พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1296 ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

บทที่ 1296 ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

หลังจากพูดคุยกันตั้งนาน รพีพงษ์จำเป็นต้องอ้างว่าอีกฝ่ายไม่มีพรสวรรค์ และในที่สุดหมอฝรั่งคนนี้ก็ยอมจากไป

เมื่อเสร็จธุระแล้ว รพีพงษ์กับชุติเทพมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน

“รพีพงษ์ ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนว่าจะมา แล้วยังให้ผมเล่นละครกับคุณอีก”

“ชุติเทพเอ๋ย ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ไอ้ฝรั่งคนนั้นคงเอาชื่อเสียงคุณไปประกาศให้ชาวต่างชาติแล้ว ไม่แน่คลินิกคุณอาจจะก็ปิดเลยก็ได้ แต่ก็ว่านะ ใครจะยอมให้คนอย่างมันมาดูถูกวงการแพทย์ของประเทศจีนเราล่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ เจสสิก้าที่อยู่ข้างๆ ถึงกับอดกลั้นหัวเราะไม่ได้

ชุติเทพยิ้มจางๆ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “แพทย์แผนจีนกับชาวตะวันออกมันต่างก็มีจุดแข็งของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไงเราก็มีเป้าหมายเดียวก็คือการรักษา ส่วนสตีเฟนที่จงใจจะมาเปรียบเทียบก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน”

“เห็นด้วย แพทย์แผนตะวันตกมันก็มีข้อดีของมันนะ แต่แพทย์แผนจีนของเราก็เป็นวิชาที่สืบทอดกันมานับพันปีแล้ว แน่นอนว่ามันต้องมีที่มาที่ไป ไม่อย่างนั้นคลินิกของชุติเทพจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้เหรอ” รพีพงษ์พูดติดตลก

“ไปกันเถอะ เข้าไปในบ้านกัน” ชุติเทพพูด

จากนั้นทุกคนก็เข้าไปในบ้าน อารียากับรพีพงษ์ก็เข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของศักดา

เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว ศักดาในตอนนี้อาการดีขึ้นมาก

แต่หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ก่อนหน้านี้ที่เขาฟื้นคืนสติ อารียากับไออ้วนที่นอนอยู่ข้างเตียงก็ได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับเขาฟังแล้ว

ศักดาที่รู้ตัวว่าเขาได้ต่อสู้กับรพีพงษ์และทำเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบนั้น เขาแทบอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาตบหน้าตัวเอง

ดังนั้น ทันทีที่เห็นรพีพงษ์ในวันนี้ เขาทั้งกังวลและกลัวว่ารพีพงษ์จะกลับมาคิดบัญชีกับเขาอีกครั้ง

“เป็นยังไงบ้างครับ” รพีพงษ์ถาม

ศักดาหยักหน้าอย่างประหม่า “รพีพงษ์ เองฟังข้าก่อนนะ ข้าไม่รู้ว่ามีพิษในร่างกายอารียาจริงๆ ตอนนั้นข้าขาดสติอยู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางไปทำร้ายลูกสาวตัวเองหรอก!”

จากนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลรินออกมา ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลยที่ชายวัยกลางคนจะเสียน้ำตาได้

อารียาเข้ามาจับมือของศักดาไว้ “พ่อคะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พ่ออย่าไปคิดมากเลย อีกอย่าง รพีพงษ์ช่วยขับพิษในร่างกายหนูออกไปแล้ว”

“จริง……จริงเหรอ?”

ศักดาเงยหน้าขึ้นมองรพีพงษ์ และได้คำตอบที่ยืนยันชัดเจนจากสีหน้าของรพีพงษ์

ชุติเทพที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งตกใจมากขึ้น พิษในร่างกายของอารียานั้นรุนแรงแค่ไหนซึ่งเขารู้ดีทุกอย่าง

และเขาในฐานะแพทย์แผนจีนชื่อดังยังไม่มีปัญญารักษาได้เลย

แต่ไม่คิดว่ารพีพงษ์กลับทำได้

“เรื่องก่อนหน้านี้ผมไม่ได้โทษคุณหรอกครับ เพราะคุณถูกวิชาพิษกู่ของโจซี่เล่นงาน” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น

และคำพูดนี้ก็ทำให้ศักดารู้สึกสบายใจขึ้น จากนั้นเขามองไปที่รพีพงษ์แล้วพูดอย่างซาบซึ้ง “ไอ้โจซี่คนนี้ ข้าล่ะเสียใจจริงๆ ที่แต่งงานกับมัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเองหรือว่าอารียา ชาตินี้ข้าไม่มีวันยกโทษให้มันอย่างแน่นอน!”

“คุณไม่มีโอกาสทำอะไรเธอแล้ว”

รพีพงษ์พูดเบาๆ “โจซี่ ถูกผมฆ่าตายไปแล้ว!”

“ถูกเองฆ่าไปแล้ว?”

ศักดาประหลาดใจมาก ก่อนที่เขาจะตกอยู่ในอาการขาดสติ เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของโจซี่แล้ว เธอไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น รพีพงษ์ก็ยังจัดการเธอได้

ซึ่งลูกสะใภ้คนนี้ที่เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์ในเมืองริเวอร์ แต่ในวันนี้ศักดามั่นใจแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนเดิมที่เขารู้จักแล้ว

“ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าเขาจะหายดีครับ”

รพีพงษ์ถามชุติเทพ

“ร่างกายของเขาถือว่าค่อนข้างดีนะ แต่เนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้เขาอ่อนเพลียลงมาก ผมว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาพักฟื้นไปถึงครึ่งปีเลยนะครับ” ชุติเทพพูดตามความเป็นจริง

“ไม่เป็นไรหรอกรพีพงษ์ ข้าอยู่ที่นี่ได้ อีกอย่างคุณหมอเทพก็ดูแลข้าดีมาก เพียงว่าจะเป็นการรบกวนพวกเขาไปหน่อย” ศักดาพูด เขารู้ดีว่าการที่ชุติเทพยอมดูแลเขาอย่างใกล้ชิดนั้นก็เพราะลูกเขยของเขาคนนี้ และเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดเบาๆ “ร่างกายอ่อนเพลียก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากนะ แล้วคุณอยากหายเร็วๆ ไหม!”

“หือ?”

แม้ศักดาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขายังคงพูดว่า “ถ้าหายไวที่สุดก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่คุณหมอเทพเคยบอกแล้วว่าอาการของข้าต้องใช้เวลาพักฟื้นหน่อย จะให้หายภายในวันสองวันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”

“ก็ไม่แน่นะ” รพีพงษ์ยิ้มพูด

“รพีพงษ์ คุณไม่ได้หมายความว่าคุณมีทักษะทางการแพทย์หรอกนะ? หรือว่าคุณมีวิธีทำให้เขาหายในทันทีได้?” ชุติเทพถาม

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แต่เขายังไม่ทันได้ตอบ เสียงของเจสสิก้าก็ดังเข้ามาจากด้านนอก

“ไอ้เด็กฝึกงานที่ไม่เอาไหน นายบอกว่าจะไปชงชาไม่ใช่เหรอ ทำไมไปแอบกินข้าวในห้องครัวล่ะ?”

“พอแล้วครับ พอแล้ว ผมก็เอาชามาแล้วนี่ไง”

ไออ้วนพูดด้วยความเจ็บปวด จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้ามา

และทันทีที่ทั้งสองเขามา รพีพงษ์กับอารียาก็อดขำไม่ได้

ผู้ชายตัวใหญ่เกือบเจ็ดฟุต แต่กลับถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งหยิกหูไว้ และในมือของเขายังถือน้ำชาอยู่สองถ้วย ที่น่าตลกกว่านั้นคือสีหน้าท่าทางของเขา

“พอได้แล้วเจสสิก้า เกรงใจรพีพงษ์เขาบ้าง ไม่สงสารศิษย์น้องของเธอเหรอ” ชุติเทพพูด ซึ่งดูเหมือนว่าเขาชินกับสถานการณ์แบบนี้ไปแล้ว

“ยังไม่รีบเสิร์ฟชาให้พี่สาวกับพี่เขยฉันอีก”

ไออ้วนเบะปากแล้วยื่นน้ำชาไปให้รพีพงษ์

“ไออ้วน!” รพีพงษ์พูดอย่างกะทันหัน “ที่นี่มียาไหม?”

ไออ้วนถึงกับทำหน้างง “ที่นี่คือคลินิกนะครับ ยาต้องมีอยู่แล้ว”

“งั้นดีเลย”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรมากเขาเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบปากกากับกระดาษออกมา

ชุติเทพและคนอื่นๆ ก็เดินเข้าไปดูด้วย จากนั้นพวกเขาก็เห็นชื่อของวัสดุทางการแพทย์ที่เขียนไว้บนกระดาษใบนั้น

“ไป ช่วยหยิบวัสดุยาให้ที นายรู้จักยาพวกนี้อยู่ใช่ไหม?” รพีพงษ์พูด

ไออ้วนตบหน้าอกของเขา “พี่จะดูถูกผมมากไปแล้ว ผมชำนาญเรื่องยาเหมือนกันนะครับ แค่วัสดุยาพื้นฐานเหล่านี้ผมต้องรู้จักสิครับ”

จากนั้นเขาก็หันเดินออกไป

“พี่รพีพงษ์ พี่สั่งจ่ายยาเป็นด้วยเหรอคะ?” เจสสิก้าทำหน้าประหลาดใจ

ชุติเทพมองเห็นรายการยาที่รพีพงษ์สั่งให้ไออ้วนไปหามา ซึ่งทั้งหมดเป็นยาสำหรับปรับสภาพร่างกายทั้งนั้น และที่ผ่านมาเขาก็ได้ใช้ยาเหล่านี้มาต้มให้ศักดาดื่มเช่นกัน

เพียงแต่ว่ากระบวนการปรับสภาพร่างกายโดยใช้วิธีนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองเดือนขึ้นไปถึงจะเห็นผลที่ชัดเจนได้

ไม่นานหลังจากนั้น ไออ้วนก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่เขาและคิดในใจว่าไออ้วนคนนี้ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ หยิบยาได้ถูกต้องทุกรายการด้วย

“พี่ใหญ่ พี่มีความสามารถในการรักษาคนด้วยเหรอครับ? ทำไมพี่ไม่เคยบอกผมเลย? หรือว่าพี่แอบดูใบสั่งยาของชุติเทพ?” ไออ้วนถาม

“ลูกศิษย์คนนี้พูดจายังไงกัน พี่รพีพงษ์จะแอบดูใบสั่งยาของอาจารย์ทำไม?” เจสสิก้าพูดด้วยอารมณ์

ไออ้วนรู้สึกผิด แต่ก็ยังสงสัยมาก

การใช้วัสดุยาเพื่อหลอมเป็นเม็ดยานั้น

เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดของรพีพงษ์ที่ไปยังสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้

ซึ่งการหลอมยาที่ว่านั้น เป็นการสกัดสารที่ดีที่สุดจากวัสดุยามาหลอมรวมด้วยกัน และด้วยวิธีนี้ ประสิทธิภาพของยาก็จะสูงกว่าเป็นร้อย ๆ เท่า

แน่นอนว่าวัสดุยาที่นี่จะเทียบกับสำนักเทพยาเซียนไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคของรพีพงษ์ในการหลอมรวมยานี้

ในท่ามตาสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน และภายในยี่สิบนาทีนี้ ยาเม็ดระดับกลางก็ถูกหลอดรวมออกมาอย่างเสร็จสิ้น

“นี่มัน……นี่มันอะไรกัน? ทำไมวัสดุยามากมายในมือพี่ถึงกลายเป็นยาเม็ดเล็กๆ ได้?” ไออ้วนก้าวไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นอยู่เหนือความเข้าใจของเขาไปนานแล้ว

“น่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ!”

ชุติเทพก็รู้สึกประหลาดใจ และสายตาที่มองรพีพงษ์ก็ให้ความเคารพมากกว่าเดิม

“ยาเม็ดนี้เรียกว่ายาเม็ดเติมพลัง เดี๋ยวผมจะทำยาเพิ่มอีกสักสองสามเม็ดนะ คุณกินวันละเม็ด ผมคิดว่าไม่เกินสามวันอาการบาดเจ็บของคุณก็จะหายดีได้” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น

ซึ่งยาเม็ดระดับกลางที่รพีพงษ์เพิ่งหลอมรวมเสร็จสิ้นนี้ เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่นิด

ต้องรู้ว่าเขาเป็นชายผู้ที่สามารถหลอมรวมยาเม็ดระดับเทพเซียนได้!

ศักดารู้สึกขอบคุณมาก หลังจากนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมาเป็นเวลานาน เขาจึงหวังว่าจะได้ฟื้นคืนภาพร่างกายเดิมให้เร็วที่สุด

ในขณะที่ศักดาและคนอื่นๆ กำลังยกย่องรพีพงษ์อยู่ ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็หรี่ตาลงและมีลมหายใจอันทรงพลังของคนสองคนพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

“แปลกแหะ พวกเขาสองคนกลับมาทำไม?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท