พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1292 ล้างพิษ

บทที่ 1292 ล้างพิษ

รพีพงษ์หยิบจดหมายออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “มีเกาะ แห่งหนึ่งในต่างประเทศ ซึ่งมีศิษย์พี่ศิษย์น้องของผมอยู่ที่นั่น พวกคุณไปถึงแล้วแจ้งชื่อผมแล้วนำจดหมายฉบับนี้ให้กับพวกเขา หลังจากได้อ่านจดหมายแล้วพวกเขาจะเข้าใจเอง”

ชยนต์พยักหน้าแล้วรับจดหมายนั้นไว้

“เราจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จครับ!”

รพีพงษ์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและยิ้มพูดต่อ “ปกติแล้วพี่น้องของผมจะขี้เล่นหน่อยนะ ถึงเวลาแล้วพวกคุณแสดงความแข็งแกร่งให้พวกเขาได้เห็น แล้วพวกเขาจะเชื่อฟังพวกคุณเอง”

“รับทราบ” ทั้งสองพยักหน้าตอบ

จากนั้นหุ่นเชิดทั้งสองก็หันเดินออกจากห้องโถงโดยที่ไม่ลังเลใดๆ

และหลังจากหุ่นเชิดทั้งสองจากไป สีหน้าของรพีพงษ์ก็กลายเป็นจริงจังทันที

ข้อความในจดหมายนั้นคือการเรียกศิษย์พี่ศิษย์น้องมารวมตัวกันที่สำนักเทพยาเซียนในอีกสิบห้าวันข้างหน้า

เพราะการรุกรานของทวีปโอชวินได้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดังนั้นรพีพงษ์จึงต้องรวบรวมกลุ่มคนที่เชื่อถือได้เพื่อมาเตรียมพร้อมในการต่อกรกับทวีปโอชวิน

และสำหรับชื่อของสำนักสยบเซียนนี้ที่รพีพงษ์เป็นคนตั้ง เขาได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าวันหนึ่งจะต้องมาต่อสู้กับทวีปโอชวินอย่างแน่นอน

เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้

ซึ่งก่อนที่จะถึงเวลาของการต่อสู้ในครั้งสำคัญนึ้ รพีพงษ์ยังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ นั่นก็คืออารียาที่กำลังรอเขาอยู่ในห้อง

ด้านในห้องนอนของรพีพงษ์ในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ ทั้งสองนั่งอยู่ตรงหน้าซึ่งกันและกัน

รพีพงษ์หยิบยาเม็ดไป่หลิงที่เป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนออกมา

“แคลร์ นี่เป็นยาเม็ดที่ผมตั้งใจกลั่นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ พิษในร่างกายของคุณคือพิษของยาเปลี่ยนวิญญาณ คุณกินยานี้เข้าไปนะ แล้วมันจะทำให้คุณดีขึ้น” รพีพงษ์พูด

อารียารับยาเม็ดนั้นมา ซึ่งมองจากภายนอกเธอก็สามารถรู้ได้ว่ายาเม็ดนี้ไม่ใช่ยาธรรมดาอย่างแน่นอน

“คุณหมายความว่า คุณหลอมยาเม็ดนี้เองเลยเหรอ?” อารียาถามต่อ “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณจะหลอมโอสถเป็นด้วย?”

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วยิ้มตอบ “ที่ผมไปสำนักเทพยาเซียนครั้งนี้ก็เพื่อจะหาวิธีแก้พิษให้คุณและยายาเม็ดไป่หลิงเม็ดนี้เป็นยาที่ล้ำค่าที่สุดในโลก ซึ่งในโลกนี้อาจจะมีแค่เม็ดเดียวด้วยนะ”

“เม็ดเดียวในโลก?”

อารียามองไปที่เม็ดยาขนาดเล็กในมือและยิ่งรู้สึกว่ามันวิเศษกว่าเดิม

“กินสิ” รพีพงษ์พูดอย่างอ่อนโยน แต่ในอีกมุมหนึ่ง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ายาเม็ดไป่หลิงที่เป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนเม็ดนี้จะเป็นยาวิเศษเหมือนที่เขาเล่ากันในตำนานจริงหรือไม่ แล้วมันจะมีประสิทธิภาพต่อยาพิษของทวีปโอชวินได้มากแค่ไหน

“อื้ม”

อารียาไม่ได้ลังเลใดๆ เพราะยาเม็ดนี้เต็มไปด้วยความจริงใจของรพีพงษ์ และเธอจะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้

เมื่อกินยาลงไปแล้ว ในเริ่มแรกอารียายังไม่ได้รู้สึกอะไร

แต่ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็รู้สึกว่าท้องน้อยของเธอเริ่มอุ่นขึ้น

ซึ่งเป็นความอุ่นที่ทำให้เธอรู้สึกดีมาก จากนั้นความอุ่นนั้นก็กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ

สำหรับรพีพงษ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ไม่กล้ารอช้า เขาใช้พลังจิตวิญญาณของเขาเพื่อจะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายของอารียา

และในทันใดนั้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพิษยาเปลี่ยนวิญญาณของธีรพัฒน์ได้ถูกความอบอุ่นของร่างกายเธอห่อหุ้มเข้าด้วยกัน

สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ ภายใต้การห่อหุ้มของความอบอุ่นในร่างกายของเธอ พิษของยาเปลี่ยนวิญญาณก็ค่อยๆ สลายหายไป

“คุณรู้สึกยังไง?”

รพีพงษ์ ถามอย่างกังวล

อารียามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความมึนงง

เนื่องจากพิษของยาเปลี่ยนวิญญาณจากธีรพัฒน์ได้อยู่ในร่างกายเธอมาหนึ่งปีเต็มๆ แล้ว ซึ่งภายในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เธอไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย

และตอนนี้เธอก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าพิษในร่างกายของเธอถูกถอนออกไปแล้วหรือยัง

“ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีนะ ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย แต่มันกลับตรงกันข้าม ฉันรู้สึกสบายมากกว่า” อารียาตอบตามความรู้สึกของเธอ

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วใช้พลังจิตวิญญาณอีกครั้ง

ซึ่งคราวนี้เขาใช้พลังจิตวิญญาณอย่างละเอียด เพื่อจะได้รับรู้ถึงทุกตารางนิ้วของร่างกายอารียา และสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจก็คือ เขาไม่พบร่องรอยของยาเปลี่ยนวิญญาณในร่างกายอารียาอีกเลย

รพีพงษ์มองอารียาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นวางจูบที่นุ่มนวลไว้บนหน้าผากของเธอ

“แคลร์ พิษในร่างกายคุณถูกกำจัดออกไปหมดแล้วนะ!”

“จริงดิ?”

อารียาก็ประหลาดใจเช่นกัน หลังจากได้รับคำยืนยันจากรพีพงษ์แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมา

“ฉันรู้……ฉันรู้เสมอว่าคุณจะต้องทำได้”

อารียาพูดทั้งน้ำตาและรู้สึกมีความสุขมาก

เมื่อเห็นหญิงงามคนนี้หลั่งน้ำตา รพีพงษ์ก็ดึงเธอมากอดไว้

สมเป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนจริงๆ ถ้าเป็นแค่ยาพิษระดับเพอร์เฟค รพีพงษ์ก็อาจจะยังไม่มั่นใจเท่านี้

ในช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากที่ได้รับสารพิษเข้ามาในร่างกาย แม้อารียาจะไม่เคยแสดงอาการใดๆ แต่ในทุกคืนเธอก็ต้องนอนด้วยความกังวลอยู่เสมอ

ในโลกใบนี้ เธอยังมีคนสำคัญอยู่ไม่น้อย นอกจากรพีพงษ์ที่รักเธอคนนี้แล้ว ยังมีลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักของเธอ

ถ้าวันหนึ่งเธอต้องจากคนรักทั้งสองไป และเธอจะไม่ได้เฝ้าดูการเติบโตของขวัญนลิน อารียาไม่รู้ว่าเธอจะเผชิญกับวันนั้นด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร

“ขอบคุณนะ รพีพงษ์” อารียาพูดเบาๆ

เพราะรพีพงษ์เป็นทุกอย่างสำหรับการที่ได้รับชีวิตใหม่ของเธอ

“เราเป็นสามีภรรยากันนะ ไม่ต้องขอบคุณผมก็ได้” รพีพงษ์ยิ้มพูด

รพีพงษ์มีความสุขมากเมื่อเห็นร่างกายของอารียากลับมาเป็นเหมือนเดิม

อย่างน้อยเขาก็หายกังวลไปอีกเรื่องเมื่อต้องเผชิญกับทวีปโอชวิน

“ฉันคิดว่าเมื่อก่อนที่คุณอยู่ในบ้านฉัน ฉันกับครอบครัวของฉันทำผิดต่อคุณมากเลยจริงๆ” อารียาพูด

หลังจากสามปีของการเป็นลูกเขย ครอบครัวตระกูลฉัตรมงคลไม่เคยมองเขาเป็นคนในครอบครัวเลย แม้แต่อารียาในเริ่มแรกก็เช่นกัน

เพียงแต่สิ่งที่เธอไม่เหมือนกับณาศิสและคนอื่นๆ นั้นก็คือ เธอหวังอยากให้ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอคนนี้มีวุฒิภาวะและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกวัน

แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดนั้นก็คือรพีพงษ์ในวันนั้นก็เป็นชายที่ยืนอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศจีนไปแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงการยืนอยู่ในแดนเทพของเขาในทุกวันนี้ ดังนั้นเรื่องการแก่งแย่งชิงดีสำหรับเขาแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงผมต้องขอบคุณแม่ยายของผมมากกว่านะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ความอดทนของผมคงไม่สูงขนาดนี้หรอก” รพีพงษ์พูดอย่างติดตลกแต่แฝงด้วยความจริงจัง

อารียามองรอยยิ้มบนใบหน้าของรพีพงษ์ และในทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย

“รพีพงษ์ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกว่าสักวันหนึ่งคุณจะทิ้งฉันไป เพราะคุณเพอร์เฟคขนาดนี้ แต่ฉันกลับ……”

อารียายังไม่ทันพูดจบ แต่คำพูดที่แสนนุ่มนวลของรพีพงษ์ก็ขัดจังหวะเธอเอาไว้

“แคลร์ คุณเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าผมจะบินได้ไกลแค่ไหน หรือบินไปสูงแค่ไหน ด้ายที่ผูกกับผมไว้จะอยู่ในมือคุณไปเสมอ”

น้ำตาของอารียาไหลรินลงมา และสายตาที่มองรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

“แคลร์ คุณต้องจำไว้นะ ผมไม่ได้แค่ต้องการให้คุณเป็นคู่ชีวิตของผมไปตลอดชีวิตเท่านั้น แต่หลังจากนี้อีกหนึ่งร้อยปี สองร้อยปี หรือว่าหนึ่งพันปี ผมก็จะอยู่กับคุณไปตลอด” รพีพงษ์พูด

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ “คุณพูดอะไรอยู่ ใครจะอยู่ได้นานขนาดนั้นล่ะ แค่อายุร้อยปีฉันก็คงแก่จนเหี่ยวไปหมดแล้ว ฟันก็หลุดร่วงไปหมด ผมขาวทั้งหัว แถมผิวพรรณก็มีแต่เหี่ยวย่นไปหมด ฉันไม่เอาหรอก แต่ฉันขอแค่เราได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็พอ”

นัยน์ตารพีพงษ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณจำธีรพัฒน์ที่ดูอาการป่วยให้คุณได้ไหม?”

“จำได้สิ ฉันยังคิดว่าฉันต้องขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัวด้วย” อารียาพยักหน้าพูด

“เขา……อายุสองร้อยกว่าปีแล้วนะ” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น

“ว่าไงนะ! อายุ เขา สองร้อยกว่าปีแล้ว? รพีพงษ์ คุณไม่สบายหรือเปล่า?” อารียาถามอย่างตกใจ ซึ่งคำพูดของรพีพงษ์นั้นทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองในการมองโลกไปทันที

สำหรับปฏิกิริยาของอารียานั้น รพีพงษ์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย “ผมเหมือนคนป่วยขนาดนั้นเลยเหรอ?”

จากนั้นอารียาก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของรพีพงษ์ แน่นอนว่าร่างกายของรพีพงษ์ไม่ได้ผิดปกติใดๆ เลย

“ผมพูดจริงนะ เดิมทีผมก็ไม่เชื่อเหมือนคุณ ผมก็คิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แต่ในตอนนี้ หลังจากที่ผมได้เริ่มฝึกวิชา ผมก็รู้ว่าอายุขัยของคนเราจะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแกร่งของร่างกายเรา” รพีพงษ์พูดตามความจริง

“จริง……จริงเหรอ?” อารียาถามอย่างระมัดระวัง และในใจเธอยังไม่อยากเชื่อว่ามีเรื่องแปลกแบบนี้ด้วย

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วมองไปที่ดวงตาของอารียา “แคลร์ คุณเชื่อผมสิ ผมพูดจริงนะ”

จากนั้นเขาหยุดไปสักพักแล้วค่อยพูดต่อ “รอผมจัดการเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งให้สำเร็จก่อน แล้วผมจะพาคุณกับหนูลินไปฝึกวิชาด้วยกัน ครอบครัวทั้งสามของเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”

อารียายิ้มและพยักหน้าตอบ ถ้าคำพูดนี้เธอได้ยินจากปากคนอื่น เธอคงต้องคิดว่าคนคนนั้นอาจจะกินยาลืมเขย่าขวดแน่นอน

แต่ว่า คำพูดนี้ออกจากปากของรพีพงษ์ ซึ่งก็ทำให้อารียาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อในคำพูดของเขา

เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่รพีพงษ์เคยทำนั้น แม้จะดูเหมือนเขาคุยโวหรือพูดเกินความจริง แต่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นในทุกๆ คำพูดของเขาแล้ว!

หลังจากที่พูดถึงหนูลิน รพีพงษ์ก็จับมืออารียาและพูดว่า “ไปกันเถอะ เราไปหาหนูลินกัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท