คืนวันนั้น รพีพงษ์กับอารียานอนอยู่บนเตียง
ส่วนหนูลินที่เล่นมาทั้งวันก็เหนื่อยจนผล็อยหลับไปในตรงกลางของระหว่างเขาทั้งสอง
มุมปากของหนูลินโค้งขึ้น และขนตายาวของเธอสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหนูลินกำลังหลับฝันดีอยู่อย่างแน่นอน
รพีพงษ์กับอารียาที่เฝ้ามองหนูลินกำลังหลับฝันดีอยู่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“บางที อีกวันสองวันข้างหน้าผมอาจจะต้องออกไปอีกครั้งแล้วนะ”
มือของอารียาที่ลูบหลังหนูลินอยู่ก็หยุดลง และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ จางหายไป
“คุณเพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ?” อารียาถาม
รพีพงษ์พยักหน้า “แคลร์ คุณลุกขึ้นก่อนสิ ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ”
เมื่อเห็นดวงตาของรพีพงษ์เคร่งขรึม อารียาได้แต่พยักหน้าตอบ
ทั้งสองเดินไปที่สวนหน้าบ้านด้วยกัน ในเวลากลางดึกแบบนี้ นอกจากเสียงร้องของแมลงแล้ว บริเวณสวนก็ดูเงียบสงบมาก
“คุณเห็นโลกใบนี้ไหม? ทุกอย่างช่างดูสวยงามไปหมด มันช่างสงบสุขเหลือเกิน” รพีพงษ์แหงนมองดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วพูดเบาๆ
อารียานั่งอยู่ข้างรพีพงษ์บนขั้นบันไดในสวนหน้าบ้านอย่างเงียบๆ ในเวลานี้ เธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างที่สุด
“แต่มันจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยทำลายความสงบสุขนี้อยู่เสมอ”
รพีพงษ์พูดต่อ “และสิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้ก็คือจัดการคนกลุ่มนี้ให้สิ้นซากไป เพียงแต่ว่า พวกเขาแข็งแกร่งกว่าใครๆ และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”
“รพีพงษ์” อารียาเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล “คุณกำลังจะเจอกับอันตรายใช่ไหม?”
รพีพงษ์ยื่นมือออกไปลูบผมของเธอเบาๆ แล้วยิ้มพูด “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ตอนนี้ยังปกติดีทุกอย่าง”
‘ “แล้วอนาคตล่ะ?” อารียารีบถามต่อ
“อนาคต……” รพีพงษ์แหงนมองท้องฟ้าอีกครั้ง สำหรับการที่ต้องเผชิญกับทวีปโอชวินนั้น ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เพียงแต่ทุกครั้งที่คนอย่างธีรพัฒน์หรือธัชธรรมพูดถึงมัน ใบหน้าของพวกเขาก็จะเต็มไปด้วยความกังวลอยู่เสมอ
“รพีพงษ์ ฉันไม่มีประโยชน์จริงๆ ฉันทำอะไรเพื่อคุณไม่ได้เลย”
อารียามองไปที่รพีพงษ์แล้วพูดด้วยความเศร้า
“ยัยบื้อ ขอแค่คุณช่วยผมดูแลบ้านหลังนี้ และให้ผมไม่ต้องกังวลอะไรอีก แค่นี้ก็เกินพอแล้ว” รพีพงษ์พูดเบาๆ
“รพีพงษ์ ไม่ว่าคุณจะเจอความยากลำบากมากแค่ไหน คุณก็สามารถชนะมันได้เสมอ ฉันเชื่อว่าครั้งนี้คุณก็จะทำได้เช่นกัน”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่กอดอารียาให้แน่นขึ้น
“จริงด้วยสิ พ่อคุณกับไอ้อ้วนคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว หายดีกันแล้วหรือยัง?” รพีพงษ์
อารียายิ้มตอบ “พวกเขาดีขึ้นเยอะแล้ว ชุติเทพเปลี่ยนยาให้พวกเขาทุกวัน คงลำบากน่าดูเลย”
รพีพงษ์พยักหน้า ก่อนหน้าที่ต่อสู้กับโจซี่ ไออ้วนถูกเขาเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส และศักดาก็บาดเจ็บมากกว่าไออ้วน
หากไม่ใช่เพราะธีรพัฒน์มาทันเวลา เกรงว่าศักดาคงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว
“ไออ้วนคนนี้ มันไม่รู้ว่าผมกลับมาเหรอ? ไม่เห็นแวะมาหาผมเลย” รพีพงษ์พูดอย่างจงใจ
“เขาน่ะเหรอ ตอนนี้เขากับเจสสิก้าฝึกวิชาแพทย์ที่ชุติเทพแล้ว” อารียายิ้มพูด
“ว่าไงนะ? มันฝึกวิชาแพทย์ด้วย?” รพีพงษ์พูดอย่างเหลือเชื่อ
โลกนี้เปลี่ยนไปเร็วมาก คนใจร้อนอย่างไออ้วนยังสงบสติอารมณ์แล้วไปเรียนวิชาแพทย์ด้วย?
“ผมว่านะ มันคงจะชอบน้องสาวที่รักของคุณแน่เลย” รพีพงษ์พูดอย่างจงใจ
“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ตอนนี้เจสสิก้าคงสบายแย่เลยสิ มีเด็กฝึกงานคอยรับใช้อยู่ข้างๆ คงไม่มีเวลาดีใจด้วยซ้ำ”
อารียาพูด
“เอางี้ดีกว่า ไหน ๆ พรุ่งนี้ผมไม่มีธุระอยู่แล้ว ผมจะแวะไปหาไออ้วนสักหน่อย ดูว่ามันจะเรียนวิชาแพทย์จริงหรือแอบทำอย่างอื่นกันแน่”
รพีพงษ์ยิ้มพูด
“งั้นเดี๋ยวฉันไปด้วยคนนะ จะได้แวะไปหาพ่อด้วย” อารียาตอบ
เช้าวันรุ่งขึ้น
รพีพงษ์กับอารียาซื้อของฝากมากมายและไปที่คลินิกของชุติเทพที่เกียวโต
“ไม่ทราบว่าวันนี้หมอว่างไหมครับ?”
ที่หน้าเคาน์เตอร์คลินิก ชายอ้วนคนหนึ่งนั่งพิงอยู่บนโต๊ะ และด้านหน้าของเขามีหนังสือเกี่ยวกับยารักษาโรคอยู่หลายเล่ม “วันนี้คิวเต็มแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมา!” ไออ้วนตอบอย่างเหลือทนและไม่ได้เงยหน้ามองคนข้างหน้าเลย “ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมผมไม่เห็นมีคนไข้เลย?” “ผมบอกว่าเต็มก็เต็มสิ ทำไมเรื่องมาจัง อย่ารบกวนผม ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่!” หลังจากไออ้วนพูดจบ เขาขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างเหลือทน และในทันใดนั้น เขาก็เห็นรพีพงษ์กับอารียายืนอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
“พี่……พี่ใหญ่? พี่มาได้ไงครับ?”
ไออ้วนรีบลุกขึ้นยืนแล้วออกมาต้อนรับอย่างเร่งรีบ
“ไออ้วนเอ๋ย ไม่เจอกันตั้งนาน นิสัยแย่ลงเยอะเลยนะ”
รพีพงษ์ตบบ่าของเขาด้วยความแรงและพูดด้วยรอยยิ้ม
ไออ้วนได้แต่เกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก “พี่ใหญ่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นพี่ เมื่อกี้ผมกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่เลย ผมไม่ได้ตั้งใจจะใส่อารมณ์กับพี่นะครับ จริงด้วย ถ้าพี่เจออาจารย์ผม พี่ห้ามบอกเรื่องนี้กับอาจารย์นะ ไม่อย่างนั้นผมโดนด่าอีกแน่เลย”
“อาจารย์ของเองเหรอ? ใครน่ะ?” รพีพงษ์พูดอย่างติดตลก
“ก็……เจส เจสสิก้าไงครับ” ไออ้วนก้มหน้าตอบอย่างเขินอาย
เพราะเจสสิก้าอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นอาจารย์ของเขา ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกอายมาก
“ฮ่า ๆ” รพีพงษ์หัวเราะเสียงดัง “ดูเหมือนว่าช่วงนี้เจสสิก้าทำให้นายไม่มีความสุขเลยสินะ”
“แล้วพี่ว่าล่ะ ยัยนั่นทั้งดุร้ายทั้งเอาแต่ใจ ดูสิพี่ เอาหนังสือให้ผมตั้งเยอะแยะ แต่ให้ผมอ่านจบภายในอาทิตย์เดียว แล้วเขาจงใจแกล้งผมไหมล่ะ คนอย่างผมแค่เห็นหนังสือก็ง่วงแล้ว!” ไออ้วนขมวดคิ้วพูด
มุมปากรพีพงษ์ยกขึ้นและยิ้มอย่างแปลกๆ “จริงเหรอ? งั้นแสดงว่าเองกำลังนินทาเขาอยู่ล่ะสิ?”
“นั่นสิครับ แต่ผมแค่ระบายเฉยๆ นะครับ ไม่กล้าพูดต่อหน้าเธอหรอก ขืนพูดให้เธอได้ยินผมคงถูกไล่ออกแน่!” ไออ้วนพูด
“อ้อ”
รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดกับไออ้วนต่อ “แต่พี่คิดว่าเธอน่าจะได้ยินหมดแล้วนะ พี่ว่า เองจะลองหันหลังดูก่อนไหม?”
“ไงนะครับ?”
ไออ้วนตกใจและค่อยๆ หันหลังกลับไป
ข้างหลังเขาคือเจสสิก้าที่แต่งชุดกระโปรงยาวและยืนมือเท้าสะเอวด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว
“อาจารย์ มา……มาได้ไงครับ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้” ไออ้วนพูดอย่างประหม่าแล้วรีบวิ่งออกไป
“ไออ้วน! คืนนี้นายไม่ต้องกินข้าวเย็นนะ!”
เจสสิก้าตะโกนอย่างเสียงดัง แต่ไออ้วนไม่อยู่ให้เห็นแม้แต่เงาแล้ว
รพีพงษ์กับอารียามองตากันแล้วยิ้ม จากนั้นเจสสิก้าก็เดินเข้ามาหาพวกเขา
“พี่สาว พี่เขย ขอโทษทีนะที่ให้พวกพี่เห็นเรื่องตลกแบบนี้ เด็กฝึกงานหนูไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย บางทีก็ทำให้หนูปวดหัวมาก”
เจสสิก้าพูดแบบหัวโบราณด้วยท่าทีที่ดูน่ารักมาก
รพีพงษ์กลั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ศักดาล่ะ? แล้วอาจารย์ของเธอล่ะ ไม่อยู่กันเลยเหรอ?”
“อ๋อ ที่แท้พี่เขยก็แค่ตั้งใจจะมาหาท่านทั้งสองสินะ ไม่คิดจะมาเยี่ยมหนูบ้างเลยใช่ไหม?” เจสสิก้าแกล้งพูดด้วยความโกรธ
“ที่ไหนเล่า ดูนี่สิ เธอไม่เห็นของฝากของเธอเหรอ?”
จากนั้นรพีพงษ์ก็หยิบของฝากออกมาชิ้นหนึ่งจากกองของฝากทั้งหมด
“ยังซื้อของฝากมาให้หนูเป็นด้วยเหรอ?”
เจสสิก้าเปิดกล่องของขวัญที่ดูหรูหรานั้นด้วยความสงสัยและความคาดหวัง
แต่ของที่อยู่ข้างในนั้นกลับเป็นแค่ปิ่นปักผมชิ้นเดียวเท่านั้น
“แค่ปิ่นปักผมเนี่ยนะ พี่เขย ทำไมพี่ขี้งกจัง” เจสสิก้าทำหน้าบึ้ง
รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจแล้วหันไปถามอารียาว่า “ผมขี้งกจริงเหรอ?”
อารียายิ้มแล้วพูดกับเจสสิก้าว่า “ปิ่นปักผมชิ้นนี้ พี่กับรพีพงษ์ไปซื้อที่พิพิธภัณฑ์เมื่อเช้านี้นะ ข้างบทปิ่นปักผมเป็นเพรชทั้งหมดเลย แต่ละเม็ดราคามากกว่าล้านเลยล่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีสิบสามเม็ดเลยนะ ไม่เพียงแค่นี้ เขาว่ากันว่าปิ่นปักผมนี้เจ้าหญิงในต่างประเทศเคยสวมใส่และยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเจ้าหญิงด้วยนะ”
“”เจ้าหญิงในต่างประเทศเคยสวมใส่?”
เจสสิก้าถามอย่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้ยังเป็นสมบัติที่ตกทอดมาด้วยสินะ
อารียาพยักหน้าแล้วยิ้มพูด “เธอน่ะ เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยในสายตาของรพีพงษ์กับฉันเลยนะจะบอกให้ ฉะนั้นมันถึงเหมาะสมกับเธอไงล่ะ”
“ขอบคุณนะคะพี่สาว”
เจสสิก้ายิ้มพูดอย่างมีความสุขและเก็บของขวัญไว้อย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณพี่สาวคนเดียว ไม่ขอบคุณพี่เขยบ้างเหรอ?” รพีพงษ์พูดติดตลก แต่กลับแลกด้วยการเชิดหน้าเบะปากของเจสสิก้าอย่างขำขัน
“แล้วชุติเทพล่ะ? ไม่เห็นเขาเลย?” รพีพงษ์พูด
“วันนี้มีแขกสำคัญมาเยี่ยมที่คลินิก อาจารย์บอกว่าไม่ให้พวกเราเข้าไปรบกวนด้วย หนูก็เพิ่งถูกไล่ออกมาเหมือนกัน!” เจสสิก้าพูดอย่างน้อยใจเพราะเพิ่งถูกชุติเทพเรียกให้ออกมา
“แขกสำคัญ?”
รพีพงษ์หรี่ตาถามอีกครั้ง “ใครกันแน่ เธอรู้จักเขาไหม?”