ” หญิงชราพูด

ชายผู้นั้นไม่แม้แต่จะมองเธอเลย รอยยิ้มที่ควบคุมไม่ได้ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาทันที

“ฮ่า ๆ คุณป้า ป้าถูกหลอกแล้ว โสมของป้าแค่สองแสนสักที่ไหนกัน มันมากกว่าสองล้านเลยล่ะจะบอกให้!”

“คุณ……คุณว่าไงนะ?” หญิงชรามองหน้าชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ

“ผมบอกว่า ป้าถูกหลอกแล้ว แต่ทำธุรกิจมันก็ต้องเป็นไปตามกฎของการทำธุรกิจใช่ไหมครับ ใครให้ป้าถูกหลอกง่ายๆ แบบนี้ล่ะ” ชายผู้นั้นหัวเราะแล้วหันเดินจากไป

หญิงชราที่รู้ความจริงก็นั่งลงกับพื้นและร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะขายมรดกตกทอดของครอบครัวไปแค่ห้าหมื่นจริงๆ

ชายแว่นดำคนนั้นไม่ได้สนใจความรู้สึกของหญิงชราเลย เขาได้แต่ถือตะกร้าไม้ไผ่แล้วหันหลังเดินกลับไปในรถเบนซ์จีคลาสของเขา

หลังจากรถสตาร์ท ชายคนนั้นก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข

แต่ทันใดนั้น ร่างของรพีพงษ์ก็ปรากฏขึ้นที่หน้ารถของเขา

ชายแว่นดำเลื่อนกระจกลงแล้วตะโกนด่าออกมา “อยากตายเหรอ หลับไปให้พ้นนะ!”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของเขา แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ทิ้งโสมไว้ แล้วผมจะปล่อยคุณไป!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท