พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1294 มีแขกสำคัญ

บทที่ 1294 มีแขกสำคัญ

คืนวันนั้น รพีพงษ์กับอารียานอนอยู่บนเตียง

ส่วนหนูลินที่เล่นมาทั้งวันก็เหนื่อยจนผล็อยหลับไปในตรงกลางของระหว่างเขาทั้งสอง

มุมปากของหนูลินโค้งขึ้น และขนตายาวของเธอสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหนูลินกำลังหลับฝันดีอยู่อย่างแน่นอน

รพีพงษ์กับอารียาที่เฝ้ามองหนูลินกำลังหลับฝันดีอยู่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข

“บางที อีกวันสองวันข้างหน้าผมอาจจะต้องออกไปอีกครั้งแล้วนะ”

มือของอารียาที่ลูบหลังหนูลินอยู่ก็หยุดลง และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ จางหายไป

“คุณเพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ?” อารียาถาม

รพีพงษ์พยักหน้า “แคลร์ คุณลุกขึ้นก่อนสิ ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ”

เมื่อเห็นดวงตาของรพีพงษ์เคร่งขรึม อารียาได้แต่พยักหน้าตอบ

ทั้งสองเดินไปที่สวนหน้าบ้านด้วยกัน ในเวลากลางดึกแบบนี้ นอกจากเสียงร้องของแมลงแล้ว บริเวณสวนก็ดูเงียบสงบมาก

“คุณเห็นโลกใบนี้ไหม? ทุกอย่างช่างดูสวยงามไปหมด มันช่างสงบสุขเหลือเกิน” รพีพงษ์แหงนมองดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วพูดเบาๆ

อารียานั่งอยู่ข้างรพีพงษ์บนขั้นบันไดในสวนหน้าบ้านอย่างเงียบๆ ในเวลานี้ เธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างที่สุด

“แต่มันจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยทำลายความสงบสุขนี้อยู่เสมอ”

รพีพงษ์พูดต่อ “และสิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้ก็คือจัดการคนกลุ่มนี้ให้สิ้นซากไป เพียงแต่ว่า พวกเขาแข็งแกร่งกว่าใครๆ และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

“รพีพงษ์” อารียาเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล “คุณกำลังจะเจอกับอันตรายใช่ไหม?”

รพีพงษ์ยื่นมือออกไปลูบผมของเธอเบาๆ แล้วยิ้มพูด “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ตอนนี้ยังปกติดีทุกอย่าง”

‘ “แล้วอนาคตล่ะ?” อารียารีบถามต่อ

“อนาคต……” รพีพงษ์แหงนมองท้องฟ้าอีกครั้ง สำหรับการที่ต้องเผชิญกับทวีปโอชวินนั้น ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เพียงแต่ทุกครั้งที่คนอย่างธีรพัฒน์หรือธัชธรรมพูดถึงมัน ใบหน้าของพวกเขาก็จะเต็มไปด้วยความกังวลอยู่เสมอ

“รพีพงษ์ ฉันไม่มีประโยชน์จริงๆ ฉันทำอะไรเพื่อคุณไม่ได้เลย”

อารียามองไปที่รพีพงษ์แล้วพูดด้วยความเศร้า

“ยัยบื้อ ขอแค่คุณช่วยผมดูแลบ้านหลังนี้ และให้ผมไม่ต้องกังวลอะไรอีก แค่นี้ก็เกินพอแล้ว” รพีพงษ์พูดเบาๆ

“รพีพงษ์ ไม่ว่าคุณจะเจอความยากลำบากมากแค่ไหน คุณก็สามารถชนะมันได้เสมอ ฉันเชื่อว่าครั้งนี้คุณก็จะทำได้เช่นกัน”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่กอดอารียาให้แน่นขึ้น

“จริงด้วยสิ พ่อคุณกับไอ้อ้วนคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว หายดีกันแล้วหรือยัง?” รพีพงษ์

อารียายิ้มตอบ “พวกเขาดีขึ้นเยอะแล้ว ชุติเทพเปลี่ยนยาให้พวกเขาทุกวัน คงลำบากน่าดูเลย”

รพีพงษ์พยักหน้า ก่อนหน้าที่ต่อสู้กับโจซี่ ไออ้วนถูกเขาเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส และศักดาก็บาดเจ็บมากกว่าไออ้วน

หากไม่ใช่เพราะธีรพัฒน์มาทันเวลา เกรงว่าศักดาคงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว

“ไออ้วนคนนี้ มันไม่รู้ว่าผมกลับมาเหรอ? ไม่เห็นแวะมาหาผมเลย” รพีพงษ์พูดอย่างจงใจ

“เขาน่ะเหรอ ตอนนี้เขากับเจสสิก้าฝึกวิชาแพทย์ที่ชุติเทพแล้ว” อารียายิ้มพูด

“ว่าไงนะ? มันฝึกวิชาแพทย์ด้วย?” รพีพงษ์พูดอย่างเหลือเชื่อ

โลกนี้เปลี่ยนไปเร็วมาก คนใจร้อนอย่างไออ้วนยังสงบสติอารมณ์แล้วไปเรียนวิชาแพทย์ด้วย?

“ผมว่านะ มันคงจะชอบน้องสาวที่รักของคุณแน่เลย” รพีพงษ์พูดอย่างจงใจ

“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ตอนนี้เจสสิก้าคงสบายแย่เลยสิ มีเด็กฝึกงานคอยรับใช้อยู่ข้างๆ คงไม่มีเวลาดีใจด้วยซ้ำ”

อารียาพูด

“เอางี้ดีกว่า ไหน ๆ พรุ่งนี้ผมไม่มีธุระอยู่แล้ว ผมจะแวะไปหาไออ้วนสักหน่อย ดูว่ามันจะเรียนวิชาแพทย์จริงหรือแอบทำอย่างอื่นกันแน่”

รพีพงษ์ยิ้มพูด

“งั้นเดี๋ยวฉันไปด้วยคนนะ จะได้แวะไปหาพ่อด้วย” อารียาตอบ

เช้าวันรุ่งขึ้น

รพีพงษ์กับอารียาซื้อของฝากมากมายและไปที่คลินิกของชุติเทพที่เกียวโต

“ไม่ทราบว่าวันนี้หมอว่างไหมครับ?”

ที่หน้าเคาน์เตอร์คลินิก ชายอ้วนคนหนึ่งนั่งพิงอยู่บนโต๊ะ และด้านหน้าของเขามีหนังสือเกี่ยวกับยารักษาโรคอยู่หลายเล่ม “วันนี้คิวเต็มแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมา!” ไออ้วนตอบอย่างเหลือทนและไม่ได้เงยหน้ามองคนข้างหน้าเลย “ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมผมไม่เห็นมีคนไข้เลย?” “ผมบอกว่าเต็มก็เต็มสิ ทำไมเรื่องมาจัง อย่ารบกวนผม ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่!” หลังจากไออ้วนพูดจบ เขาขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างเหลือทน และในทันใดนั้น เขาก็เห็นรพีพงษ์กับอารียายืนอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

“พี่……พี่ใหญ่? พี่มาได้ไงครับ?”

ไออ้วนรีบลุกขึ้นยืนแล้วออกมาต้อนรับอย่างเร่งรีบ

“ไออ้วนเอ๋ย ไม่เจอกันตั้งนาน นิสัยแย่ลงเยอะเลยนะ”

รพีพงษ์ตบบ่าของเขาด้วยความแรงและพูดด้วยรอยยิ้ม

ไออ้วนได้แต่เกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก “พี่ใหญ่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นพี่ เมื่อกี้ผมกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่เลย ผมไม่ได้ตั้งใจจะใส่อารมณ์กับพี่นะครับ จริงด้วย ถ้าพี่เจออาจารย์ผม พี่ห้ามบอกเรื่องนี้กับอาจารย์นะ ไม่อย่างนั้นผมโดนด่าอีกแน่เลย”

“อาจารย์ของเองเหรอ? ใครน่ะ?” รพีพงษ์พูดอย่างติดตลก

“ก็……เจส เจสสิก้าไงครับ” ไออ้วนก้มหน้าตอบอย่างเขินอาย

เพราะเจสสิก้าอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นอาจารย์ของเขา ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกอายมาก

“ฮ่า ๆ” รพีพงษ์หัวเราะเสียงดัง “ดูเหมือนว่าช่วงนี้เจสสิก้าทำให้นายไม่มีความสุขเลยสินะ”

“แล้วพี่ว่าล่ะ ยัยนั่นทั้งดุร้ายทั้งเอาแต่ใจ ดูสิพี่ เอาหนังสือให้ผมตั้งเยอะแยะ แต่ให้ผมอ่านจบภายในอาทิตย์เดียว แล้วเขาจงใจแกล้งผมไหมล่ะ คนอย่างผมแค่เห็นหนังสือก็ง่วงแล้ว!” ไออ้วนขมวดคิ้วพูด

มุมปากรพีพงษ์ยกขึ้นและยิ้มอย่างแปลกๆ “จริงเหรอ? งั้นแสดงว่าเองกำลังนินทาเขาอยู่ล่ะสิ?”

“นั่นสิครับ แต่ผมแค่ระบายเฉยๆ นะครับ ไม่กล้าพูดต่อหน้าเธอหรอก ขืนพูดให้เธอได้ยินผมคงถูกไล่ออกแน่!” ไออ้วนพูด

“อ้อ”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดกับไออ้วนต่อ “แต่พี่คิดว่าเธอน่าจะได้ยินหมดแล้วนะ พี่ว่า เองจะลองหันหลังดูก่อนไหม?”

“ไงนะครับ?”

ไออ้วนตกใจและค่อยๆ หันหลังกลับไป

ข้างหลังเขาคือเจสสิก้าที่แต่งชุดกระโปรงยาวและยืนมือเท้าสะเอวด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว

“อาจารย์ มา……มาได้ไงครับ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้” ไออ้วนพูดอย่างประหม่าแล้วรีบวิ่งออกไป

“ไออ้วน! คืนนี้นายไม่ต้องกินข้าวเย็นนะ!”

เจสสิก้าตะโกนอย่างเสียงดัง แต่ไออ้วนไม่อยู่ให้เห็นแม้แต่เงาแล้ว

รพีพงษ์กับอารียามองตากันแล้วยิ้ม จากนั้นเจสสิก้าก็เดินเข้ามาหาพวกเขา

“พี่สาว พี่เขย ขอโทษทีนะที่ให้พวกพี่เห็นเรื่องตลกแบบนี้ เด็กฝึกงานหนูไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย บางทีก็ทำให้หนูปวดหัวมาก”

เจสสิก้าพูดแบบหัวโบราณด้วยท่าทีที่ดูน่ารักมาก

รพีพงษ์กลั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ศักดาล่ะ? แล้วอาจารย์ของเธอล่ะ ไม่อยู่กันเลยเหรอ?”

“อ๋อ ที่แท้พี่เขยก็แค่ตั้งใจจะมาหาท่านทั้งสองสินะ ไม่คิดจะมาเยี่ยมหนูบ้างเลยใช่ไหม?” เจสสิก้าแกล้งพูดด้วยความโกรธ

“ที่ไหนเล่า ดูนี่สิ เธอไม่เห็นของฝากของเธอเหรอ?”

จากนั้นรพีพงษ์ก็หยิบของฝากออกมาชิ้นหนึ่งจากกองของฝากทั้งหมด

“ยังซื้อของฝากมาให้หนูเป็นด้วยเหรอ?”

เจสสิก้าเปิดกล่องของขวัญที่ดูหรูหรานั้นด้วยความสงสัยและความคาดหวัง

แต่ของที่อยู่ข้างในนั้นกลับเป็นแค่ปิ่นปักผมชิ้นเดียวเท่านั้น

“แค่ปิ่นปักผมเนี่ยนะ พี่เขย ทำไมพี่ขี้งกจัง” เจสสิก้าทำหน้าบึ้ง

รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจแล้วหันไปถามอารียาว่า “ผมขี้งกจริงเหรอ?”

อารียายิ้มแล้วพูดกับเจสสิก้าว่า “ปิ่นปักผมชิ้นนี้ พี่กับรพีพงษ์ไปซื้อที่พิพิธภัณฑ์เมื่อเช้านี้นะ ข้างบทปิ่นปักผมเป็นเพรชทั้งหมดเลย แต่ละเม็ดราคามากกว่าล้านเลยล่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีสิบสามเม็ดเลยนะ ไม่เพียงแค่นี้ เขาว่ากันว่าปิ่นปักผมนี้เจ้าหญิงในต่างประเทศเคยสวมใส่และยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเจ้าหญิงด้วยนะ”

“”เจ้าหญิงในต่างประเทศเคยสวมใส่?”

เจสสิก้าถามอย่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้ยังเป็นสมบัติที่ตกทอดมาด้วยสินะ

อารียาพยักหน้าแล้วยิ้มพูด “เธอน่ะ เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยในสายตาของรพีพงษ์กับฉันเลยนะจะบอกให้ ฉะนั้นมันถึงเหมาะสมกับเธอไงล่ะ”

“ขอบคุณนะคะพี่สาว”

เจสสิก้ายิ้มพูดอย่างมีความสุขและเก็บของขวัญไว้อย่างระมัดระวัง

“ขอบคุณพี่สาวคนเดียว ไม่ขอบคุณพี่เขยบ้างเหรอ?” รพีพงษ์พูดติดตลก แต่กลับแลกด้วยการเชิดหน้าเบะปากของเจสสิก้าอย่างขำขัน

“แล้วชุติเทพล่ะ? ไม่เห็นเขาเลย?” รพีพงษ์พูด

“วันนี้มีแขกสำคัญมาเยี่ยมที่คลินิก อาจารย์บอกว่าไม่ให้พวกเราเข้าไปรบกวนด้วย หนูก็เพิ่งถูกไล่ออกมาเหมือนกัน!” เจสสิก้าพูดอย่างน้อยใจเพราะเพิ่งถูกชุติเทพเรียกให้ออกมา

“แขกสำคัญ?”

รพีพงษ์หรี่ตาถามอีกครั้ง “ใครกันแน่ เธอรู้จักเขาไหม?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท