พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1264 กินข้าว

บทที่ 1264 กินข้าว

รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นฝนสุดากับอุเอสึงิ ฮารุที่นี่

“ใช่สิ๊ กลับมาก็ไม่บอกกันเลย” ฝนสุดาแล้วบิดแขนของรพีพงษ์เบาๆ

“ผมแค่แวะมาซื้อเสื้อผ้า เดี๋ยวก็กลับไปแล้ว ผมเลยไม่อยากรบกวนพวกคุณ แต่แล้วทำไมพวกคุณยังอยู่ที่นี่ล่ะ?” รพีพงษ์ถาม

“ก็พี่สุดาน่ะสิ ยืนกรานจะรอคุณที่นี่ เธอบอกว่าเดี๋ยวคุณก็จะกลับมาจากสำนักเทพยาเซียน เธอก็เลยไม่ยอมไปไหนเลย” อุเอสึงิ ฮารุชิงตอบคำถามก่อน

“ที่ไหนเล่า”

ฝนสุดาหน้าแดงทันที “หลังจากโรคซาลงแล้ว ธุรกิจของโรงแรมก็ดีขึ้น ฉันเลยไปไหนไม่ได้ต่างหาก อย่าพูดไปเรื่อยสิ”

รพีพงษ์หันหน้าออกไปและไม่ได้จับผิดเธอแต่อย่างใด

สำหรับสาวไฮโซอย่างเธอ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาส่วนใหญ่กับการช้อปปิ้งหรือท่องโลก ส่วนเรื่องกิจการโรงแรมของเธอนั้น เธอมักจะมอบหมายให้ผู้ชำนาญมาดูแลแทน ซึ่งเธอก็ไม่มีเวลามาดูแลเองอย่างแน่นอน

“คุณผู้ชายคะ ทั้งหมดสามล้านสามแสนสองหมื่นค่ะ”

ในขณะเดียวกัน พนักงานสาวก็เข้ามาแจ้งราคาให้กับรพีพงษ์

“คุณชายซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”

อุเอสึงิ ฮารุรู้สึกตกใจมาก เสื้อผ้าเยอะแยะขนาดนี้ มันจะเยอะไปไหม

“นั่นน่ะสิ ซื้อเสื้อผ้าเก่งกว่าผู้หญิงอย่างพวกเราเลยนะ” ฝนสุดายิ้มพูด

“ที่ไหนล่ะ”

รพีพงษ์พูดต่อ “ผมจะเอาแค่ตัวสองตัวเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็จะมอบให้โรงแรมไม้คู่ของพวกคุณครับ”

“ให้พวกเรา?”

ฝนสุดาถามอย่างประหลาดใจ

“อื้ม ผมรู้สึกว่าเสื้อสูทของร้านนี้พอใช้ได้นะ ราคาก็ไม่ได้แพงด้วย ผมคิดว่าจะเอาไปให้พนักงานโรงแรมไม้คู่ของคุณใส่เป็นชุดทำงานน่าจะเหมาะดีนะ ใส่พังแล้วไม่ต้องเสียดายด้วย”

รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น

แต่พนักงานสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกตกตะลึงมาก

ชุดสูทมากมายราคาตัวละหลายหมื่น แต่เขากลับยกให้คนอื่นฟรีๆ ที่ยิ่งกว่านั้นคือยกให้คนอื่นไปใส่เป็นชุดทำงานอีกด้วย?

“เอางี้เลยเหรอ งั้นก็ขอบคุณมากเลยนะ”

ฝนสุดาไม่ได้ปฏิเสธรพีพงษ์ เธอรู้ว่าเงินแค่นี้สำหรับเขาแล้วเหมือนขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว

“ไหน ๆ ก็มาแล้ว เราไปทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ฉันกับฮารุก็เดินจนเหนื่อยแล้ว กำลังหาที่นั่งพักพอดีเลย”

ฝนสุดาพูด

“เอาสิ แต่เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมต้องรีบกลับไปแล้วนะ” รพีพงษ์พูด

“ไปกันเถอะ แถวนี้มีร้านอาหารชื่อดังเปิดใหม่ร้านหนึ่ง เดี๋ยวฉันพาคุณไปชิมนะ”

จากนั้นฝนสุดาพารพีพงษ์และทั้งสามก็เดินออกไปพร้อมกัน

ร้านอาหารเม้งฮก

แม้ว่าจะไม่ใช่เวลาทานอาหาร แต่ในร้านก็เต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหารรพีพงษ์ก็ได้กลิ่นจางๆ ของดอกไม้จันทน์ การตกแต่งภายในร้านยังเป็นสไตล์โบราณ ซึ่งดูออกได้ว่าเจ้าของร้านที่นี่ต้องเป็นคนที่มีศิลปะอย่างแน่นอน

รพีพงษ์ที่เดินเข้าไปพร้อมกับสาวสวยทั้งสอง ในไม่ช้าก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว

“ไปกันเถอะ ปกติแล้วร้านนี้จองที่นั่งได้ยากนะ แต่ฉันเป็นลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ฉันจึงมีห้องส่วนตัวที่สงวนไว้สำหรับฉันอยู่”

ฝนสุดาก็เดินนำพวกเขาเดินเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัวนั้น

แต่ก่อนที่จะเข้าไปถึงด้านใน เธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากห้องอาหารที่อยู่ตรงหน้า

“คุณสุดาครับ เป็นเกียรติมากที่ได้พบคุณที่นี่นะครับ”

รพีพงษ์กับคนอื่นๆ ก็มองไปที่เขา และพวกเขาก็ได้เห็นชายสามคนนั่งอยู่ในห้องอาหารอย่างกระจัดกระจาย ส่วนคนที่ทักทายฝนสุดานั้นก็ได้นั่งอยู่ตรงกลาง

เมื่อเขาเห็นรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ตรงกลางของสาวงามทั้งสอง ดวงตาของเขาก็ประกายความรังเกียจออกมา แต่ในไม่ช้าก็หายไป

“ท่านนี้คือ……”

รพีพงษ์ถามเป็นมารยาท ความจริงแล้วเขาไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะเป็นใคร

“พวกเขาคือคนในประเทศญี่ปุ่นของเรา แล้วเขาคือโคบายาชิจุนอิจิ ตระกูลโคบายาชิของเขาเป็นครอบครัวที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศของเรา นอกจากนี้เขายังเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลโคบายาชิ และยังเป็นผู้สืบสกุลของครอบครัวอีกด้วย”

ฝนสุดาพูด

“พี่สุดา พี่ลืมบอกอีกเรื่อง โคบายาชิจุนอิจิยังเป็นคนที่ตามจีบพี่อีกด้วยนะ”

อุเอสึงิ ฮารุยิ้มพูดอยู่ข้างๆ

“พูดมากจริงๆ”

ฝนสุดากลอกตาใส่และหันไปพูดกับรพีพงษ์ต่อ “เขาจีบฉันก็จริง พ่อของฉันก็ชอบเขาด้วย แต่ว่าฉันไม่เคยเปิดใจให้เขา ไม่คิดเลยว่าเขาจะตามฉันมาถึงที่นี่ได้ คุณอย่าถือสานะ”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ “นี่มันเรื่องส่วนตัวของคุณนะครับ ทำไมผมต้องถือสาด้วย ถ้าเขาเป็นคนดี คุณก็ควรเปิดใจแต่งงานกับเขาสิครับ เพราะคุณก็อายุไม่น้อยแล้ว”

“รพีพงษ์ คุณกำลังหาว่าฉันแก่ใช่ไหม?”

ฝนสุดารู้สึกโกรธและบีบแขนของรพีพงษ์อย่างไม่ทันตั้งตัว

เมื่อโคบายาชิจุนอิจิเห็นภาพนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าสองคนนี้เป็นเหมือนคู่รักที่กำลังทะเลาะกัน

และทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เสียงพูดของเขาก็ดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“คุณสุดาครับ ที่นี่มีที่นั่งหลายที่นะครับ ถ้าไม่รังเกียจขอเชิญมานั่งด้วยกันครับ”

“คุณโอเคไหมคะ คุณรพีพงษ์?”

ฝนสุดาถาม

“ก็แค่กินข้าว เรานั่งไหนก็ได้ครับ”

รพีพงษ์รู้สึกเฉยๆ

จากนั้นฝนสุดาพยักหน้าและทั้งสามก็เดินเข้าไป

เมื่อเห็นสาวสวยอย่างสุดากับฮารุ สายตาของชายอีกสองคนในห้องอาหารถึงกับสว่างไสวขึ้นมาทันที

แต่เนื่องจากมีโคบายาชิจุนอิจิอยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงอาการออกมาเยอะ

ซึ่งสุดากับฮารุนั้นชินกับการที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนี้แล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้รู้สึกอะไร

“สวัสดีครับ ผมชื่อโคบายาชิจุนอิจิครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเพื่อนของสุดาเหรอครับ?”

“ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนของเธอ”

รพีพงษ์ตอบตามความจริง

เมื่อได้ยินคำตอบของรพีพงษ์ โคบายาชิจุนอิจิถึงรู้สึกโล่งใจ

“ไม่ทราบว่าคุณทำธุรกิจอะไรที่ประเทศจีนครับ วันหลังถ้ามีโอกาสเราจะได้ทำงานร่วมกันได้” โคบายาชิจุนอิจิพูด

“ตอนนี้ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แค่ขึ้นไปทำยาบนยอดเขาครับ” รพีพงษ์ตอบ

เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์นั้นมีผู้รับผิดชอบที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมคอยบริหารอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงอารียาที่เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเขา

“อ้อ ประกอบธุรกิจยานี่เอง”

โคบายาชิจุนอิจิพูดต่อ แต่สายตาของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวของรพีพงษ์อีก

เพราะพ่อค้าที่ประกอบอาชีพยารักษาโรคนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของโคบายาชิจุนอิจิเลย

“รีบทานกันเถอะ สงสัยคงหิวกันแล้วสินะ” ฝนสุดาพูด

“นั่นน่าะสิ กินเยอะๆ นะครับ อาหารร้านนี้อร่อย แต่แน่นอนว่าราคามันก็แพงมากเหมือนกัน คนปกติไม่มีปัญญากินได้หรอก” โคบายาชิจุนอิจิยิ้มพูด จากนั้นพูดต่ออย่างได้ใจ “แต่คุณไม่ต้องห่วงนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง เพราะคุณเป็นเพื่อนของสุดา ผมก็เป็นเพื่อนของสุดา ดังนั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน”

“คุณพูดอะไรอยู่ ฉันกับคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ เลยนะ” ฝนสุดาพูดอย่างไม่เกรงใจโคบายาชิจุนอิจิ

โคบายาชิจุนอิจิได้แต่เบ้ปากแล้วอยู่เงียบๆ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาถูกฝนสุดาหักหน้าจนชินไปแล้ว รพีพงษ์ไม่อยากสนใจเรื่องไร้สาระให้มาก เขาไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า อีกอย่างยังต้องรีบกลับไปที่สำนักเทพยาเซียนอีกด้วย

เขาจึงเริ่มชิมผักกาดขาวต้ม ชิมซุปต้มหัวปลาและข้าวสวย จากนั้นเขาก็รู้สึกประทับใจมาก

รสชาติดีจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเชฟที่นี่ต้องมีฝีมือที่ดีมาก

“คุณชาย อาหารร้านนี้อร่อยใช่ไหม แต่ราคาก็ไม่เบาเลยนะ” อุเอสึงิ ฮารุพูดเบาๆ

รพีพงษ์พยักหน้า ชามข้าวเล็กๆ ของเขาถูกกินจนสะอาด และเขาก็พูดกับพนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่หน้าประตูว่า “รบกวนขอข้าวสวยอีกที่หนึ่งครับ!”

โคบายาชิจุนอิจิและเพื่อนอีกสองคนเมื่อเห็นรพีพงษ์กวาดชามข้าวของเขาก็รู้สึกดูถูกเขามาก

“พี่ชาย ทานกับขาวเยอะๆ ทานข้าวน้อยหน่อย เพราะกับข้าวที่นี่พี่ชายไม่มีโอกาสได้กินทุกวันนะครับ”

ชายใส่แว่นที่นั่งอยู่ข้างโคบายาชิจุนอิจิพูดขึ้น

ฝนสุดาแอบหัวเราะในใจ คนระดับอย่างรพีพงษ์ไม่เคยกินอาหารอะไรบนโลกนี้อีก?

อีกอย่างสุดาก็รู้จักนิสัยของรพีพงษ์ดี หมาป่าในชุดแกะนั้นเป็นเรื่องที่เขาทำบ่อยที่สุด

สุดากำลังรอให้ชายใส่แว่นถูกหักหน้า แต่ ณ ตอนนี้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ข้าวสวยชามใหม่ของรพีพงษ์กินหมดอีกแล้ว และครั้งนี้เขาไม่ได้กินกับข้าวเลยแม้แต่คำเดียว

“อร่อยจริงๆ ชามเล็กไป ขออีกถ้วยได้ไหมครับ?”

รพีพงษ์ยิ้มพูด

โคบายาชิจุนอิจิยิ้มพูดตาม “เอาเลย อยากกินเท่าไหร่ก็กินเลยครับ หรือถ้าไม่พอผมซื้อข้าวสารของทั้งร้านให้คุณเลยก็ได้นะ คุณเอากลับบ้านไปค่อยๆ กิน”

“คุณพูดเองนะครับ พี่ครับ ซื้อข้าวครับ!”

รพีพงษ์พูดอย่างเสียงดัง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท