พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1301 ผู้คุ้มกันคนสุดท้าย

บทที่ 1301 ผู้คุ้มกันคนสุดท้าย

ทันทีที่ตราคุมจิตปรากฏ หุ่นเชิดอย่างนภวัตก็ทนไม่ไหว

เมื่อก่อนตอนที่เขายังอยู่ในระดับแดนดั่งเทพ รพีพงษ์ก็ได้ใช้ตราคุมจิตเพื่อควบคุมชัชพิสิฐที่กำลังจะย้ายจิตวิญญาณของตนเอง จากนั้นก็ฆ่าเขา

ต่อมาเมื่อเผชิญหน้ากับจิรพนธ์ ก็ยังใช้ตราคุมจิต

ตอนนี้จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์แข็งแกร่งขึ้นมาก และตนเองฝึกฝนนจนทะลวงไปถึงระดับแดนเทพแล้ว ตราคุมจิตที่ตนเองสร้างขึ้นนั้นครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น จึงทำให้นภวัตไม่มีโอกาสหลบหนี!

“มันจบแล้ว”

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา ตราคุมจิตเลื่อนลงมา กดจนนภวัตไม่สามารถควบคุมตนเองได้จนคุกเข่าลงกับพื้น

“ไม่ ไม่!”

นภวัตเงยหน้ามองตราคุมจิตที่กำลังกดตนเองอย่างสิ้นหวัง แล้วตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด

“คุณทำชั่วไว้มากมาย และมาที่เกาะนี้โดยไม่มีเหตุผล รบกวนศิษย์น้องของผม นี่เป็นบทลงโทษสำหรับคุณ”

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา โดยไม่ไว้หน้าใด ๆ

“ผมมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล?” นภวัตกล่าวเสียงดัง “เกาะแห่งนี้ ผมเป็นคนค้นพบก่อน!”

“กำลังจะตายแล้วยังปากแข็งอีก”

“ชัชพิสิฐ!”

นภวัตเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน

คนที่อยู่ตรงนั้น รวมทั้งรพีพงษ์ ต่างก็แสดงความประหลาดใจ

“คุณพูดเรื่องอะไร!” รพีพงษ์ ถอนตราคุมจิตกลับคืนมา และใช้พลังเล็กน้อยด้วยมือขวา อีกฝ่ายก็ล้มลงกับพื้นทันที

รพีพงษ์ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไปที่หน้าอกของนภวัต แล้วถามอีกครั้งว่า “คุณรู้จักชัชพิสิฐได้อย่างไร! คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเขา! รีบพูดมา! ”

“เมื่อก่อนตอนที่ชัชพิสิฐหนีออกมาจากทวีปโอชวินแล้วมาที่นี่ ผมก็หนีออกมาพร้อมกับเขาด้วย” นภวัตกล่าว

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปที่นภวัตด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

ตอนที่ชัชพิสิฐมายังโลก นอกจากสมบัติของทวีปโอชวินที่เขานำมาด้วยแล้ว เขายังพาผู้คุ้มกันมาด้วยสี่คน

ผู้คุ้มกันสามคนนั้น รพีพงษ์แน่ใจว่าพวกเขาทั้งหมดได้ตายไปแล้ว ดังนั้นดูเหมือนว่านภวัตจะเป็นผู้คุ้มกันคนสุดท้าย!

“คุณเป็นผู้คุ้มกันของชัชพิสิฐ แล้วทำไมคุณไม่ติดตามเขา” รพีพงษ์กล่าวถาม

“ฮึ่ม ชัชพิสิฐเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก ผมไม่ชอบเขานานแล้ว และผมก็แยกตัวออกมาจากเขาไปเมื่อร้อยปีก่อน”

นภวัตกล่าว “ตอนที่ไอ้หมอนั้นออกมาจากทวีปโอชวิน เขาได้นำยาชั้นเลิศออกมาหลายกล่องใหญ่ พวกเราตกลงกันว่า ยาเม็ดเหล่านี้พวกเราจะใช้ด้วยกัน แต่ตอนที่ผมขอยาเม็ด เขากลับไม่ให้ผม แล้วยังพูดสวยหรูว่า เขาจะนำยาเม็ดพวกนี้ไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ ผมรู้สึกโกรธจึงแยกตัวออกมา”

“ที่แท้มันเป็นเช่นนี้นี่เอง”

รพีพงษ์ถามอีกครั้งว่า “แล้วยาเม็ดสีดำของคุณมาจากไหน? หรือว่า คุณเป็นนักหลอมโอสถวิญญาณ?”

นภวัตกล่าวอย่างจำใจว่า “เงื่อนไขในการเป็นนักหลอมโอสถวิญญาณนั้นยากลำบากมาก ผมยังไม่มีความสามารถที่จะทำได้ แต่ในทวีปโอชวินมีนักหลอมโอสถวิญญาณอยู่จริง”

“สำหรับเม็ดยาสีดำเหล่านี้ ถูกหลอมโดยนักหลอมโอสถวิญญาณ และยาเม็ดสีดำพวกนี้ถูกชัชพิสิฐนำออกมาจากทวีปโอชวินในตอนนั้นด้วย”

“เพียงแต่ว่า เม็ดยาที่นักหลอมโอสถวิญญาณหลอมนั้นมีประโยชน์สำหรับวิญญาณและหุ่นเชิดเท่านั้น ไม่มีประโยชน์สำหรับนักฝึกวิชาทั่วไป แล้วยังแว้งกัดผู้ฝึกวิชาด้วย ดังนั้นตอนที่ผมขอยาชั้นเลิศจากเขา เขาปฏิเสธที่จะให้ผม ดังนั้นเขาจึงให้ยาเม็ดสีดำเหล่านี้แก่ผมแทน”

“มติสวรรค์กลั่นแกล้งคน หลังจากที่ผมแยกตัวออกมาจากชัชพิสิฐแล้ว ผมก็ออกเดินทางตามลำพัง ไม่คิดว่าจะเจอผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งไล่ฆ่า ท้ายที่สุดผมก็กลายเป็นวิญญาณอย่างที่เห็น” นภวัตกล่าว.

รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย ทุกอย่างล้วนมีการสร้างและการเปลี่ยนแปลง เม็ดยาสีดำที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์เหล่านั้น ได้กลายเป็นไม้ตายที่เพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับนภวัต

“ต่อมา ผมได้รู้ว่า ชัชพิสิฐดูเหมือนจะหายตัวไปจากโลกนี้ ดังนั้นคราวนี้ ที่ผมมาที่นี่เพียงเพื่อจะมาเอายาชั้นเลิศเหล่านั้น” นภวัตกล่าว

“คุณรู้ได้อย่างไรว่าชัชพิสิฐได้หายไปจากโลกนี้?” รพีพงษ์ถาม

เมื่อนภวัตได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขาจะลังเลเล็กน้อย

ดวงตาของรพีพงษ์เย็นชา กระบี่สยบเซียนก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นกระบี่สยบเซียน หรือตราคุมจิต ก็จะมีปฏิกิริยาปราบปรามโดยธรรมชาติเมื่อเจอวิญญาณอย่างนภวัต

วันนี้มาเจอรพีพงษ์ที่นี่ ถือเป็นความโชคร้ายของนภวัต

“ผมบอก ผมจะบอกตอนนี้เลย”

นภวัตรีบอ้อนวอนขอความเมตตาและกล่าวว่า “ในทวีปโอชวินของพวกเรา ทุกคนที่มีพลังความแข็งแกร่งจะมีความสามารถในการรับรู้พิเศษ เราเรียกมันว่าวิชาเรียกเทพ ด้วยวิชาเรียกเทพนี้ พวกเราสามารถรับรู้ได้ว่ารอบ ๆ มีนักฝึกวิชาจากทวีปโอชวินอยู่หรือไม่ ก่อนหน้านั้นผมสัมผัสได้ว่าวิญญาณของชัชพิสิฐได้สลายไปแล้ว แต่ผมกังวลว่านี่จะเป็นกลอุบายของชัชพิสิฐ ดังนั้นกว่าที่ผมจะกล้ามาเกาะนี้ก็ใช้เวลานานมาก”

“วิชาเรียกเทพ?”

รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าทวีปโอชวินจะน่าอัศจรรย์มาก ไม่นึกเลยว่าจะมีเทคนิคลับแบบนี้อยู่จริง

“คุณพูดถูก ชัชพิสิฐตายไปแล้วจริง ๆ” รพีพงษ์กล่าวอย่างราบเรียบ

นภวัตพยักหน้า “ที่ชัชพิสิฐสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ เพราะเขาเลือกคนที่พรสวรรค์แล้วย้ายวิญญาณไปเรื่อย ๆ จากมุมมองนี้ คิดว่าเขาล้มเหลวในการย้ายวิญญาณ และผมไม่รู้ว่าคนที่แข็งแกร่งคนไหน ที่สามารถขวางการย้ายวิญญาณของชัชพิสิฐได้”

“มันแน่นอนว่าเป็นศิษย์พี่รพีพงษ์ของพวกเราเอง!”

บาวันที่อยู่ข้างหลังกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ชัชพิสิฐต้องการย้ายวิญญาณไปในร่างของรพีพงษ์ แต่กลับถูกรพีพงษ์ฆ่าตาย”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ นภวัตมองไปที่รพีพงษ์ รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ากลัวมากยิ่งขึ้น

แต่เมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายมีกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ ขณะเดียวกันก็ได้เบิกเนตรพลังวิเศษเสนแล้ว นภวัตรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเหตุผลที่สามารถเป็นไปได้

“รพีพงษ์ วันนี้ผมโชคร้ายที่ตกไปอยู่ในน้ำมือคุณ แต่ถ้าคุณยอมปล่อยผม ผมยินดีที่จะซื่อสัตย์กับคุณไปตลอดชีวิต!”

นภวัตกล่าวกับรพีพงษ์

เขามองท่าทางที่สงบของรพีพงษ์ แต่ไม่สามารถอ่านความคิดของรพีพงษ์ได้เลย

“คุณหมายถึง คุณเต็มใจที่จะเป็นหุ่นเชิดของผมใช่ไหม” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ

“ถูกต้อง แค่คุณตกลง ผมยินดีที่จะเป็นหุ่นเชิดของคุณ แม้ว่าผมจะอยู่ในระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด เพียงแค่ผมกินยา ผมก็จะเป็นหุ่นเชิดระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด” นภวัตกล่าว ซึ่งนี่เป็นการโปรโมทตนเองอีกวิธีหนึ่ง เพราะเขาไม่ต้องการที่จะถูกทำลายภายใต้น้ำมือของรพีพงษ์

“หุ่นเชิดระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด ฟังแล้วมันมีแรงจูงใจอยู่”

รพีพงษ์ถอนหายใจเบา ๆ

สายตาของนภวัตจับจ้องไปที่ใบหน้าของรพีพงษ์ หวังว่ารพีพงษ์จะให้คำตอบที่น่าพอใจให้แก่ตนเอง

หุ่นเชิดระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด นี่เป็นสิ่งที่นักฝึกวิชาทุกคนจะไม่ปฏิเสธ

บาวัน นิศมา และคนอื่น ๆ กลั้นหายใจ สิ่งที่นภวัตทำตอนที่เขามาถึงเกาะแห่งนี้ มันเป็นการทำลายล้างผู้คนในสำนักสยบเซียน

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เป็นวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตของคนกลุ่มนี้

และตอนนี้ รพีพงษ์ลังเลว่าจะให้นภวัตเป็นหุ่นเชิดหรือไม่?

บาวันอยากก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อถาม แต่ถูกนิศมาที่อยู่ด้านข้างรั้งไว้

“บาวัน อย่าวู่วาม รพีพงษ์ไม่ใช่คนแบบนั้น” นิศมากล่าวเบาๆ แล้วมองไปข้างหน้าด้วยความกังวล

ในที่สุด รพีพงษ์ที่เดินไปมาก็หยุดเดิน จิตใจของนภวัตสั่นไหว รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะตัดสินใจได้แล้ว เขาจะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของรพีพงษ์

“คุณต้องการเป็นหุ่นเชิดของผมจริง ๆ หรือ?” รพีพงษ์เอนตัวไปถาม

“แน่นอน ผมเป็นคนรักษาคำพูด”

นภวัตตอบ ดวงตาของเขาล่องลอย เขาคิดว่าขอให้ผ่านด่านนี้ไปก่อน

“ก็ได้ แต่เพื่อแสดงความจริงใจ ก่อนที่ผมจะตกลง คุณต้องทำเรื่องหนึ่งให้ผมก่อน”

“เรื่องอะไร?”

นภวัตถาม

“ช่วยผมหาคนคนหนึ่ง!”

รพีพงษ์มองหน้าอีกฝ่าย แล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คือเศษวิญญาณ! ”

“เศษวิญญาณ?”

“ถูกต้อง!” รพีพงษ์กล่าว “คุณรู้วิชาเรียกเทพไม่ใช่หรือ?”

“วิชาเรียกเทพของผมใช้ได้เฉพาะกับคนในทวีปโอชวินเท่านั้น และยังมีขอบเขตด้วย มิฉะนั้น โลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ผมจะรับรู้หมดได้อย่างไร” นภวัตกล่าวตามความจริง

รพีพงษ์แตะจมูกของตนเองและกล่าวว่า “เศษวิญญาณที่ผมขอให้คุณค้นหามาจากทวีปโอชวิน สำหรับขอบเขต ให้เริ่มค้นหาจากสถานที่ที่คุณมายังโลกของเราในตอนนั้น!”

“หมายถึงทางเชื่อม?”

นภวัตถาม และรพีพงษ์พยักหน้า

ขณะนี้ นภวัตมองไปที่รพีพงษ์ และรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น “ไม่คิดว่าคุณอายุยังน้อย แต่คุณรู้เรื่องมากมายขนาดนี้ รู้แม้กระทั่งเรื่องทางเชื่อม”

“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แค่คุณปฏิบัติตามที่ผมบอกก็พอแล้ว”

“โอเค ผมจะลองดู”

นภวัตกล่าว แล้วนั่งขัดสมาธิ

รพีพงษ์สามารถรับรู้ได้ว่าร่างกายของอีกฝ่าย มีคลื่นแห่งพลังจิตกำลังล่องลอยออกไป แต่พลังจิตนี้แตกต่างจากจิตวิญญาณเทพของตนเอง มีเพียงความสามารถในการรับรู้ แต่ไม่มีพลังอำนาจใด ๆ

หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที นภวัตก็ลืมตาขึ้น

“เป็นอย่างไรบ้าง มีเศษวิญญาณอยู่ในทางเชื่อมส่งต่อของเทือกเขาคุนหลุนหรือไม่?” รพีพงษ์ถามทันที

นภวัตมองไปที่รพีพงษ์ และเห็นว่ารพีพงษ์มีความกังวลมาก เขารู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากสำหรับรพีพงษ์

“รีบพูดมาเร็ว ไม่งั้นผมจะฆ่าคุณ!” ความอดทนของรพีพงษ์มีไม่มาก

ตอนนี้ผู้คนที่ทวีปโอชวินมายังโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหมายความว่าหลังจากวิญญาณของจอมมารชูร่าสลายไป ผู้คนในทวีปโอชวินได้ความพยายามทำลายทางเชื่อมส่งต่อมากยิ่งขึ้น

ชักช้ารีรออีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพื่อที่จะปกป้องแหล่งพลังทิพย์ รพีพงษ์ต้องแน่ใจว่า เศษวิญญาณของฐปนีย์ไปถึงทวีปโอชวินหรือยัง!

“ผมพูด” นภวัตกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่อสักครู่ เศษวิญญาณถูกคนรับไปจากทางเชื่อมแล้ว!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท