พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1295 คุณคือนักมายากล

บทที่ 1295 คุณคือนักมายากล

“หนูก็ไม่รู้จักเหมือนกัน เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงของชาวตะวันตก เห็นบอกว่าจะมาขอคำแนะนำจากอาจารย์ของหนู” เจสสิก้าพูดต่อ “หนูดูแล้วเขาไม่น่าเป็นคนดีหรอกนะ แต่อาจารย์ไม่ให้อยู่ด้วย หนูก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”

“หมอชาวตะวันตกที่มีชื่อเสียง?”

รพีพงษ์ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ในเมื่อชุติเทพยุ่งอยู่ เขาจึงคิดว่าไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนดีกว่า

ส่วนไออ้วนคนนั้นไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ บอกว่าจะไปชงชาแต่หายตัวไปนานเลย

จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เสียงพูดคุยก็ได้ดังออกมาจากในห้อง

“ฮ่า ๆ การแพทย์แผนจีนก็ไม่เท่าไหร่นะ คุณหมอเทพ ผมว่าคุณควรมาเรียนแพทย์แผนตะวันตกของผมมากกว่านะครับ”

จากนั้นชายต่างชาติที่สูงเกือบสองเมตรก็เดินออกมาอย่างเย้ยหยัน ตามด้วยชุติเทพที่เดินอยู่ด้านหลังเขาด้วยสีหน้าหมดหมอง

ดูเหมือนว่าชุติเทพจะเป็นคนเสียเปรียบในการมาขอคำแนะนำของชาวตะวันตกคนนี้สินะ

“คุณหมอเทพ พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนไข้ของคุณใช่ไหมครับ?”

เมื่อชาวตะวันตกเห็นรพีพงษ์ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกก็คิดว่าเขาเป็นคนไข้ของคลินิกนี้

รพีพงษ์ไม่ได้ถือสาเขา แต่หลังจากที่เห็นสายตาของชาวต่างชาติคนนี้กวาดมองไปที่ตัวของอารียาหลายๆ รอบ ในใจของรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที

“รพีพงษ์?”

ชุติเทพรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นรพีพงษ์ จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่เจสสิก้าอย่างตำหนิ

เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว ใครจะกล้าเป็นแขกสำคัญมากกว่าเขาอีก?

ชุติเทพกำลังจะกล่าวทักทายรพีพงษ์ แต่ทันใดนั้น รพีพงษ์ก็หยุดเขาด้วยสายตา

จากนั้นรพีพงษ์ก็พูดกับฝรั่งคนนั้นว่า “คุณพูดถูกครับ ผมมาหาหมอที่นี่!”

อารียากับเจสสิก้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ตกใจทันที และเจสสิก้าก็รีบถามเขาว่า “พี่รพีพงษ์ พี่ไม่สบายจริงเหรอ?”

“ก็จริงน่ะสิ ถ้าไม่ป่วยแล้วผมจะมาที่นี่ทำไมล่ะ?”

รพีพงษ์มองไปที่ชุติเทพแล้วพูดต่อ “คุณหมอเทพครับ ช่วยดูอาการผมทีนะครับ”

ชุติเทพยังคงงุนงงอยู่ จนกระทั่งรพีพงษ์ส่งสายตาให้เขา เขาถึงเข้าใจว่ารพีพงษ์กำลังจะช่วยเขาจัดการกับหมอฝรั่งคนนี้

“ฮ่า ๆ พ่อหนุ่ม วันนี้ถือว่าเป็นความโชคดีของคุณนะครับ”

หมอฝรั่งพูดขึ้นก่อน “ผมชื่อสตีเฟน เป็นหัวหน้าแพทย์จากโรงพยาบาลสหพันธรัฐอเมริกัน ถือว่าคุณโชคดีมากที่ได้เจอผมในวันนี้”

“หัวหน้าแพทย์เลยเหรอ? งั้นคุณก็เก่งกว่าคุณหมอเทพสิครับ” รพีพงษ์แกล้งถามอย่างสอพลอ

“เรื่องนี้คุณลองถามคุณหมอเทพได้นะ”

สตีเฟนพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อกี้ผมขอคำแนะนำจากคุณหมอเทพแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของจีนก็ไม่เท่าไหร่นะ ถ้าต้องเทียบกับแพทย์แผนตะวันตกของเรา”

“โอ้ว? จริงเหรอครับ คุณหมอเทพ?” รพีพงษ์มองไปที่ชุติเทพ

ชุติเทพสีหน้าเคร่งเครียด “ผมยอมรับว่ายาตะวันตกบางตัวของคุณมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่แพทย์แผนจีนของเราก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณบอกนะครับ”

“คุณหมอเทพครับ ผมว่าทักษะทางการแพทย์ของจีนมีข้อบกพร่องนะ และมันคือความจริงครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณ หรือว่ากำลังภายในอะไรนั่น ทุกอย่างมันไม่มีตัวตน มองไม่เห็นด้วยซ้ำ แล้วมันจะมีจริงได้ยังไงครับ?” สตีเฟนยิ้มพูดอย่างดูถูก

“คุณจะรู้อะไรเล่า เส้นลมปราณหรือว่ากำลังภายใน ถึงแม้จะมองไม่ให้ด้วยตาเปล่า แล้วคุณเอาอะไรมาพูดว่ามันไม่มีอยู่จริง?”

เจสสิก้ารีบชิงตอบก่อน

“ฮ่า ๆ เอาสิ พวกคุณลองพิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนสิว่ามีลมปราณกับกำลังภายในอยู่จริง แล้วผมจะยอมรับว่าแพทย์แผนจีนของพวกคุณมันดีจริง!”

สตีเฟนยิ้มพูดอย่างเย้ยหยัน

“คุณ……”

เจสสิก้ากัดริมฝีปากของเธอ เพราะของพวกนี้มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แล้วมันจะพิสูจน์ได้อย่างไร

ชุติเทพเองก็รู้สึกไม่พอใจมาก ชาวต่างชาติคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะจริงๆ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาขอคำแนะนำแต่ตั้งใจมาเยาะเย้ยเรามากกว่า

“คุณหมอเทพครับ”

ในขณะนี้รพีพงษ์ลุกขึ้นยืน

จากนั้นเดินเข้ามาหาชุติเทพแล้วพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้ผมไม่สบายมากครับ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อไปหมด คุณมีวิธีการรักษาโดยใช้การฝังเข็มแบบพิเศษไม่ใช่เหรอครับ ช่วยรักษาผมที ให้ผมได้หายใจสบายขึ้นหน่อยครับ”

“หืม? ให้ผม……ช่วยคุณฝังเข็ม?” ชุติเทพรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นดวงตาที่หนักแน่นชัดเจนของรพีพงษ์แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก

เมื่อสตีเฟนได้ยินเช่นนี้ก็รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “เอาสิ คุณหมอเทพ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคุณจะรักษาคนไข้คนนี้ให้หายใจได้สะดวกยังไง”

ชุติเทพขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของรพีพงษ์แล้ว เขาก็รู้สึกอุ่นใจทันที

“ได้สิ คุณรอดูก็แล้วกันนะ เจสสิก้า ช่วยหยิบกล่องยาให้ผมที”

ไม่นานหลังจากนั้น เจสสิก้าก็หยิบกล่องยาที่ทำจากไม้จันทน์สีแดงออกมา เธอเปิดกล่องและด้านในก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์ของชุติเทพที่ใช้ในการรักษาคนไข้

จากนั้นให้รพีพงษ์นั่งลงบนเก้าอี้ และสตีเฟนก็ยืนเกาะอกอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีที่รอซ้ำเดิมคนอื่น

“คุณหมอเทพ ถ้าคุณมีความสามารถจริงๆ คุณทำให้ผมเห็นลมปราณของเขาด้วยนะ ไม่อย่างนั้นผมไม่มีวันเชื่อในทักษะแพทย์แผนจีนของคุณหรอก”

ชุติเทพไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หยิบเข็มเงินออกมาจากกล่องยา

รพีพงษ์ดูหน้านิ่งมาก จากนั้นเขายิ้มพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณหมอเทพครับ คุณชำนาญในการรักษาโดยใช้วิธีนี้ไม่ใช่เหรอครับ คุณเคยใช้เข็มเงินทิ่มนิ้วหัวแม่มือของผม จากนั้นปล่อยลมปราณส่วนเกินในร่างกายผมออกมา แล้วผมก็หายป่วยเลย คุณยังจำได้ใช่ไหมครับ”

ประโยคนี้เป็นคำบอกใบ้ให้กับชุติเทพ ซึ่งชุติเทพก็เป็นคนฉลาดและรู้ทันทีว่ารพีพงษ์ต้องการจะสื่ออะไร

“จริงด้วยสินะ ความจำผมเริ่มไม่ดีแล้วจริงๆ เอาล่ะ ผมจะเริ่มแล้วนะ”

จากนั้นชุติเทพก็ใช้เข็มเงินทิ่มเข้าไปในนิ้วหัวแม่มือของรพีพงษ์

สตีเฟนที่อยู่ด้านข้างมองชุติเทพอย่างดูถูก เขาไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีลมปราณหรือกำลังภายในอะไรนั่น

แต่ทันใดนั้น สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจก็เกิดขึ้น

เหนือเข็มเงินนั้นมีควันสีขาวค่อยๆ แผ่ออกมา

แม้แต่ชุติเทพก็ยังแปลกใจ

แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของรพีพงษ์แล้วเขาก็เข้าใจในทันที

ดูเหมือนว่ารพีพงษ์กำลังใช้เข็มเงินปล่อยกำลังภายในของเขาออกมา

“นี่……นี่มันอะไรกัน?” สตีเฟนรู้สึกตกใจมาก

“ลมปราณพวกนี้ที่ถูกปล่อยออกมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับคุณหมอเทพ คุณหมอเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ ครับ ผมไปหาหมอมาหลายที่แล้ว แต่ไม่มีใครรักษาผมได้เลย” รพีพงษ์พูด

“เป็นไปไม่ได้ จะมีเรื่องปาฏิหาริย์แบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

สตีเฟนพูดอย่างเสียงดัง

“ความจริงก็อยู่ตรงหน้าแล้ว คุณยังจะพูดอะไรอีกคะ” เจสสิก้าพูดด้วยอารมณ์

หลังจากเข็มเงินถูกถอนออก รพีพงษ์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วแสร้งทำเป็นขยับร่างกายไปมา

“ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว ร่างกายก็ไม่ปวดเมื่อยแล้วครับ”

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แค่เข็มเงินเล็กๆ จะรักษาอาการป่วยของคนทั้งคนได้ยังไง? ไม่มีทางหรอก”

สตีเฟนพูดอย่างน่าเหลือเชื่อ “พวกคุณกำลังรวมหัวกันหลอกผมแน่!”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วมองไปที่เขา “ในประเทศจีนยังมีเรื่องมหัศจรรย์อีกมากมายที่คุณยังไม่รู้ ต่อจากนี้ รบกวนคุณลืมตาสุนัขของคุณแล้วตั้งใจดูให้ดีนะ!”

จากนั้นรพีพงษ์สะบัดมือเบาๆ และมีดยาวสีทองก็ปรากฏออกมา

“นี่มัน……นี่มันอะไรกัน คุณเล่นมยากลเหรอ? คุณเป็นนักมายากลใช่ไหม?”

สตีเฟนสองมือกุมศีรษะแล้วอ้าปากค้าง

จากนั้นรพีพงษ์แค่ขยับเบาๆ มีดยาวเล่มนั้นก็กลายเป็นมีดสั้น และในที่สุดก็กลายเป็นแส้ยาวในพริบตา

สตีเฟนพยายามสะบัดหัวแรงๆ เพื่อจะให้ตื่นจากความฝัน ในเวลานี้เขาแทบจะไม่สามารถใช้คำพูดมาบรรยายกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาได้จริงๆ

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย็นชา ซึ่งผลลัพธ์นี้ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว

ตั้งแต่ที่คุยกับแรดโบราณในป่าหมอก เขาก็รู้ว่าแหล่งพลังทิพย์ของโลกใบนี้ร้อยละเก้าสิบจะอยู่ที่ประเทศจีน

และแหล่งพลังทิพย์ส่วนที่เหลือนั้นถูกทวีปโอชวินแย่งชิงไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่เหลือพลังทิพย์ที่ไหนอีก

สำหรับนักฝึกวิชาที่ต้องการพัฒนาการฝึกฝนนั้น แน่นอนว่าต้องใช้พลังทิพย์โดยปริยายอยู่แล้ว!

ส่วนสตีเฟนที่ไม่เคยเห็นนักฝึกวิชา เมื่อต้องเจอกับวิชาเสกอาวุธก็ต้องรู้สึกมหัศจรรย์อย่างแน่นอน

“ตอนนี้คุณยังกล้าดูถูกประเทศจีนของเราอีกไหม?”

รพีพงษ์เก็บดาบแล้วพูดอย่างเย็นชา

“ไม่ ไม่แล้วครับ” สตีเฟนพูดอย่างติดขัด สำหรับสิ่งที่เขาได้เห็นในวันนี้ เพียงพอที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อโลกของเขาได้อย่างแน่นอน

“คุณไปได้แล้ว”

ชุติเทพเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “เจสสิก้า ช่วยส่งแขกที!”

สตีเฟนพยักหน้าเบาๆ เขาในตอนนี้ ถ้าอยู่ต่อก็คงต้องขายหน้าไปกว่านี้

แต่หลังจากขยับเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หันเดินกลับไปหารพีพงษ์

จากนั้น ชาวต่างชาติตัวใหญ่คนนี้สองมือกำเข้าหากันแล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า “ผมขอร้องครับ ช่วยรับผมเป็นลูกศิษย์ที ช่วยสอนวิชาเวทมนตร์ให้ผมด้วยครับ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท